บทที่ 83
เพียงแค่อยากจะอยู่ห่างๆ
“ตามมา!” ชางกวนโม่ส่งสัญญาณให้เย่เฟิงที่อยู่ตรงประตูรีบตามเขามา
ชางกวนโม่หยิบกุญแจรถออกมาแล้วโยนกุญแจให้เย่เฟิง “เร็วเข้า รีบไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดเลย!” แล้วก็อุ้มมู่หรงเสวี่ยไปที่เบาะหลัง
เย่เฟิงมองมู่หรงเสวี่ยที่ถูกคลุมด้วยผ้าห่ม หน้าซีดขาว ไร้สติ เลือดสีแดงและผ้าชุ่มเลือดที่พันอยู่ที่ข้อมือ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปและไม่กล้าที่จะถามอะไรต่อ เขารีบขึ้นไปที่ฝั่งคนขับและเร่งเครื่องออกไป เขาไม่อยากจะนึกภาพเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณชายถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับคุณมู่หรง
ร่างของชางกวนโม่ที่กำลังกอดเธอสั่นเล็กน้อย และความกลัวในใจของเขาค่อยๆกระจายอย่างช้าๆ ค่อยๆขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับหลุมดำที่กำลังดูดกลืนเขาเข้าไป เธอไม่รู้ว่าเขาเจ็บปวดมากแค่ไหนจากภาพที่เห็นเมื่อวาน เธอดูถูกความรู้สึกเขาแค่เพียงเพราะเขารักเธอ
แต่ความรักของเขา เขาทรมานมู่หรงเสวี่ยที่ไม่ได้รักเขาแต่หลังจากนี้เธอก็คงจะไม่มีทางมารักเขาอีก! เขาคงทนไม่ได้! เขาไม่มีทางยอม! ไม่งั้นทุกคนต้องลงนรกไปด้วยกัน!!!
ชางกวนโม่มองหน้าที่เริ่มซีดขึ้นเรื่อยๆของมู่หรงเสวี่ย ความเจ็บปวดในหัวใจเขาค่อยๆเปลี่ยนเป็นความกลัวแล้วความกลัวว่าจะเสียเธอก็เข้าครอบงำเขา
เขากำที่ข้อมือของเธอและร่างกายของเธอก็เริ่มที่จะเย็นขึ้นเรื่อยๆ ปล่อยให้เขาทำอะไรไม่ถูกและเป็นกังวล เขาต้องทำยังไง?! เขาต้องทำยังไงดี?!
รถขับฝ่าไฟแดงมากมาย ทำให้เกิดเสียงก่นด่ามากมายแล้วก็เร่งจนมาถึงโรงพยาบาล
ชางกวนโม่อุ้มเธอไปตลอดทางเพื่อไปห้องฉุกเฉินแล้วเย่เฟิงก็รีบวิ่งไปหาหมอและพยาบาล
เขาวางนิ้วที่สั่นเทาเหนือจมูกของเธอ ไม่มีลมหายใจอุ่นๆออกมา ทันใดนั้นเขาก็ร้องออกมาเสียงดัง!
ทั้งหมอและพยาบาลรีบเข้ามาดูคนทั้งคู่ที่อุ้มคนหนึ่งเข้ามาที่ห้องฉุกเฉิน พร้อมกับเสียงร้องดังแหบของผู้ชายคนหนึ่ง
ยังไม่พอเหรอ?
