ผู้ชมส่วนมากไม่ได้เริ่มเล่นเกมเมื่อพิธีกรกล่าวว่าเริ่ม พวกเขามองดูที่จอใหญ่ขณะฟังพิธีกรแนะนำเกมต่างๆ พวกเขาจะเล่นเมื่อมีบางเกมที่ดึงดูดความสนใจของพวกเขาเท่านั้น
เสียงแหลมต่ำของพิธีกรดังก้องไปทั่วสนามแข่ง
“นักออกแบบหมายเลข 7 เกม: Flappy Bird ”
“ภายในเกมผู้เล่นจะสามารถควบคุมการบินของนกโดยการกดที่หน้าจอแล้วข้ามผ่านสิ่งขีดขวางต่างๆ ทุกครั้งที่ข้ามสิ่งขีดขวางไปได้ ผู้เล่นจะได้รับ 1 คะแนน”
“เกมมีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตและจัดอันดับการเล่น อืม, จัดอันดับผู้เล่น”
เห็นได้ชัดว่าเสียงของพิธีกรชะงักไปครู่หนึ่ง เขาอยากจะพูดให้เกมมีสีสันและร้อนแรงขึ้นแต่สุดท้ายก็ล้มเหลว
ด้วยความเป็นพิธีกรมืออาชีพที่มีชื่อเสียง แม้เขาจะไม่สามารถหาคำยกย่องเกมนี้ได้ แต่เขาก็สามารถพูดเรื่องการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตและจัดอันดับการเล่นซ้ำๆได้
ยังดีที่มันเป็นเกมออนไลน์
มีเสียงระเบิดหัวเราะดังออกมาจากผู้ชมในงาน อันที่จริงเกมก่อนหน้านี้เองก็ค่อนข้างง่ายๆ เหมือนกันแต่ไม่ได้ง่ายเท่าเกมนี้!
ตัดสินจากวีดีโอเดโม่บนหน้าจอใหญ่แล้ว นี่ค่อนข้างออกจะ ออกจะ…เรียกไม่ได้ว่าเกม!
สไตล์พิกเซลแย่มาก
ไม่มีการดำเนินเรื่องแต่อย่างใด
มีเพียงการเล่นที่น่าเบื่ออย่างเดียวเท่านั้น
ใครกันจะไปอยากเล่นเกมแบบนี้?
มองไปที่สามกรรมการ
ใบหน้าของซือฮัวเจ๋อท่าทางดำคล้ำ
หลินไห่ท่าทีงุงงง
ฉิวเหริงหยางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เขาตรวจสอบบนแท็บแล็ปแล้วดูว่าเกมนั้นเรียบง่ายจริงๆหรือไม่
กรรมการทั้งสามท่านมีความคิดตรงกันอย่างชัดเจน “เอาจริงดิ๊? องค์ประกอบเกมสำหรับการแข่งขันสร้างขึ้นมาง่ายๆ อย่างนี้เลยเหรอ?”
เกมประเภทนี้ได้รับเลือกให้เข้ามาในการแข่งขันได้ยังไง? นักออกแบบถูกเลือกไว้แล้วล่วงหน้างั้นเหรอ?
ผู้แข่งขันคนอื่นเองก็ยังหัวเราะเยาะ ความวิตกและความกังวลของพวกเขาก็ปลดปลงอย่างสมบูรณ์
หลายคนพยายามแอบมองหาหมายเลข 7 พวกเขาต้องการเห็นว่าเขาเป็นใคร เขาไม่เกรงกลัวว่าจะโดนคนทั้งวงการเกมหัวเราะเยาะเพราะเรื่องนี้งั้นเหรอ?
