หลินอิ่งค่อยๆ จิบน้ำชา มองฉินเหิงเยว่ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ความหมายของผู้อาวุโสฉิน มีความเท็จเคล้าความจริง
แต่ก่อนที่หลินอิ่งจะรู้จักกับแม่เฒ่าตระกูลหลิน ก็ไม่อาจตัดสินจุดประสงค์ของอีกฝ่ายได้
พูดอะไรว่าให้ความสำคัญกับแม่?
คำพูดนี้หลินอิ่งไม่เชื่อสักเท่าไหร่
ตั้งแต่แม่ถูกตระกูลฉีขับไล่ สิบกว่าปีมานี้ตระกูลหลินก็ไม่เคยถามไถ่ นี่ก็ดูออกได้ว่าเป็นตระกูลที่สายเลือดจืดจาง
แน่นอน ขณะที่ตายังมีชีวิตอยู่และยังอยู่ตระกูลหลินที่ลังยา ความเป็นอยู่ก็เหมือนไม่ค่อยดีด้วย
หลินอิ่งไม่สนใจฐานะผู้สืบทอดอะไรนั่น และไม่อยากช่วงชิง เพียงแต่อยากกลับไปสร้างชื่อให้แม่ที่ตระกูลหลินเท่านั้น
นอกจากนี้ ระยะวัฏจักรของหลินอิ่งก็ยังไม่พ้น การประมือกับมังกรดำในศึกใหญ่เขาสูญเสียกำลังไปมาก ต้องใช้เวลาฟื้นฟูมากกว่าปีก่อนๆ
ในความทรงจำของหลินอิ่ง ตระกูลหลินมีวิธีจัดการระยะวัฏจักรอยู่วิธีหนึ่ง
ตระกูลหลินแห่งลังยามีฐานะสูงส่งเป็นตระกูลใหญ่อันดับหนึ่งในแวดวงลึกลับ บูโดล้ำลึกหาที่เปรียบไม่ได้ ยังมีวิชาลับที่ไม่ถ่ายทอดให้คนนอกที่เข้ากับบูโดของหลินอิ่งได้มากอีก
นี่เป็นเรื่องที่อาจารย์กล่าวลอยๆ ในตอนนั้น
แต่เคล็ดวิชาขั้นสูงอยู่ในกำมือนายท่านใหญ่เท่านั้น แม้แต่อาจารย์ที่เป็นบุคคลกว้างขวางก็ยังไม่เคยได้มา
ส่วนตน หากได้กลับตระกูลหลิน บางทีอาจได้ข้อมูลด้านนี้บ้าง
หากได้วิชาลับ ไม่เพียงแต่ผ่านระยะวัฏจักรได้ ทั้งยังสามารถไต่ระดับขึ้นอีกขั้นในวงการบูโดด้วย
แต่ความยากลำบากนั้นแค่คิดก็รู้ได้ จำเป็นต้องกุมอำนาจของตระกูลหลิน และได้รับความชื่นชอบของนายท่านใหญ่ก่อนถึงจะประสบความสำเร็จ
“คุณชายหลินอิ่ง คิดถึงแล้วละสิ? คาดว่าคงยังไม่เคยพบหลินซวนหวา คุณตาของคุณชายสินะ?” ฉินเหิงเยว่เห็นท่าทางเหม่อลอยของหลินอิ่งแล้วก็กล่าวออกมา
“ตาของผมอยู่ในตระกูลหลินเป็นยังไงบ้างครับ?” หลินอิ่งวางแก้วชาแล้วถามไปเรียบๆ
ผู้อาวุโสฉินนิ่งไปพักหนึ่ง จากนั้นก็พูดอย่างจริงจัง “คุณชายหลินอิ่ง หลายปีมานี้หลินซวนหวาคุณตาของคุณลำบากมาก ถูกตัดฐานะในตระกูล ถูกส่งไปลำบากลำบนที่ชางโจวสิบกว่าปี…”
“เรื่องคุณตาของคุณ ผมจะบอกเล่าหน่อยแล้วกัน สมัยก่อนหลินซวนหวาเป็นวัยรุ่นไฟแรงในตระกูลหลิน นายท่านใหญ่ให้ความสำคัญมาก ถ้าไม่เกิดเหตุต้องได้เป็นหนึ่งในผู้กุมอำนาจตระกูลหลินแน่นอน” ผู้อาวุโสฉินกล่าว “แต่น่าเสียดาย เพราะเรื่องของคุณแม่ของคุณในตอนนั้น บวกกับการโจมตีของผู้อาวุโสสอง เลยถูกออกจากการแข่งขันภายใน ส่งไปลำบากที่ชางโจว”