ทุกคนคิดว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ แม้แต่เย่เฟิงเองก็ยังรู้สึกว่าคุณมู่หรงคงจะไม่รอด สีหน้าของหมอเปลี่ยนไปหลายครั้ง เขารีบก้าวเข้ามาและตรงเข้าไปตรวจสัญญาณหัวใจของมู่หรงเสวี่ยด้วยหูฟังแพทย์ หลังจากนั้นสักพักหมอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเพราะได้ยินเสียงหัวใจของเธอ
เขารีบเช็ดหยดเหงื่อเย็นๆออกด้วยความกลัว พร้อมบอกให้พยาบาลเข้ามาจัดการแผลของเธอ “คุณผู้ชายครับ ช่วยวางเธอลงที่เตียงทีนะครับปล่อยให้พยาบาลจัดการแผลของเธอก่อน”
ชางกวนโม่ไม่ได้ยิน สายตาของเขาจ้องไปที่ร่างเย็นชืดของมู่หรงเสวี่ยราวกับจะพูดอะไรบางอย่าง เขากลัวจนต้องกอดร่างเธอไว้แน่น
หมอพูดซ้ำอยู่หลายครั้ง เมื่อเห็นว่าชางกวนโม่ไม่ยอมขยับไปไหน สุดท้ายเขาก็บอกให้พยาบาลเดินเข้ามาและดึงเขาออกไป เย่เฟิงเองก็เข้ามาช่วยด้วยเหมือนกัน อาการของคุณมู่หรงจะรอต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ทันใดนั้นชางกวนโม่ก็เงยหน้าขึ้นมาและทำให้ทุกคนกลัว หมอต้องพูดซ้ำสิ่งที่เขาเพิ่งพูดไปอีกครั้ง
ทันใดนั้นก็เหมือนถูกปลุก ท่าทางของชางกวนโม่แปลกไป ทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะ เยี่ยม เธอยัง….เธอยังไม่ตาย
มู่หรงเสวี่ยถูกวางลงบนเตียงอย่างรวดเร็ว หมอและพยาบาลรีบเข้ามาจัดการถ่ายเลือดและอื่นๆ
ชางกวนโม่รออย่างกังวลอยู่ด้านนอก
ในตอนนี้เขารู้สึกผิดกับอารมณ์โกรธของตัวเอง เขาสารภาพสิ่งที่ตัวเองทำลงไปอย่างต่อเนื่องและลืมเรื่องรูปไปจนหมด
ไม่รู้ว่านานแค่ไหน จนกระทั่งหมอเดินออกมา ชางกวนโม่รีบลุกขึ้น “คุณหมอ เป็นไงบ้าง?”
หมอมองแปลกไปที่เขา รอยแผลของเด็กสาวเป็นการกรีดตัวเอง ดูเหมือนว่าเป็นการกรีดอย่างรุนแรงและลึกมาก เดี๋ยวนี้เด็กๆมักจะฆ่าตัวตายเพราะเรื่องความรักแต่นี้ไม่เหมือนเด็กสาวที่ผิดหวังจากความรักเพราะจากที่เห็นว่าชายคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นกังวลอย่างมาก
เมื่อชางกวนโม่เห็นว่าหมอไม่ตอบอะไร สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป หน้าเขาซีดราวกับคนตายและมือก็สั่นเทิ้ม “คุณหมอ ไม่…”
หมอส่ายหัวให้กับความคิดนั้นและรีบตอบออกมา “ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วแต่ร่างกายยังอ่อนแออยู่มาก เธอต้องได้รับการดูแลอย่างดี นอกจากนี้เราต้องคอยดูแลเรื่องจิตใจเธอด้วย เด็กสาวยังไม่เป็นผู้ใหญ่ดังนั้นเราจึงต้องดูแลเธอมากกว่านี้…”
