เมื่อหลินสวนถูจากไปแล้ว การประชุมของอาคารเทียนหลงจึงกลับสู่ความสงบ
เวลานี้สายตาทุกคน รวมถึงตัวแทนของคุณท่านจ้าวและตระกูลกงซุนที่มีอคติกับหลินอิ่ง ต่างยำเกรงเขาอยู่ลึกๆ
ที่ว่าฟ้าฝนไม่แน่นอนก็คงเป็นเช่นนี้กระมัง
แวดวงตระกูลใหญ่ในตี้จิงได้เห็นว่าคุณชายอิ่งมีวิธีการดุดันขนาดไหนอีกครั้ง
ขนาดหลินสวนถูที่มีแบ็คกราวด์ยักษ์ใหญ่ เป็นบุคคลผู้มีฝีมือร้ายกาจยังไม่อาจสั่นคลอนตำแหน่งของคุณชายอิ่งได้ ทั้งยังทำให้ตำแหน่งของเขามั่นคงยิ่งกว่าเดิม…
ครั้นแล้วหลินอิ่งก็นำผู้อาวุโสฉินไปห้องทำงานหัวหน้าสมาคมของเขาในอาคารเทียนหลง พูดคุยกันระยะหนึ่ง
ส่วนพวกจ้าวเฉิงเฉียนกับฉู่หยุนซานทั้งสามก็ถูกรับรองให้รออยู่ที่ห้องรับแขก
ส่วนเรื่องแขกที่ถูกเรียกมาในห้องประชุม หลินอิ่งก็มอบให้นิ่งซวนเป็นผู้จัดการ
ใช้การนี้สร้างเสถียรภาพให้โปรเจคเมืองเทคโนโลยีเทียนหลง ให้นิ่งซวนทำความเข้าใจเรื่องแผนงานเมืองเทคโนโลยีเทียนหลงกับตัวแทนตระกูลเหล่านี้ให้เรียบร้อย ถือเป็นการสร้างศักดาอย่างหนึ่ง
ด้านนอกของอาคารเทียนหลง หลังจากหลินสวนถูออกมาแล้ว สีหน้าก็ตึงเครียดถึงขีดสุด ท่าทางอารมณ์ก็บิดเบี้ยว อดกลั้นต่อโทสะแทบไม่ไหว
นี่พูดได้เลยว่าเป็นความอัปยศครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขา!
แต่เขากลับไม่กล้าท้าทาย ไม่กล้าล้มโต๊ะ
“ท่านปู่เจ็ด ต่อไปพวกเรา…” ชายหนุ่มในชุดเสื้อคอจีนคนหนึ่ง เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
“หุบปาก!” หลินสวนถูพูดขัดเสียงกร้าว “กลับชางโจวเดี๋ยวนี้ กลับเขาลังยา เรื่องอื่นไม่ต้องพูดอีก!”
หลังจากระบายอารมณ์กับผู้ติดตามแล้ว หลินสวนถูก็ขึ้นนั่งรถMPV สีดำ
รถขับไปบนถนนเส้นใหญ่ด้วยความรวดเร็ว ห่างจากเทียนหลงสแคว์ไกลลิบ
และในเวลาเดียวกัน บนชั้นสูงสุดของอาคารเทียนหลง ดวงตาทั้งสองคู่ก็มองรถที่หลินสวนถูนั่งจากไป
“น่าสนใจ น่าสนใจ พอหลินอิ่งกลับตี้จิง หลินสวนถูก็ถูกบีบจนถึงขั้นนี้ได้…”
“ตอนแรกยังคิดว่าจะมีละครฉากใหญ่ให้ดูซะอีก ดูซิว่าบูโดของหลินอิ่งจะซักแค่ไหนกัน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลินสวนถูจะขลาดขึ้นมา เหอะๆ”
บนชั้นสูงสุดมีเสียงช่ำชองต่อโลกดังออกมา น้ำเสียงหยอกเย้า
เวลานี้บนชั้นสูงสุดของอาคารเทียนหลง มีคนสองคนยืนไพล่หลังเด่นเป็นสง่าอยู่
คนหนึ่งสวมเสื้อเชิ้ตปักลาย แขนยาวสีเขียว เป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบ ยืนตรงองอาจ ท่วงท่าน่าเกรงขาม นัยน์ตาคมกริบทรงพลังราวกับอินทรีย์
ส่วนอีกคนสวมชุดฝึกกังฟูสีขาว ชายชราท่านนี้ร่างกายผ่ายผอม นัยน์ตาเผยความปราดเปรื่องมากประสบการณ์ ท่าทางประหนึ่งผู้รู้