“จนกระทั่งคุณชายได้มีอิทธิพลในตี้จิง ดึงดูดความสนใจของแม่เฒ่า เร็วๆ มานี้คุณตาของคุณชายถึงได้กลับตระกูลหลิน”
เมื่อพูดถึงตรงนี้แล้ว ผู้อาวุโสฉินก็กล่าวด้วยความหนักใจ “คุณชายหลินอิ่ง คุณตาของคุณกับผู้อาวุโสสองมีความแค้นใหญ่หลวง และนี่ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมหลินสวนถูกับหลินชิงเย่ถึงได้ลงเขามาหาเรื่องคุณ”
“หลินสวนถูเป็นคนของฝั่งผู้อาวุโสสอง ตระกูลหลินใหญ่โตนี้มีผู้อาวุโสสองกับผู้อาวุโสใหญ่ที่มีอิทธิพลมากที่สุด ผู้อาวุโสสองเขาต้องเห็นคุณเป็นศัตรูอยู่แล้ว การกลับตระกูลหลินในฐานะผู้ท้าชิงตำแหน่งผู้สืบทอดครั้งนี้ของคุณชาย เกรงว่าต้องรับกับความเกลียดชังเป็นแน่ ระวังไว้จะดีกว่า”
หลินอิ่งพยักหน้าเล็กน้อย กล่าว “ขอบคุณผู้อาวุโสฉินที่ชี้แนะครับ”
ดวงตาเขาแทรกความดุดันขึ้นมาเล็กน้อย การที่ตาได้รับความอยุติธรรมในตระกูลหลิน และฝ่ายผู้อาวุโสสองยังไล่บี้ตนไม่หยุด ดูท่าหากกลับตระกูลหลินแล้วต้องกดคนพวกนี้ให้ได้…
ส่วนการที่ฉินเหิงเยว่บอกเล่าสภาพการณ์ตระกูลหลินกับตนนั้น เห็นชัดว่ามีใจฝักใฝ่ทางเขา
หากวันข้างหน้ามีโอกาส เขาต้อง ‘ทดแทน’ อย่างสาสมแน่!
แต่ถึงอย่างไรตระกูลหลินก็ไม่เหมือนกันตระกูลทั่วไป ธุรกิจของตระกูลก็ใหญ่โตจนไม่อาจจินตนาการ ดังนั้นความยากในการต่อสู้จึงไม่ด้อยไปกว่าการเป็นจ้าวในตี้จิงอยู่แล้ว
ตระกูลหลินแห่งลังยาถือว่าตนเป็นตระกูลใหญ่อันดับหนึ่ง สูงส่งเหนือผู้คน ไม่แยแสทุกสิ่งที่ธรรมดา และนั่นก็เพราะมีภูมิหลังที่มากพอ
ประเทศหลุงผ่านมรสุมมาต่างๆนานา ได้ผลัดเปลี่ยนราชวงศ์ยุคต่อยุค และการเปลี่ยนราชันย์ครองแคว้นนับครั้งไม่ถ้วน
มีเพียงตระกูลหลินแห่งลังยาเท่านั้นที่ยังตั้งตระหง่าน และกุมสิ่งที่เป็นหัวใจหลักของประเทศหลุง
ไม่ว่าจะเป็นเหนือใต้ออกตก ทุกลัทธิความเชื่อ ข้าราชการน้อยใหญ่ในประเทศหลุงล้วนมีอิทธิพลของตระกูลหลินแทรกซึมอยู่ทั้งนั้น
หลินอิ่งรู้ว่าข้าราชการที่นั่งเก้าอี้สามอันดับแรกของประเทศหลุง ต้องมีผู้นำขั้นสูงสุดที่กุมอำนาจกฎหมายที่มาจากตระกูลหลิน นั่นคือน้องชายของนายท่านใหญ่
และนี่ก็คือสาเหตุที่ทั้งสองฝ่ายไม่ใช้กำลังจากทางการ ในระหว่างการเดิมพันกับหลินสวนถู การต่อสู้ระหว่างกลุ่มลึกลับจะไม่ดึงโลกภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้องเด็ดขาด นี่เป็นกฎที่รู้กันดี
กล้าพูดได้เลย ทุกหย่อมหญ้าในประเทศหลุงที่แสงอาทิตย์ส่องถึง ต้องมีเงาของคนตระกูลหลินอยู่!