เมื่อได้ยินว่าเธอปลอดภัยแล้ว ชางกวนโม่ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก…ชางกวนโม่เดินเข้าไปในห้อง นั่งเงียบๆอยู่ข้างๆ มู่หรงเสวี่ย มองเธอที่กำลังนอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาลในชุดของโรงพยาบาล สีหน้าของเธอดูอ่อนแอและไร้ชีวิตชีวามากกว่าเดิมอีก และหัวใจของเธอเต้นขึ้นลง เธอเกลียดเขามากขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงขนาดยอมตายมากกว่าที่จะอยู่กับเขา
คิดถึงรอยยิ้ม, ความสุขและความโกรธของเธอ เธอเพียงแค่อยากจะแบ่งปันกับจางหลินหลี่ หัวใจของเขาก็เต้นรัวราวกับม้าวิ่ง พร้อมกับเลือดในกายที่เดือดพล่าน…หัวใจปั่นป่วนไปหมด
เขาทุกข์ใจมากที่ไม่รู้ว่าจะต้องจัดการกับความรู้สึกของตัวเองยังไง ความรู้สึกทั้งหมดที่เขามีเพื่อเธอเท่านั้น เขาถึงขนาดยกหัวใจให้เธอไป ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาเจอเธอ หัวใจของเขาก็เป็นของเธอไปแล้ว เธอเหมือนกุหลาบแรกแย้มที่กระจายเสน่ห์แห่งความอ่อนเยาว์ออกไปทั่ว เขาเกือบจะควบคุมความปรารถนาที่พลุ่งพล่านไว้ไม่อยู่
เพราะความห่างเหินและความกลัวของเธอ เขาต้องเก็บกดหัวใจเอาไว้ และยอมให้มันเกาะกินเขาไปเรื่อย…เธอถึงขนาดบอกว่าเธอชอบเขา…ความอ่อนหวานที่การประชุมการพนันเขายังจำได้อย่างชัดเจน…เธอบอก…ว่าเธอรักเขา
แล้วเพียงแค่ไม่กี่วันที่เขาไม่อยู่ทำไมหัวใจของเธอถึงเปลี่ยนไปได้เร็วขนาดนี้…จางหลินหลี่มีดีตรงไหน…ถึงแย่งเธอไปจากเขาได้
เมื่อคิดถึงเธอตั้งแต่แรกเพราะตำแหน่งของเขากับเรื่องการประนีประนอม ตอนนี้แม้แต่การประนีประนอมก็ยังถูกละเลยไป จางหลินหลี่สำคัญกับเธอขนาดนั้นเลยเหรอ?!!!
แต่เขารักเธอ เขายอมรับให้เธอไปจากเขาไม่ได้…ถึงแม้ว่าเธอจะทรยศเขาก็ตาม
หลังจากเวลาผ่านไปนาน มู่หรงเสวี่ยก็ฟื้นขึ้นมา
ชางกวนโม่ตกใจมาก ถ้าไม่กลัวว่าจะทำมู่หรงเสวี่ยเจ็บ เขาก็คงจะดึงร่างเธอขึ้นมาแล้ว
มู่หรงเสวี่ยค่อยๆเปิดเปลือกตาอย่างอ่อนแรง เธอเห็นร่างของชางกวนโม่ด้วยสายตาที่พร่ามัว ดูเหมือนเธอจะนึกอะไรขึ้นมาในทันทีแล้วความขมขื่นก็กระจายไปทั่วหัวใจ ชางกวนโม่พูดออกมาอย่างอ่อนโยน “หิวหรือเปล่า? หมอบอกว่าเธอยังไม่แข็งแรง อย่าเพิ่งขยับตัวนะ นอนพักอยู่บนเตียงเฉยๆก่อน”
เมื่อมู่หรงเสวี่ยได้ยินเธอก็ต้องหลับตาด้วยความเจ็บปวด คนสุดท้ายที่เธออยากจะเจอตอนนี้ก็คือเขา…ทำไมเธอถึงไม่ตาย…ทำไมเขาต้องช่วยเธอไว้ด้วย
เธอไม่สามารถที่จะ “รัก” ได้ หัวใจของเธอที่เต็มไปด้วยรูว่างเปล่ามากมายจากชีวิตที่แล้ว กลับไม่สามารถรักษาได้ในชีวิตนี้ บางทีอาจจะเป็นประสงค์ของพระเจ้าที่เขาไม่คู่ควรกับเธอ ไม่ว่าเธอจะพยายามรักษามันไว้มากแค่ไหน มันก็ยังสูญเปล่า คนบางคนอาจจะไม่ใช่ของเธอ
