48 Hours a Day – ตอนที่ 23 สัญญาณเตือน

ตอนที่ 23 สัญญาณเตือน

 

 

และตอนนั้นเองโค้ชก็คิดว่าถ้าได้คำแนะนำของเขา จางเฮงจะต้องพัฒนาไปไกลอย่างก้าวกระโดด เขาคงทำให้เหล่ากรรมการประหลาดใจในการแข่งขันครั้งแรก แล้วกลับพ่ายแพ้ให้แก่ชาวต่างชาติ แต่ในขณะที่เขากำลังจะยอมแพ้นั้น เขาจะลุกขึ้นสู้จากคำพูดปลุกใจจากโค้ช ท้ายที่สุดเขาจะเข้าร่วมทีมชาติและชนะเหรียญทองโอลิมปิก โค้ชคิดไปถึงตอนถูกสัมภาษณ์หลังจากนั้น

 

สุดท้ายก่อนที่เรื่องราวของเด็กหนุ่มคนนี้จะเกิดขึ้นมันก็จบลงตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม จากการปฏิเสธอย่างเฉลียวฉลาดของชายหนุ่ม

 

การยิงธนูนั้นเป็นแค่งานอดิเรกสำหรับจางเฮง เขาไม่คิดที่จะทำเป็นอาชีพ

 

ที่จริงแล้วเขารู้ดีกว่าใครว่าทักษะการยิงธนูของเขาได้มาจากเวลาที่เพิ่มขึ้น เขาไม่ได้มีพรสวรรค์อะไร อย่างดีเขาอาจจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในหมู่มือสมัครเล่น แต่ถ้าเขาเข้าร่วมในแวดวงมืออาชีพนั้นคงเป็นอะไรที่ท้าทายมาก ถ้าจะพูดให้ง่ายๆคือการขึ้นไปสู่จุดสูงสุด

 

ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นครั้งที่ 2 ที่จางเฮงปฏิเสธโค้ชของเขา ท้ายที่สุดคนที่ยืนด้านหลังก็ยอมรับว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ได้ตั้งใจจะคลุกคลีอยู่ในวงการนี้แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรู้สึกเสียดาย

 

คุณจูงม้าไปหาน้ำได้ แต่คุณบังคับให้มันดื่มน้ำไม่ได้ เขาบังคับให้จางเฮงทำในสิ่งที่ไม่อยากทำไม่ได้และบังคับให้จางเฮงอยากมีเขาเป็นโค้ชไม่ได้

 

ยิงอีกไม่กี่ครั้ง จางเฮงก็ได้รับคำตอบสำหรับตัวเองและหยุดการฝึกซ้อม

 

เขามีเรียนคลาสตอนเช้า ขอบคุณพระเจ้าที่ตอนนี้เป็น 9.45 น. เขาฝากคันธนูแล้วรีบกลับไปเรียนทันที

 

เมื่อเพื่อนเห็นเขาในห้องเรียน พวกเขามองอย่างรู้กันและยิ้มอย่างมีเลศนัย จางเฮงไม่รู้จะอธิบายอย่างไร เขาจึงโพล่งออกไปว่าเขาใช้เวลาหนึ่งปีครึ่งอยู่บนเกาะร้างก่อนที่จะเจอกับเพื่อนอีกคน

 

 

 

 

ขณะที่อาจารย์กำลังสอนเหว่ยเจียงเหยียนแอบเดินไปนั่งที่ถัดจากเขาและพยายามจี้ให้เขาพูด ถึงแม้ว่าจางเฮงจะไม่ได้โกหก ไม่ได้เขินอายหรือทำตัวน่าสงสัย

 

สุดท้ายเขาก็ยอมรับว่าไม่มีอะไรเกี่ยวกับความรักเกิดขึ้นกับเพื่อนของเขาเมื่อคืนก่อน แล้วเหว่ยเจียงเหยียนก็เปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว

 