ทั้งสองคนนี้ก็คือท่านมังกรเขียวที่นั่งผงาดอยู่ที่ตี้จิง และทูตชือคงที่เป็นผู้รู้ใจและคลังความรู้ของอาจารย์กู้ต้านั่นเอง
“คุณซือคง ผิดหวังกับการทดสอบครั้งนี้หรือ?” มังกรเขียวพูดไปชืดๆ
“เหอะๆ” ทูตชือคงหัวเราะแห้ง “มีบ้างแหละนะ”
“หลินสวนถูคนนี้เป็นลูกชายคนที่เจ็ดของนายท่านใหญ่ตระกูลหลิน พ่อเป็นพยัคฆ์ ลูกเป็นสุนัข ช่างน่าผิดหวังจริงๆ ขนาดหลินอิ่งที่เป็นเด็กก็ยังสยบไม่ได้” ทูตชือคงส่ายหน้า น้ำเสียงเต็มไปด้วยความขบขัน
“ตอนแรกยังคิดว่าจะได้เห็นศึกใหญ่น่าสะพรึงเสียอีก คิดไม่ถึงว่าจะลงเอยแบบนี้ ตระกูลหลินแห่งลังยาม้วนเสื่อออกจากตี้จิงไปซะอย่างนั้น”
“แล้วหลินอิ่งล่ะ? คุณซือคงคิดเห็นยังไงกับเด็กคนนี้?” มังกรเขียวถามไปเรียบๆ
เรื่องราวที่หลินสวนถูก่อขึ้น ดึงดูดสายตายอดคนทั้งสองนี้อยู่นานแล้ว
โดยเฉพาะหลินอิ่งที่อยู่ในขอบข่ายการพิจารณาของพวกเขาทั้งสองด้วย
ดังนั้นทั้งสองจึงมาดูสถานการณ์วันนี้ที่อาคารเทียนหลงทันที
เมื่อพูดถึงหลินอิ่ง สีหน้าทูตซือคงก็เคร่งขรึม กล่าว “หลินอิ่งผู้นี้ มองข้ามไม่ได้”
“ขนาดกลับมาเผชิญหน้ากับหลุมพรางของหลินสวนถูเพียงลำพัง ยังสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ง่ายดายเช่นนี้ สยบศึกโดยไม่ต้องออกรบ บีบให้หลินสวนถูที่เป็นผู้อาวุโสทำลายมือตัวเองแล้วจากไปอย่างอดกลั้นกับความอดสู” ทูตซือคงว่าไปช้าๆ “ความสามารถนี้ช่างน่าทึ่งจริงๆ”
“จริงสิ ท่านมังกรเขียว วันนี้คุณดูความสามารถของหลินอิ่งออกหรือยัง?” ทูตซือคงเปลี่ยนเรื่องถาม
“ดูออกแล้ว” มังกรเขียวค่อยพูด “คนผู้นี้ลมหายใจบางเบา น่าจะมีกำลังอยู่ที่รายการแห่งดินเท่านั้น หรือหากฝึกหนักจนก้าวหน้า อย่างมากก็พอเอื้อมรายการแห่งฟ้าได้”
“วันนี้เขาแค่จงใจเล่นละครข่มหลินสวนถูเท่านั้น”
“หากลงมือจริง เกรงว่าเขาก็คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินสวนถู สถานการณ์อย่างนั้นยังกล้าบีบบังคับหลินสวนถูอีก ช่างกล้าเหลือเกิน”
ได้ยินดังนั้นแล้วทูตซือคงก็ขมวดคิ้ว สะท้อนใจพูด “ร้ายกาจจริงๆ ถ้าถามผมนะ ในสถานการณ์อย่างนั้นต้องไม่กล้าบีบหลินสวนถูแน่”
“ถึงมีความช่วยเหลือจากจ้าวเฉิงเฉียน ฉู่หยุนซานและชูราแห่งความมืด แต่หากต้องประชันกับฉินเหิงเยว่และหลินสวนถูก็ยังห่างชั้นอยู่บ้าง” ทูตซือคงพูดจาเป็นเหตุเป็นผล “ดูเหมือนหลินอิ่งจะรู้อยู่แล้วว่าหลินสวนถูไม่กล้าลงมือ ความคิดละเอียดรอบคอบ ความสามารถในการฉวยโอกาสจากสถานการณ์เช่นนี้ ถือว่าเป็นขิงแก่จริงๆ มิน่าล่ะ อายุอานามยังน้อยก็สร้างรากฐานใหญ่ในตี้จิงได้”
“ที่สำคัญก็คือ แม่เฒ่าตระกูลหลินที่ตั้งเขาเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งผู้สืบทอด” มังกรเขียวพูด “ไม่เช่นนั้น หากฉินเหิงเยว่อยู่ฝ่ายหลินสวนถู หลินอิ่งจะต่อกรยังไง?”