เธอจำความจริงที่เธออยากจะไม่สนใจมาเสมอในชีวิตที่แล้วว่าในชีวิตที่แล้วสุดท้ายชางกวนโม่และไป๋เสวี่ยหลี่ก็ได้แต่งงานกัน…เป็นเธอเองตั้งใจที่จะไม่สนใจความจริงที่ว่าคนที่เขารักก็คือไป๋เสวี่ยหลี่…เป็นเพราะความหลงผิดของเธอเองที่อยากจะครอบครองความสุขที่ไม่ใช่ของเธอ…ของที่ขโมยมายังไงก็อยู่ไม่นาน
มู่หรงเสวี่ยยอมรับกับตัวเองว่าอยากจะจบชีวิตที่ไม่ใช่ของเธอซะ เธอตัดสินใจแล้วว่าจะยอมแพ้ ยอมแพ้ผู้ชายคนนี้ที่ไม่เหมาะกับความรักของเธอ! จบชีวิตนี้ซะ
ชางกวนโม่รู้ว่าเธอได้ยินเขา เขาค่อยๆจับมือเธอขึ้นมาและพูดออกมาอย่างระวัง “อย่าโกรธนะ เป็นฉันเอง…เป็นความผิดของฉันเอง…” ในเวลานี้ เขายอมทิ้งศักดิ์ศรีทั้งหมดของตัวเอง
ทันใดนั้นน้ำตาของมู่หรงเสวี่ยก็ไหลราวกับสายน้ำ เธอใช้ชีวิตตัวเองเพื่อแลกกับคำขอโทษของเขา! น่าเศร้าที่เธอไม่ต้องการ! ทำไมผู้ชายพวกนี้ถึงรักได้เมื่อต้องการ? แต่ถ้าเมื่อไรที่ไม่ต้องการก็ไม่สนใจ แล้วใครจะรับผิดชอบหัวใจที่แตกสลายของเธอกัน
เธอดึงมือตัวเองกลับและดิ้นอย่างสิ้นหวัง “ปล่อย! ปล่อยฉัน” อย่าแกล้งหัวใจของเธอด้วยท่าทางอ่อนโยน เธอทนรับไม่ไหวแล้ว เธอไม่มีแรงสู้แล้ว
เมื่อเธอมีท่าทางดิ้นรน ชางกวนโม่ก็รีบปล่อยมือทันที “ได้ ได้ เธออย่าขยับนะ เดี๋ยวจะเลือดไหลอีก…ฉันไม่แตะตัวเธอแล้ว…อย่าขยับนะ…” แต่เขาพูดสิ่งที่เธอและจางหลินหลี่พูดไม่ได้ เขายอมแพ้ไม่ได้และจะไม่ยอมแพ้ด้วย ถึงแม้ถ้าเธออยากจะตาย เขาก็จะไม่ปล่อย
มู่หรงเสวี่ยหยุดดิ้นและน้ำตาก็ไหลรินลงมาอีกครั้ง
ร่างกายเธอเจ็บปวดมาก เธอจึงเอื้อมมือออกไปและดึงสายน้ำเกลือที่ใช้เพื่อส่งผ่านน้ำเกลือมาที่มือของเธอออก เธอพยายามใช้แขนอีกข้างที่ไม่บาดเจ็บพยุงตัวเองขึ้น เธออยากที่จะกลับบ้าน…เธอไม่อยากที่จะเห็นหน้าเขา…เธอกลัวว่าตัวเองจะควบคุมหัวใจไม่ได้
ชางกวนโม่เห็นว่าเธอดึงสายน้ำเกลือออกจากตัวและอยากที่จะลุกขึ้น เขารีบเข้าไปและกอดเธอไว้ “เธอจะทำอะไร?! อยากตายหรือไง” หลังจากที่ตะคอกออกไป เขาก็รู้สึกตัวว่าตัวเองพูดอะไรที่ไม่ควรออกไป…เธออยากที่จะตายจริงๆ
“ฉันแค่อยากจะตาย!!! ช่วยฉันไว้ทำไม?!!! ปล่อยฉันนะ” ดวงตาของมู่หรงเสวี่ยแสดงออกถึงความรุนแรง
ชางกวนโม่จ้องไปที่ดวงตาแดงก่ำที่เต็มไปด้วยความโกรธ เขาระวังมากหลังจากที่เธอฟื้นขึ้นมาและยอมที่จะยกโทษให้กับเรื่องที่เธอทรยศเขา เขาเพียงแค่ขอให้เธออยู่เคียงข้างเขา อย่างไรก็ตามเธอก็ยังอยากที่จะตาย ในเมื่อความอ่อนโยนทำให้เธอกลับมาให้เขาไม่ได้ งั้นเขาจะต้องระวังไปเพื่ออะไรอีก?