“เสียวเสี่ยวและเพื่อนร่วมห้องของเธอกำลังคิดจะไปตั้งแคมป์สัปดาห์หน้า แต่ฉันเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของพวกเธอน่ะ ฉันกำลังหาผู้ชายไปด้วย เฉินหวงตงก็จะไปนะส่วนมาเหว่ยไม่ไป นายจะไปด้วยไหม? “

 

เสียวเสี่ยวเป็นแฟนของเหว่ยเจียงเหยียน ถ้าเสี่ยวเสี่ยวอยากไปตั้งแคมป์ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหว่ยเจียงเหยียนไปด้วยแน่นอน แต่ผู้ชายเพียงคนเดียวคงไม่มีแรงพอแล้วก็ถ้าเขาอยู่กับแฟนก็คงจะโดนล้อแน่ๆ – เพื่อนร่วมห้องของแฟนเขาและผู้หญิงคนอื่นๆคงจะแซวกันอย่างสนุกสนานแน่นอน เพราะงั้นเสียวเสี่ยวจึงบอกให้แฟนของเธอให้ชวนเพื่อนมาเพิ่ม

 

เหว่ยเจียงเหยียนไม่ได้หวังอะไรมาก เพราะจางเฮงเป็นคนประเภทที่ไม่อยู่รวมกับคนเยอะๆและไม่ค่อยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มอยู่แล้ว ชายคนนี้มีจังหวะชีวิตเป็นของตัวเอง

 

แต่คำตอบนั้นกลับทำให้เหว่ยเจียงเหยียนประหลาดใจ จางเฮงตอบตกลง!

 

ก่อนหน้านี้ไม่มีใครเคยเห็นจางเฮงร่วมกิจกรรมทำนองนี้ แต่หลังจากที่เขาห่างจากสังคมเป็นเวลานานเขาก็ต้องการสภาพแวดล้อมที่มีชีวิตชีวาเพื่อ‘รักษา‘ตัวเอง แม้ว่ามาเหว่ยเลือกที่จะไม่ไป และเขามักใช้เวลาทั้งวันอยู่ในห้องสมุดแล้วกลับห้องในยามค่ำคืน – เหมือนทุกวัน ดังนั้นถ้าจางเฮงไม่ไปเขาก็คงจะต้องใช้เวลาตลอดทั้งสุดสัปดาห์อยู่คนเดียวในหอพัก

 

“เยี่ยมเลย!” เหว่ยเจียงเหยียนพูดด้วยท่าทีร่าเริง “นอกจากเสียวเสี่ยวแล้ว เพื่อนร่วมห้องของเธอทั้งหมดยังโสดนะ อย่าบอกนะว่าฉันไม่เคยเล่าให้ฟัง เสิ่น ซีซีจะขึ้นแสดงคืนนี้แล้วในงานเลี้ยงต้อนรับสำหรับปีนี้จัดที่หอของพวกเธอ โอ้ ฉันลืมไปว่านายคงไม่ไป แต่อยากให้นายรู้ไว้ว่า ถ้าเธอเริ่มร้องเพลงเมื่อไหร่ พวกหนุ่มๆก็จะตกหลุมรักเธอหัวปักหัวปำเลยแหละ เธอเป็นผู้หญิงที่ดังที่สุดในสาขาของเธอเลยนะ”

 

จางเฮงไม่ได้สนใจคนดังอะไรพวกนี้เลย ด้วยหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นมานี้เขาจึงไม่ได้คิดถึงเรื่องความรักเลย เขาอยากไปตั้งแคมป์เพื่อความสนุกสนานเท่านั้น

 

เมื่อดูแล้วว่าไม่มีคลาสเรียนในช่วงบ่ายวันศุกร์ จางเฮงตัดสินใจที่จะเตรียมการณ์ล่วงหน้าสำหรับเกมในเดือนถัดไป กลับมาที่โรงแรมข้างทาง เขาได้วางแผนเบื้องต้นและปรับเปลี่ยนตารางของเขาไว้เรียบร้อยแล้ว

 

