ซือฮัวเจ๋อไม่พูดอะไร แม้ว่าฉิวเหริงหยางจะเป็นรุ่นเยาว์แต่ทั้งคู่ก็เป็นนักออกแบบระดับ B ฉิวเหริงหยางก็ยังทำงานสาย R&D ด้วยเหมือนกัน ถ้าพวกเขาโต้เถียงกันต่อ ทั้งคู่จะรู้สึกอึดอัดใจกันเปล่าๆ อีกอย่างซือฮัวเจ๋อคิดว่าต่อยตีฉิวเหริงหยางไม่ได้อยู่แล้ว
เขาจึงเงียบไปครู่หนึ่ง
พิธีกรรู้สึกถึงบรรยากาศน่ากังวลท่ามกลางกรรมการ เขาก็รีบพูดออกมาว่า “เอาล่ะครับ ขอขอบคุณอาจารย์ทั้งสามท่านสำหรับความคิดเห็นนะครับ อันที่จริงผมคิดว่าเกมจะสร้างความไม่พอใจให้ทุกคนเสียอีก บางคนชอบแต่บางคนไม่ชอบ นี่เป็นเรื่องปกติครับ ไม่มีถูกหรือผิด อีกทั้งการตัดสินสุดท้ายก็ยังอยู่ในมือของผู้ชมทุกคน แล้วโปรดขอให้ผู้ชมทำการแนะนำครั้งที่สองกันเถอะครับ”
พิธีกรช่วยสร้างหนทางลงให้กรรมการทั้งสองท่าน ใบหน้าซือฮัวเจ๋อก็ค่อยๆ ดีขึ้นเล็กน้อย
ขั้นตอนต่อไป ผู้ชมจะทำการแนะนำเกมอีกครั้งแต่เห็นได้ชัดว่าช่วงเวลานี้โฟกัสของทุกคนต่างก็อยู่ที่เกมทั้งสอง <ฟลับฟี้เบิร์ด> และ <ฮันเตอร์ไอแลนด์> กันแล้ว
เกมอื่นไร้สามารถที่จะก้าวข้าม <ฟลับฟี้เบิร์ด> อีกต่อไป กุญแจสำคัญคือการดูการแนะนำ <ฮันเตอร์ไอแลนด์> นั้นจะได้เท่าไหร่ในรอบสุดท้ายนี้
ทุกคนต่างพากันรู้สึกลังเล
“นายโหวตให้เกมไหนเหรอ?”
“ฉันคิดว่าอาจารย์ซือพูดเข้าท่าน่ะ เกม <ฟลับฟี้เบิร์ด> ง่ายเกินไปไหม? มันได้แชมป์คุ้มค่าแล้วเหรอ?”
“งั้นนายจะโหวต <ฮันเตอร์ไอแลนด์> ?”
“โอ๊ บอกยากอ่ะ ถึงฉันจะรู้สึกว่าฮันเตอร์ไอแลนด์สร้างมาดีกว่า มันก็ไม่สนุกเหมือน <ฟลับฟี้เบิร์ด> หนิ”
“แล้วนายจะลังเลทำเพื่อ? อาจารย์ฉิวเหริงหยางก็พูดมีเหตุผล ฉันจะโหวตให้ <ฟลับฟี้เบิร์ด> เหมือนเดิม”
“ฉันก็จะโหวตให้ <ฟลับฟี้เบิร์ด> เหมือนกัน”
“รีบโหวตกันเถอะ ฉันไม่อยากถูกทรมานคนเดียว”
ไม่นานนักข้อมูลสถิติใหม่ก็ออกมา
<ฟลับฟี้เบิร์ด> ได้รับการแนะนำ 1037 ครั้ง
<ฮันเตอร์ไอแลนด์> ได้รับการแนะนำ 537 ครั้ง
<ฮันเตอร์ไอแลนด์> ต้องการการแนะนำมากกว่า 128 ครั้งถึงจะก้าวข้าม <ฟลับฟี้เบิร์ด> เพื่อชิงตำแหน่งที่หนึ่งได้อย่างสมบรูณ์ เห็นได้ชัดว่าไม่มีหวัง
ยิ่งกว่านั้น <ฟลับฟี้เบิร์ด> ในรอบสองยังเก็บเกี่ยวการแนะนำไปอีกเกือบ 500 ครั้ง ซึ่งเป็นชัยชนะเหนือกว่าเกมทั้งหมด!