“มู่หรงเสวี่ย ช่างหน้าไม่อาย ฉันขอแนะนำให้เธออยู่ต่อดีๆ ถ้าเธอทำร้ายตัวเองอีกแม้แต่ปลายผม ฉันจะทำให้ตระกูลมู่หรงต้องจมดินเอง ฉันทำแน่!” ในเมื่อเธอไม่สนใจตัวเอง เขาจึงเอาสิ่งที่เธอรักที่สุดมาเป็นเครื่องต่อรอง
“คุณ! คุณ…” เลือดลมในตัวมู่หรงเสวี่ยพลุ่งพล่านบวกกับร่างกายที่อ่อนแอจากการเสียเลือดไปมากและไม่ได้กินอะไรเลย ทันใดนั้นก็เป็นลมไป
ชางกวนโม่รีบเข้าไปกอดร่างที่กำลังล้มแล้วตะโกนออกไปเสียงดัง “หมอ หมอ!”
ไม่นานหมอเวรที่อยู่ด้านนอกเมื่อได้ยินเสียงก็รีบวิ่งเข้ามา หลังจากที่ตรวจร่างกายแล้ว หมอก็บอกว่า “ตอนนี้คนไข้อ่อนแอมาก พยายามรักษาอารมณ์ความรู้สึกเธอหน่อย” แล้วจึงเสียบสายน้ำเกลือที่มู่หรงเสวี่ยเพิ่งจะดึงออกมาเข้าไปใหม่ พร้อมทั้งเปลี่ยนผ้าพันแผลที่แขนให้อีกที
“เข้าใจแล้ว ขอบคุณนะครับหมอ!” ชางกวนโม่ค่อยๆห่มผ้าให้มู่หรงเสวี่ยอย่างระวัง
หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อย หมอก็พยักหน้าและเดินออกไป เหลือไว้แต่ใบหน้าที่นิ่งเงียบของชางกวนโม่
เวลาผ่านไปนานแล้วเย่เฟิงก็เดินเข้ามา “คุณชาย เกิดอุบัติเหตุที่เมืองหลวง คุณต้องรีบกลับไปจัดการทันที ท่านผู้นำสั่งการลงมาแล้ว…” เขาไม่อยากที่จะบอกเรื่องพวกนี้กับคุณชายตอนนี้เลยจริงๆ แต่คำสั่งของท่านผู้นำจะขัดไม่ได้ และที่เมืองหลวงก็มีคนมากมายที่พร้อมจะเข้ามาหุบทุกอย่างอยู่ ถ้าไม่จัดการทุกอย่างให้ถูกต้อง จะต้องสร้างปัญหาใหญ่แน่
หลังจากที่ได้ฟังดังนี้ ชางกวนโม่ก็พูดอย่างเย็นชา “รู้แล้ว ไปเตรียมเครื่องบินส่วนตัวให้ฉันด้วยแล้วรีบกลับมาทันที อีกอย่าง เตรียมของใช้ของนายหญิงน้อยให้พร้อมแล้วติดต่อหมอที่เมืองหลวงเพื่อให้เข้ามาดูแลเธอด้วย”
สามชั่วโมงต่อมา ทุกคนก็มาถึงเมืองหลวง ชางกวนโม่ค่อยๆอุ้มมู่หรงเสวี่ยที่ยังไม่ฟื้นเข้าไปในวิลล่าอย่างระวัง เขาบอกให้ป้าหลินอยู่คอยช่วยเขาด้วย นอกจากนี้ก็ยังจ้างหมอเพื่อให้รอประจำอยู่ที่วิลล่าตลอดเวลาอีกด้วย
หลังจากนั้นชางกวนโม่ก็เข้าไปทำงาน ถึงแม้ว่าเขาอยากที่จะรอ แต่มู่หรงเสวี่ยไม่อยากเห็นหน้าเขาตอนที่เธอฟื้น ถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็จะไม่อยู่กวน