“ถูกต้อง แต่เท่าที่ผมรู้มา หลินอิ่งไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน แม้แต่พวกเราก็ไม่เคยได้ข่าวนี้เหมือนกัน” ทูตซือคงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ฉินเหิงเยว่รู้จักกับหลินอิ่งที่มณฑลตุงไห่มาก่อน ตอนนั้นอาจถูกหลินอิ่งได้ใจไปแล้วก็ได้”
“ผมชักอยากรู้เรื่องนี้มากขึ้นแล้วสิ” ทูตซือคงคิดอะไรบางอย่างแล้วพูด “เกี่ยวข้องกับตระกูลฉู่แห่งเตียนหนาน มีการติดต่อกับตระกูลโครเมียร์ทางตะวันตก แถมนายน้อยแก๊งหยางเหมินยังเป็นพันธมิตรเหนียวแน่นของเขา”
“ตอนนี้ยังมีฐานะผู้ท้าชิงผู้สืบทอดตระกูลหลินอีก คนผู้นี้ต้องโดดเด่นอยู่ในแวดวงลึกลับแน่”
มังกรเขียวพยักหน้าเห็นด้วย “การที่หลินอิ่งเข้าตระกูลหลินแห่งลังยา เกรงว่าต้องเกิดเป็นคลื่นลมแน่”
“นี่ไม่ค่อยเกี่ยวกับงานพวกเรา แต่วันนี้ก็ตัดสินได้ว่าหลินอิ่งไม่ใช่คนที่ท่านมังกรดำสืบหาแน่”
“เหรอ? ท่านมังกรเขียวกล่าวมาเช่นนี้ ไม่ทราบว่าตัดสินจากอะไร?” ทูตซือคงขมวดคิ้วเล็กน้อย ถามด้วยความสงสัย
“หลินอิ่งมีอะไรถึงขนาดทำให้ฉู่หยุนซาน จ้าวเฉิงเฉียนกับตระกูลโครเมียร์ออกหน้าได้ ท่านมังกรเขียวไม่นึกสงสัยหรือ?” ทูตซือคงถาม
ท่านมังกรเขียวยิ้มมีเลศนัย เอ่ย “เรื่องราวทั้งหมดผมได้สืบรู้มานานแล้ว คุณหนูตระกูลโครเมียร์ หลานสาวสุดรักของคุณท่านฉู่และน้องสาวแท้ๆ ของจ้าวเฉิงเฉียนล้วนมีใจให้หลินอิ่งมาก ”
“อิทธิพลทั้งสามล้วนต้องการให้เขาเป็นลูกเขย”
“แค่นี้เองหรือ?” ทูตซือคงถามด้วยความฉงนใจ
“เช่นนี้แล” มังกรเขียวพูดอย่างเรียบๆ “หากคุณซือคงยังคิดว่าตัดข้อสงสัยในตัวหลินอิ่งไม่ได้ งั้นผมก็มีแผนการหนึ่ง ต้องการให้คุณช่วยอยู่พอดี”
ทูตซือคงเอ่ยถาม “แผนอะไร?”
“ถึงหลินอิ่งได้เป็นผู้ท้าชิงผู้สืบทอดตระกูลหลินแล้ว แต่รากฐานของเขาในแวดวงลึกลับก็น้อยมาก แล้วเขาจะต่อกรกับสองคนที่เหลืออย่างไร?”
มังกรเขียวค่อยๆ กล่าว “ผมต้องการผลประโยชน์จากเมืองเทคโนโลยีเทียนหลงที่ตี้จิงอยู่พอดี และคุณซือคงก็อยากชี้ชัดฐานะของหลินอิ่งด้วย”
“ไม่อย่างนั้น…คุณซือคงก็ไปเจรจากับหลินอิ่งแทนผม หากเขายอมแบ่งผลประโยชน์เมืองเทคโนโลยีเทียนหลงให้ เช่นนั้นเขาก็จะได้รับการสนับสนุนจากองครักษ์มังกรเขียว ช่วยเขาตั้งรากฐานมั่งคงในตระกูลหลิน”
“เช่นนี้ ยิงนัดเดียวได้นกสามตัว ไม่ทราบคุณซือคงมีความเห็นอย่างไร?”