เช้าวันต่อมาลู่หมิงตื่นขึ้นด้วยความสดชื่น ก่อนจะเดินออกไปอาบน้ำแต่งตัว วันนี้เป็นวันที่เขาจะต้องไปส่งจางเหว่ยและคนอื่นๆที่สถานีรถไฟ
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จทุกคนก็มานั่งกินข้าวเช้าด้วยกัน ลู่หมิงเอ่ยถามกับจางเหว่ยไปว่า
“แล้วสถานะการณ์ที่เมืองหลวงเป็นยังไงบ้าง ?”
จางเหว่ยเมื่อได้ยินคำถามเขาก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะเล่าสิ่งที่เขาได้คุยกับพ่อเมื่อวานให้กับลู่หมิงได้ฟัง
พ่อของจางเหว่ยบอกว่าเมื่อเวลาเดียวกันกับที่ภารกิจแรกปรากฏขึ้นที่โซนหลักต่างๆของเมืองหลวงก็มีภารกิจปรากฏขึ้นเช่นกัน จากนั้นก็มีมอนสเตอร์ปรากฏออกมาจากประตูมิติเฉกเช่นเดียวกันที่เมืองนี้ แต่โชคดีที่ว่าเมืองหลวงนั้นมีกองทัพประจำการอยู่จึงได้ผ่านพ้นวิกฤตมอนสเตอร์ถล่มเมืองไปได้
แต่ถึงอย่างงั้นก็ใช่ว่าเมืองหลวงจะปลอดภัยเพราะว่ารอบๆเมืองหลวงนั้นก็มีมอนสเตอร์ปรากฏขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก แถมยังมีมอนสเตอร์ที่คอยจะเข้าโจมตีเมืองหลวงอยู่บ่อยครั้งอีกด้วย ทำให้ในตอนนี้สถานะการณ์ของเมืองหลวงค่อนข้างจะตึงเคลียดเล็กน้อย
และด้วยสถานะการณ์ของเมืองหลวงที่เป็นแบบนั้นทางรัฐบาลก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงเมืองอื่นๆ และก็ด้วยเหตุผลนี้พ่อของจางเหว่ยก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงเขาจึงขอให้จางเหว่ยเดินทางกลับเมืองหลวงให้เร็วที่สุดเพื่อความปลอดภัย
หลังจากพูดคุยกันอีกเล็กน้อยจางเหว่ยและคนอื่นๆก็ไปเก็บของ และเตรียมตัวจะออกเดินทางไปสถานีรถไฟ ในขณะที่กำลังจะออกจากห้องลู่หมิงก็ได้ถามกับจางเหว่ยว่า
“พวกนายมีอาวุธติดตัวหรือเปล่า ?”
จางเหว่ยและอันหยาพยักหน้าก่อนจะหยิบปืนออกมา ส่วนทางด้านซูรั่วหลินที่เป็นถึงตัวท๊อปของชมรมยิงธนูของมหาลัยก็หยิบธนูของเธอออกมา ส่วนจางอี้เฟยนั้นก็มีปืนยาวด้วยเช่นกัน ลู่หมิงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินนำทุกคนออกจากห้องและตรงไปยังรถที่จอดอยู่ด้านล่าง
โชคดีที่ก่อนหน้านี้ลู่หมิงได้จัดการมอนสเตอร์รอบๆหอพักไปเรียบร้อยแล้วทำให้การเดินลงไปที่รถนั้นค่อนข้างจะราบรื่น เมื่อทุกคนเข้ามาในรถแล้วลู่หมิงก็ได้ถามคำถามหนึ่งกับพวกเขาก่อนจะออกเดินทาง
“ฉันถามหน่อยพวกนายฆ่าคนได้ไหม ?”
เมื่อทุกคนได้ยินคำถามของลู่หมิง พวกเขาก็ได้แต่จ้องหน้ากันและไม่พูดอะไรไม่เว้นแม้แต่จางเหว่ยเองก็เช่นกัน ลู่หมิงที่ได้เห็นแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะขับรถตรงไปยังสถานีรถไฟใต้ดิน
ระหว่างทางลู่หมิงก็ได้พูดขึ้นว่า
“ตอนนี้โลกเปลี่ยนไปแล้วกฏหมายแทบจะไม่มีผลอีกต่อไป และการฆ่าคนจะกลายเป็นเรื่องธรรมดา กฏธรรมชาติจะถูกยกขึ้นมาเป็นใหญ่อีกครั้ง ถ้าหากพวกนายอยากจะอยู่รอดในโลกใบนี้ก็ควรจะรีบตัดสินใจได้แล้วนะ”
ลู่หมิงพูดจบก็ขับรถต่อไปโดยที่ไม่คิดจะมองไปยังเพื่อนของเขาเพราะเขาคิดว่าการที่ปล่อยให้พวกนั้นตัดสินใจเองคงจะเป็นเรื่องดีที่สุด พวกนี้ไม่ใช่ลู่หมิงที่ย้อนเวลากลับดังนั้นเรื่องการฆ่าคนนั้นคงจะเป็นเรื่องใหญ่ที่พวกเขาต้องตัดสินใจ
ไม่นานนักลู่หมิงก็ขับรถมาถึงสถานีรถไฟใต้ดิน เมื่อมาถึงเขาก็ต้องพบกับสถานะการณ์ที่ค่อนข้างจะแปลกประหลาดเล็กน้อยเพราะด้านหน้าทางเข้านั้นถูกล้อมด้วยลวดหนามและไม้แหลม
จางเหว่ยที่เห็นแบบนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะออกมาว่า
“นี่มันอะไรกัน ?”
ลู่หมิงที่เห็นแบบนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ตอบคำถามของจางเหว่ย แต่กลับพูดประโยคนึงขึ้นมาแทน
“ดูเหมือนว่าคำถามที่ฉันถามออกไปเมื่อครู่พวกนายจะต้องรีบหาคำตอบแล้วล่ะ”