ที่อีกฝั่งจางหลินหลี่กลับมาที่โรงพยาบาลที่บ้านเขาเรียบร้อยแล้ว ทันทีที่คุณนายจางเห็นว่าลูกชายเป็นแบบนี้ พวกเขาก็ตกใจจนแทบสิ้นสติ พวกเขาจึงรีบพาตัวเขาไปรักษาทันที แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะรักษาให้หายเป็นปกติได้ภายในเวลาแค่เดือนเดียว
หลังจากที่จางหลินหลี่ฟื้น คุณจางและคุณนายจางก็ถามซ้ำๆแต่พวกเขาก็ไม่ได้คำตอบว่าเกิดอะไรขึ้น จางหลินหลี่เพียงแค่ส่ายหน้าและพูดว่ามันเป็นความผิดของเขาเองและเขาไม่อยากที่จะพูดเรื่องนี้อีก
จางหลินหลี่ไม่ได้เป็นห่วงตัวเอง สิ่งที่เขาเป็นห่วงที่สุดในตอนนี้คือมู่หรงเสวี่ย เขาไม่รู้เลยว่าชางกวนโม่จะทำอะไรกับเธอ วันนั้นเขาโทษตัวเอง เขาต้องอธิบายเรื่องนี้กับชางกวนโม่ว่าทุกอย่างเป็นความผิดของเขาและเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเสี่ยวเสวี่ย ถ้าวันนั้นเขาไม่เผลอหลับไป เรื่องมันก็คงไม่เป็นแบบนี้ ในตอนนี้เขายังไม่รู้เรื่องรูปถ่าย
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดโทรหาชางกวนโม่ หลังจากรอสายอยู่นานจนเขาคิดว่าโม่คงไม่รับสาย แต่ในที่สุดเขาก็รับสาย
“นายยังมีหน้าโทรมาหาฉันอีกเหรอ!” จากปลายสาย เขารับรู้ได้ถึงความโกรธของชางกวนโม่เลย
จางหลินหลี่รีบอธิบาย “โม่ นายเข้าใจพวกเราผิดแล้วนะ…”
“เข้าใจผิดงั้นเหรอ?! นายคิดว่าฉันตาบอดหรือไง” เขายังหวังว่ามันจะเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด แต่ทุกอย่างย้ำเตือนกับเขาว่ามันเป็นเรื่องจริง ในโลกนี้มีเรื่องบังเอิญมากมาย…นึกถึงสิ่งที่ มู่หรงเสวี่ยพูดในคืนนั้น…พวกเขาอยู่ด้วยกันมานานแล้ว
“โม่ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆนะ นายต้องฟังฉันอธิบายก่อน…” โม่อาจจะเข้าใจเขาผิดแต่เสี่ยวเสวี่ยเป็นผู้หญิงที่ดีที่ติดร่างแหมากับเขาด้วย…เมื่อเขานึกถึงความทรมานของเสี่ยวเสวี่ยในคืนนั้น หัวใจเขาก็อดไม่ได้ที่จะเจ็บปวด…มันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลย…เป็นเพราะหัวใจที่เห็นแก่ตัวของเขาคนเดียว
“งั้นนายก็พูดมา ฉันจะฟังว่านายจะหาเหตุผลอะไรมาพูด…” ปฏิเสธไม่ได้ว่าหัวใจของชางกวนโม่เริ่มมีประกายแห่งความหวังขึ้นมาเล็กน้อย…บางทีมันอาจจะมีเรื่องอะไรบางอย่างที่ตัวเขาเองก็มองไม่เห็นก็ได้
**************