ในเวลานี้เฉินโม่นั่งอยู่ด้วยสีหน้าใจเย็น
ไม่มีคนรู้ว่าเขาคือหมายเลข 7
ไม่มีป้ายหมายเลขบนตัวผู้เข้าแข่งขันเพื่อป้องกันกลโกง จึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับตัวตนของผู้เข้าแข่งว่าจะกระทบกระเทือนใจจากการวิพากย์วิจารย์ของกรรมการหรือผู้ชม
พิธีกรทำการแนะนำเกมอื่นต่อไปเรื่อยๆ แต่เหตุการณ์นี้กลายมาเป็นที่น่าหัวเราะของคนจำนวนมาก
เฉินโม่รู้สึกว่าเกือบจะได้เวลาแล้ว เขาแอบเปิดหน้าจอเสมือนของกำไลแล้วใช้ซุปเปอร์โฟกัส
เขาเคยทดลองมาก่อนแล้ว หน้าจอเสมือนนี้มีเพียงเขาที่มองเห็น เขาจึงใช้มันได้ตามใจ
แล้วเฉินโม่ก็ตั้งเป้าหมายไปที่กรรมการทั้งสามท่านและผู้ชมส่วนใหญ่ แน่นอนว่าครบทั้งห้าร้อยคนและโฟกัสให้ทุกคนสนใจมาที่เกมของตัวเอง
บนหน้าจอเสมือนปรากฎการนับถอยหลัง 10 นาที ภายใน 10 นาทีนี้ความสนใจของทั้ง 500 คนจะถูกดึงมาที่เกมของเฉินโม่อย่างเต็มที่
หลังจากดำเนินการเสร็จ เฉินโม่ก็นั่งลงที่นั่งของตัวเองแล้วรออย่างเงียบๆ
ตามคำที่กล่าวไว้ว่า เพื่อทำอย่างหนึ่งให้ดีที่สุดแล้วทิ้งที่เหลือไว้กับพระเจ้า ตอนนี้ที่เหลือก็แล้วแต่โชคชะตา
…
ทางด้านผู้ชม เด็กนักเรียนคนหนึ่งเปิดแท็บแล็ปแล้วเตรียมค้นหาเกมที่จะเล่นอยู่
เดิมทีเขาไม่อยากจะแตะที่ตัวเกม Flappy Bird ผลก็คือนิ้วของเขาอดเผลอที่จะคลิกไม่ได้
“เอ๊?”
เจ้าตัวรู้สึกสับสนเล็กน้อยแต่ก็รู้สึกเลือนรางว่าหัวใจของตัวเองกำลังร้องบอกให้ตัวเอง “เล่นมัน, เล่นมัน…”
“ไม่ใช่เป็นเกมที่ง่ายสุดงั้นเหรอ? ไม่เห็นจะน่าสนุกเลย”
“…”
“ช่างเถอะ ลองเล่นดูละกัน”
เด็กนักเรียนก็คลิกบนหน้าจอแล้วเริ่มเล่นเกม
คู่รักคู่หนึ่งที่แต่เดิมกำลังเล่นเกมต่อสู้กันอยู่ จู่ๆหญิงสาวก็เกิดความรู้สึกเบื่อเล็กน้อย
“มันน่าเบื่อแล้วอ่ะ เปลี่ยนไปเล่นเกมอื่นเถอะ”หญิงสาวพูด
ชายหนุ่มพยักหน้า “ดีเหมือนกัน ฉันเองก็เริ่มเบื่อแล้วแต่ว่าเล่นเกมไหนดีล่ะ?”
ดวงตาของทั้งคู่ก็มองหาเกมจากทั้ง 20 รายการ และผลก็คือดวงตาของพวกเขาไปหยุดอยู่ที่ไอคอนนกอ้วนและท่าทางโง่ๆ ของ Flappy Bird
หญิงสาวพูด “เกมนี้ดูเหมือนจะเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตและจัดอันดับได้น่ะ งั้นเล่นเกมนี้กันไหม?”
ชายหนุ่มรู้สึกลังเล “โอ๊, แต่เกมนี้จะสนุกเหรอ?”
หญิงสาวพูด “เราจะรู้เองว่ามันสนุกหรือไม่สนุกถ้าได้ลองดู อีกอย่างไม่ใช่ว่ามีฟังก์ชั่นจัดอันดับทางอินเตอร์เน็ตด้วยหรือไง? ลองดูกันว่าใครจะได้คะแนนสูงกว่ากัน”
ชายหนุ่มพยักหน้า “ได้!”
ทั้งคู่ก็กดไอคอนนกของ Flappy Bird พร้อมกัน
ซุปเปอร์โฟกัสมีผลทันทีทำให้ทั้งห้าร้อยคนพากันกด Flappy Bird แล้วเริ่มเล่นเกม
แม้แต่กรรมการทั้งสามท่านก็เช่นกัน
ซือฮัวเจ๋อรู้สึกโกรธเมื่อเขาเห็น Flappy Bird บนจอใหญ่ เขาเกือบจะลุกขึ้นแล้วไปขอให้ยกเลิกคุณสมบัติของนักออกแบบเกมหมายเลข 7
แต่ในที่สุดซือฮัวเจ่อก็เป็นคนแก่ที่สุดในหมู่กรรมการทั้งสามท่าน เมื่อคนแก่ตัวพวกเขาจะรู้จักยับยั้งใจของตัวเอง ในความเห็นของเขาเจ้านี่ยังเรียกได้ว่าเกมอีกงั้นเหรอ? มันก็แค่มุขตลกอย่างหนึ่งเท่านั้น มันดูถูกนักออกแบบเกม!