พิธีกรพูด “เอาล่ะครับ ผลลัพธ์สุดท้ายก็ได้เผยออกมาแล้ว ตามกฎ <ฟลับฟี้เบิร์ด> ได้พิสูจน์ความรักจากผู้ชมด้วยอันดับที่หนึ่งไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาและจำนวนการแนะนำเกม แต่ก่อนอื่นมาดูกันที่ความคิดเห็นของกรรมการทั้งสามท่านกันก่อน ถ้ากรรมการทั้งสามท่านเห็นพร้อมต้องกันว่ามันไม่คู่ควรกับอันดับที่หนึ่ง แล้วก็น่าเสียดายที่เราต้องยกเลิกคุณสมบัติของมัน”
“กรรมการทั้งสามท่าน ความคิดเห็นของท่านคืออะไรครับ?”
พิธีกรมองไปที่กรรมการทั้งสามคน
ซือฮัวเจ๋อและหลินไห่ไม่พูดอะไร
เพื่อตัดสิทธิ์เกมแล้ว กรรมการทั้งสามคนจะต้องเห็นพร้อมต้องกัน ท่าทีของฉิวเหริงหยางเห็นได้อย่างชัดเจน ต่อให้ซือฮัวเจ๋อและหลินไห่คัดค้านก็ไม่มีผลอะไรอีก ทั้งสองจึงไม่พูดอะไรออกมา
ฉิวเหริงหยางขยับไมค์โครโฟน “ฉันรู้จักเกมนี้ดี ฉันคิดว่ามันสมควรได้รับอันดับที่หนึ่งในการแข่งขันออกแบบเกมครั้งนี้”
พิธีกรพยักหน้า “เอาละครับ! ถ้างั้นตำแหน่งอันดับที่หนึ่งในการแข่งขันออกแบบเกมของเราก็เป็นอันเลือกแล้วนั่นก็คือนักออกแบบหมายเลข 7 นักออกแบบที่ออกแบบ <ฟลับฟี้เบิร์ด> !”
“ต่อไป เราก็ขอเชิญนักออกแบบหมายเลข 7 ก้าวขึ้นมาบนเวทีเพื่อรับรางวัล คุณจะได้รับเงินทุน R&D 300000 หยวน คุณสมบัตินักออกแบบเกมระดับ D และร้านสัมผัสประสบการณ์ส่วนตัวที่จัดหามาจากผู้จัดงาน ขอแสดงความยินดีด้วยครับ!”
เฉินโม่ลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินไปบนเวที
ผู้ชมและผู้เล่นต่างพากันรอดู ทุกคนต้องการเห็นว่าเด็กหนุ่มคนไหนคือนักออกแบบเกมสมองเพี้ยนคนนี้
อาจจะมีผู้ชมถึงครึ่งหนึ่งที่ต้องการกระชากผมของเฉินโม่มาซักถามว่า “นายเป็นพวกต่อต้านสังคมใช่ไหม! ทำไมนายถึงพัฒนาเกมนอกรีตอย่างนั้น! ทำไมห๊า!”
แน่นอนว่าพวกเขาทำได้แค่คิด
ทว่าปฏิกิริยาของเฉินโม่สงบนิ่งอย่างมาก ไม่มีอารมณ์ยินดียินร้ายอะไรราวกับว่าเขาคาดการณ์เรื่องนี้ไว้แล้วว่าจะเกิดขึ้น
ราวกับว่าเขาแค่เพียงเดินผ่านเวทีมาเพื่อรับรางวัลเท่านั้น
“ขอแสดงความยินดีด้วยครับ”
พิธีกรและเฉินโม่จับมือแสดงความยินดีกัน แล้วส่งมอบถ้วยรางวัลเกมให้กับมือเฉินโม่
“การแข่งขันจบแล้วจะมีทีมงานติดต่อคุณแล้วโอนโบนัสไปยังบัญชีของคุณทีหลังน่ะครับ นอกจากนี้ร้านสัมผัสประสบการณ์จะส่งมอบให้โดยเฉพาะซึ่งจะมีการหารือกันอีกทีกับทีมงาน”
เฉินโม่พยักหน้า
พิธีกรพูดขึ้นดังกังวาล “ดังนั้นให้เราปรบมือแสดงความยินดีกับนักออกแบบหมายเลข 7 เฉินโม่!”
ผู้ชมปรบมือดังสนั่น นักข่าวรอบๆ พากันกดแฟลชกันวูบวาบ เขาถือถ้วยรางรัลแล้วยิ้มอย่างสุภาพ
เห็นอย่างนี้เสียงปรบมือก็ดังยิ่งขึ้น
“แค๊กๆ คุณพิธีกร ผมขอพูดอะไรสักสองสามคำได้ไหม?”
พิธีกรตกตะลึงและหันหน้าไปเห็นซือฮัวเจ๋อที่กำลังจะพูด
คุณหมายถึงอะไร?
พิธีกรลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ตามระเบียบการแล้วอันที่จริงการแข่งขันออกแบบเกมทั้งหมดเสร็จสิ้นหมดแล้ว ความคิดเห็นก็พูดไปแล้ว คุณยังจะมีอะไรให้พูดอีก?
แต่ซือฮัวเจ๋อขยับไมค์โครโฟนเตรียมไว้แล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่จะห้ามอะไรได้อีก พิธีกรก็พยักหน้า “ได้ครับ ท่านอาจารย์พูดได้เลย”
เสียงปรบมือค่อยๆ เงียบหาย เหล่าผู้ชมต่างพากันสงสัยว่าซือฮัวเจ๋อจะพูดอะไร
ซือฮัวเจ๋อล้างลำคอแล้วพูดกับเฉินโม่ “อย่างแรก ขอแสดงความยินดีกับการได้อันดับที่หนึ่ง”
เฉินโม่พยักหน้า “ขอบคุณครับ”
ซือฮัวเจ๋อพูดต่อ “ฉันอยากแชร์ประสบการณ์บางอย่างกับเธอในฐานะอาวุโส เธออยากฟังไหม?”
เฉินโม่ยิ้มแล้วพยักหน้า “ครับ โปรดพูดมาได้เลย”
ซือฮัวเจ๋อพูด “ฉันคิดว่าในฐานะคนหนุ่มสาว ไอเดียของเธอไม่เหมือนใครจริงๆ ไอเดียของเธอนั้นสร้างเกมที่แตกต่างออกมา สิ่งนี้เก่งกาจเอามากๆ แต่การสร้างเกมใช่ว่าจะเกี่ยวข้องกับไอเดียเสียทีเดียว ต่อให้มีไอเดียเหลือล้นบางครั้งก็อาจจะทำให้เธอร่วงลงมาได้”
“ในการสร้างเกม เธอยังจะต้องฝึกฝนอีกมาก และวางเท้าบนพื้นดินให้มั่นแทนที่จะอาศัยช่องโหว่เพื่อสร้างเกมที่นิยมชั่วคราวที่อยู่ไม่ได้นาน”
“ยกตัวอย่างเกมนี้ จากมุมมองของฉันอันที่จริงเธอไม่ได้นำพาอารมณ์หรือความสุขอะไรมาสู่ผู้ชมเลยแต่กลับอาศัยอารมณ์ด้านลบของพวกเขามาแทน ทำให้ฉันรู้สึกอารมณ์เสียมาก”
“ฉันหวังว่าเธอจะหันกลับมาจากหนทางที่ผิดโดยเร็วน่ะ อย่าดำดิ่งไปเพราะรางวัลนี้มันจะเป็นอันตรายต่อตัวเธอเอง เข้าใจไหม?”
ตอนที่ซือฮัวเจ๋อพูดจบ บรรยากาศในสนามแข่งก็อึมครึมเล็กน้อย
แม้ว่าจะเต็มไปด้วยคำพูดที่ยิ่งใหญ่แต่ความหมายโดยนัยชัดเจน ตามที่พูดนั้นเฉินโม่อาศัยความโชคดี แต่ถ้าใครสร้างเกมที่คล้ายกันแน่นอนเลยว่าตายตก
เห็นได้ชัดว่าซือฮัวเจ๋อยังคงรู้สึกขุ่นเคือง เขาไม่อาจจะเผชิญหน้าโต้เถียงกับฉิวเหริงหยางได้ แต่เขาจะไม่ยอมรับว่าตัวเองที่ผิด เขาจึงพูดอย่างนั้นเพื่อระบายความโกรธใส่เฉินโม่
การหาเรื่องฉิวเหริงหยางมีแต่เสี่ยงอย่างมาก ถ้าฉิวเหริงหยางโกรธขึ้นมาและทั้งคู่โต้เถียงกัน ซือฮัวเจ๋อจะมีแต่เสียเปรียบ อย่างไรก็ตามการหาเรื่องเฉินโม่ไม่มีความเสี่ยง นักออกแบบเกมที่เพิ่งเริ่มต้นอาชีพ อย่างมากเจ้าตัวก็แค่พยักหน้าและพูดอย่างนอบน้อมว่า “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ” ต่อให้เขามีความเห็นก็ทำได้เพียงเก็บไว้ในใจเท่านั้น
ฉิวเหริงหยางจะไม่เข้าใจความคิดซือฮัวเจ๋อได้ยังไง แต่ซือฮัวเจ๋อไม่ได้มุ่งเป้ามาที่ตัวเอง ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาทำตัวโดดเด่น เขาทำได้แค่มองดูเฉินโม่ถูกตำหนิจนเป็นใบ้เท่านั้น