หลังมื้อกลางวัน เขาเจอยิมที่เปิด 24 ชั่วโมงอยู่ใกล้ๆ เขาจึงรีบสมัครสมาชิกทันที

 

 

 

นอกจากนี้เขายังเพิ่มชั่วโมงการปีนเขาและการวิ่งอีกด้วย เพราะเขาไม่รู้ว่าจะต้องเจออะไรต่อไป ทางเลือกที่ดีที่สุดคือการพัฒนาสมรรถภาพทางกายของเขา

 

นอกจากนี้ในทุกๆเกมเขาต้องใช้ร่างกายของตัวเองลงเล่น กล่าวอีกนัยหนึ่งคือสมรรถภาพทางกายในระดับที่ต่างกันอาจส่งผลให้ได้รับประสบการณ์ในการเล่นเกมที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

 

เช่นในระหว่างเกมการเอาชีวิตรอดบนเกาะร้าง ที่ผู้เล่นได้รับตัวเลือกให้ช่วยชีวิตคนที่กำลังจะจมลงไปในมหาสมุทร คนที่มีสมรรถภาพทางกายปานกลางจะช่วยชีวิตเอ็ดได้ และคนที่แข็งแรงกว่าคงจะช่วยหนุ่มกางเกงขาสั้นและเบลล์ที่อยู่ไกลออกไปได้ ส่วนคนที่น่าสงสารที่สุดคือคนที่ว่ายน้ำไม่เป็น และคงทำได้แค่ยืนดูจากชายฝั่ง

 

สมรรถภาพทางกายของจางเฮงนั้นถือว่าอยู่ในระดับกลางในหมู่นักศึกษาของมหาวิทยาลัย เพราะเขายังไม่เคยผ่านการฝึกอบรมที่เน้นสมรรถนะ แต่เขามีข้อได้เปรียบของตัวเอง คือมีเวลาเตรียมตัวมากกว่าผู้เล่นคนอื่นถึง 2 เท่า พวกนั้นมีเวลาเพียง 1 เดือนให้เตรียมตัวก่อนเกมรอบถัดไปแต่เขามี 2 เดือน

 

หาก 2 เดือนนี้ผ่านไปด้วยดี เขาคงพัฒนาสมรรถภาพของเขาไปได้อีกเยอะ เขามีความคิดที่จะสมัครเรียนเทควันโดหรือไม่ก็ชกมวย แต่จะเร่งรีบฝึกเรื่องแบบนี้ไม่ได้ เขาควรจะต้องฝึกไปทีละอย่างโดยเริ่มพื้นฐานก่อน ท้ายที่สุดทักษะเหล่านั้นก็ฝึกฝนในเกมได้เช่นกัน

 

ผ่านสัปดาห์ต่อมาด้วยตารางที่แน่นเอี๊ยด

 

เขาเริ่มฝึกความแข็งแกร่งของเอว หลัง แขนและขา และเขายังฝึกความยืดหยุ่นในยิม เขาฝึกความอึดและรวมถึงการวิ่งเต็มฝีเท้าเพื่อทดสอบความแข็งแรงแบบพลังระเบิดในแผนการฝึกของเขา

 

และเขายังแบ่งเวลาไปที่บาร์เซ็กส์แอนด์เดอะซิตี้ในห้วงเวลาหยุดนิ่ง

 

สถานที่นั้นเต็มไปด้วยความลับ ยิ่งได้อยู่ในเกมด้วยตัวเองแล้วจางเฮงก็ยิ่งเกิดความสงสัยและอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเกมนี้ และจากการที่เขาได้ข้อมูลมาเพียงเล็กน้อยจากบาร์เทนเดอร์สาวเขาจึงตัดสินใจที่จะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

 

อย่างน้อยเขาน่าจะพบเบาะแสบางอย่างจากเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งภายในห้องผนังเหล็กและของสะสมที่ด้านหลังเคาเตอร์บาร์ นอกจากนั้นเขายังสงสัยว่าเขาจะเห็นหน้าผู้เล่นคนอื่นในห้วงเวลาหยุดนิ่งไหม