คนเช่นนี้ผ่านเข้ามาในรอบคัดเลือกได้ยังไง ผู้จัดงานไม่ได้ตรวจสอบความสามารถของเขาเลยงั้นเหรอ?
หรือว่า…เป็นความสัมพันธ์เชิงธุรกิจ?
การแข่งขันประเภทนี้ย่อมมีหุ่นเชิดอยู่เบื้องหลัง น่าปวดหัว!
แต่ความเดือดดาลทำให้ซือฮัวเจ๋อพบว่าสายตาของเขาดูเหมือนจะสูญเสียการควบคุมเล็กน้อยในขณะที่มองไอคอนทั้ง 20 เกมบนแท็บแล็ป เขารู้สึกว่าเจ้านกโง่นั้นมีความสะดุดตาเป็นอย่างมาก ราวกับว่ามันครอบคลุมทั้งหน้าจอเลยทีเดียว
“…”
“ฉันจะลองเล่นดูว่ามันย่ำแย่แค่ไหน”
ซือฮัวเจ๋อกดไอคอนนกโง่แล้วเข้าสู่ตัวเกม
ด้วยความที่เขารู้สึกอึดอัดใจมากเกินไปเมื่อเล่นเกมเลยทำให้เขารู้สึกราวกับฝีมือด้อยลง แล้วเมื่อเขามองไปที่กรรมการอีกสองท่านที่นั่งถัดจากเขา หน้าจอเกมของพวกเขาก็ได้เปลี่ยนเป็น Flappy Bird ด้วยเหมือนกัน!
ซือฮัวเจ๋อ “…”
ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่กำลังเล่นเกมนี้
กรรมการทั้งสองท่าน หลินไห่และฉิวเหริงหยางก็กำลังเล่น Flappy Bird ด้วยเหมือนกัน!
สาเหตุที่ฉิวเหริงหยางเล่นไม่ใช่เพราะผลจากซุปเปอร์โฟกัส ในขณะที่พิธีกรแนะนำเกมนั้นเขากลับพบปัญหาอย่างหนึ่ง
ทำไมเกมที่เรียบง่ายและน่าเบื่อถึงต้องมีฟังก์ชั่นการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตและจัดอันดับล่ะ?
ไม่มีความจำเป็นจะต้องทำเช่นนี้ ควรจะเอาพลังงานนี้ไปสร้างเกมที่มีระดับมากกว่านี้หลายๆ เกมหรือเอาไปพัฒนาตัวละครหลายๆ ตัวไม่ดีกว่างั้นเหรอ?
ด้วยคำถามเหล่านี้ทำให้ฉิวเหริงหยางกดไอคอนนกโง่
หน้าจอเริ่มต้นเกมเรียบง่ายอย่างมาก มีแค่ปุ่มเดียวบนหน้าจอให้กับผู้เล่นกดเพื่อบังคับให้นกบินขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ก็ไม่มีปุ่มอะไรอื่นอีก
ข้างบนของหน้าจอมีตัวเลข 0 อยู่ซึ่งน่าจะเป็นคะแนน
ภาพในเกมดูเหมือนกับวีดีโอเดโม่บนจอใหญ่อย่างไม่ผิดเพี้ยน เป็นสไตล์พิลเซลง่ายๆ รูปร่างนกดูเหมือนกับลูกบอล ดวงตากลมโตสองลูก และปากที่คล้ายกับไส้กรอก ปีกทั้งคู่ก็เล็กนิดเดียว ดูโง่ๆ อย่างไงอย่างนั้น
แต่อันที่จริงมันก็ดูน่ารักไปอีกแบบ
ฉิวเหริงหยางพยายามกดบนหน้าจอ
นกโง่ที่พยายามบินขึ้นคล้ายกับปลาเค็มที่กำลังจะตายไม่มีผิด ดังนั้นเขาจึงบินขึ้นไปจนสุดแมพแต่ก็ไปชนเข้ากับท่อไอเสียแล้วตายทันที
ฉิวเหริงหยาง “…”
เกิดบัดซบอะไรขึ้นเนี้ย?!