การที่เส้นแบ่งระหว่างตระกูลลึกลับกับโลกภายนอกชัดเจนแค่ไหน และหมายถึงอะไรนั้น หลินอิ่งรู้แก่ใจดี
ดังนั้น ในเวลาสำคัญอย่างนี้ หลินอิ่งจึงแบกรับความกดดันในการกลับตระกูลหลินเพียงลำพังไม่น้อยเลยทีเดียว
“ในเมื่อคุณชายหลินอิ่งตัดสินใจแล้ว ผมก็ขอตัวก่อน” ผู้อาวุโสฉินยิ้มพลางพูด “ผมจะอยู่ตี้จิงรอคุณชายกลับชางโจวด้วยกัน”
“งั้นก็ไม่รบกวนผู้อาวุโสแล้ว ผมต้องกลับไปแน่ครับ” หลินอิ่งพูดจริงจัง
ครั้นแล้วผู้อาวุโสฉินก็ลุกขึ้นยืน ประสานมือคำนับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตร แล้วเดินออกห้องทำงานไป
รอจนผู้อาวุโสฉินจากไปแล้ว ดวงตาล้ำลึกของหลินอิ่งถึงได้เผยความครุ่นคิดออกมา
“ให้เย่เฮยเข้ามาพบผมหน่อย”
หลินอิ่งโทรศัพท์สั่งการ
จากนั้น ภายในห้องทำงานหัวหน้าสมาคม
หลินอิ่งก็ได้พบเย่เฮย หวงชิงซานและหยูจื๋อเฉิง
หลังจากมอบหมายงานในตี้จิงให้คนอื่นแล้ว เขาก็กำหนดการเดินทาง เตรียมพาเย่เฮยและหวงชิงซานไปชางโจวด้วย
ส่วนหยูจื๋อเฉิงที่อยู่ต่อ ก็นั่งเป็นตัวแทนหัวหน้าสมาคมธุรกิจในตี้จิง ดำเนินงานในวงการการค้าแทนเขา ทั้งสั่งให้หยูจื๋อเฉิงจัดการกลุ่มอิทธิพลการค้าของตระกูลหลินที่ได้ทีขี่แพะไล่ในก่อนหน้านั้น ให้เขาโจมตีอย่างหนัก
จากนั้นหลินอิ่งก็พบกับพวกจ้าวเฉิงเฉียนทั้งสามอีกครั้ง
ท่าทีจ้าวเฉิงเฉียนยังคงจริงใจ ดีใจกับการกลับมาของหลินอิ่งจริงๆ
เมื่อทั้งสองแอบหารือเกี่ยวกับเรื่องตระกูลเผยที่จี้โจวอีกครั้ง หลินอิ่งก็ได้รู้ข่าวมากขึ้นไปอีก
เห็นว่าผู้ท้าชิงตำแหน่งผู้สืบทอดของตระกูลหลินอีกคน ก็คือคุณชายใหญ่นั่นเอง เขาได้รับคำสั่งจากผู้มีอำนาจสูงในตระกูลให้จับจ้องจี้โจว หาช่องโอกาสกำราบตระกูลเผยทำคะแนน
ทว่าตระกูลเผยก็เป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ลึกลับเหมือนกัน แค่อิทธิพลที่อยู่ภายนอกเสื่อมถอยลงเล็กน้อย ด้วยเพราะสิบกว่าปีที่ผ่านมากชนรุ่นหลังยังอ่อนด้อย กอปรกับคุณท่านเผยป่วยหนักนอนติดเตียง
ดังนั้นจึงมีคนจำนวนมากจ้องหนังเสือเฒ่าตัวนี้อยู่
ท้ายที่สุดหลินอิ่งกับจ้าวเฉิงเฉียนก็วางแผนเรียบร้อย ให้จ้าวเฉิงเฉียงเดินทางไปจี้โจวก่อน หลังจากเขาเสร็จเรื่องที่ตระกูลหลินแล้วก็จะรีบตามไปสมทบ ทั้งสองตัดสินใจจะลงมือกับตระกูลเผยสร้างศักดา ชูธงในแวดวงลึกลับ ใช้เลือดตระกูลเผยย้อมสีธง!
จากนั้นหลินอิ่งก็ไปพบคนของตระกูลโครเมียร์และฉู่หยุนซานกับฉู่ฉู่