 

 

 

 

แต่เมื่อจางเฮงมาถึงที่บาร์ ก็มีความรู้สึกหวาดกลัวที่ไม่สามารถอธิบายได้ถาโถมเข้ามาสู่เขา และเพิ่มอย่างรุนแรงยิ่งขึ้นทันทีที่เขาวางมือลงบนมือจับของประตูเหล็ก

 

จางเฮงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆเขาก็ตัดสินใจปล่อยมือจับ

 

 

 

เขาไม่รู้ว่าคำเตือนนี้มาจากไหนแต่ข้อความที่สื่อนั้นชัดเจนมาก – อย่าพยายามเข้าไปในสถานที่เล่นเกมในช่วงพัก

 

แม้ว่าเขาจะความอยากรู้มากขขนาดไหน แต่จางเฮงก็ตัดสินใจว่าจะไม่เสี่ยงดีกว่า; ยังไงซะสิ่งที่เขาเผชิญอยู่ก็ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยหลักเหตุและผลอยู่แล้ว

 

และนั่นคือจุดจบของการสืบค้นความลับครั้งแรกของจางเฮง ไม่ได้ข้อมูลอะไรที่มีประโยชน์เพิ่มมาเลย

 

วันจันทร์ในระหว่างคลาสเรียน จู่ๆโทรศัพท์ของเขาก็สั่นขึ้นมา เมื่อดูข้อความก็พบว่ามันมาจากการฝ่ายบริการลูกค้า

 

“ไอเทมถูกส่งไปที่โต๊ะในห้องของคุณ นี่เป็นข้อความแจ้งเตือน โปรดอย่าตอบกลับ”

 

จางเฮงวางโทรศัพท์ไว้ใต้โต๊ะ แล้วแอบพิมพ์เท่าที่จะทำได้ “แล้วบริการหารายชื่อที่เช็คพอทย์ของฉันล่ะ?”

 

เขาพิมพ์ส่งไป แล้วหลังจากนั้นไม่นานบาร์เทนเดอร์ก็ตอบกลับมาว่า “อุ๊ป! ฉันลืม เดี๋ยวฉันจะส่งมันไปให้นายเมื่อฉันจัดการงานนี้เสร็จแล้ว”

 

 

“…”

48 Hours a Day

48 Hours a Day

เติบโตมากับพ่อแม่ที่เป็นนักวัตถุนิยมพิสดาร คนที่ทิ้งเขาไว้กับตาเพื่อไปทำงานที่ต่างประเทศ จางเฮงเรียนรู้ที่จะปรับตัวและไม่ยึดติดกับการเปลี่ยนแปลงในชีวิต แต่ไม่นานเขาก็ได้เรียนรู้ความจริงที่ประหลาดของโลกใบนี้ ในวันหนึ่งตอนเที่ยงคืนเวลาหยุดชะงักลงและเขาพบว่าตัวเองอยู่ในโลกที่เงียบงัน คืนนั้นเขาค้นพบว่าตนเองมีเวลาเพิ่มขึ้นมามากกว่าคนอื่นอีก 24 ชั่วโมง และมันคือจุดเริ่มต้นของการผจญภัย ความสามารถที่เพิ่งค้นพบนี้มีแต่จะยิ่งรายล้อมไปด้วยปริศนาเมื่อชายชราแปลกหน้ามาบอกว่าตนคือคนให้ของขวัญแก่จางเฮง ‘ของขวัญแห่งเวลา’ และเลือกเด็กหนุ่มเข้าให้เป็นส่วนหนึ่งของเกม ‘เปลี่ยนชีวิต’ ลึกลับในนามของเขา หารู้ไม่ว่าการที่จางเฮงตกลงรับข้อเสนอนั้นทำให้ชีวิตเขาเข้าไปพัวพันกับหลากหลายเรื่องราวและรับรู้ความลับของโลกใบนี้ – การตัดสินใจที่ไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้

Comment

Options

not work with dark mode
Reset