“ทำไมล่ะคะ เธอไม่ได้พูดเองเหรอว่าเธอรับรองว่าจะคลอดตามกำหนดได้น่ะค่ะ” ถังหนิงถามอย่างหวั่นใจ “ฉันไม่สบายเหรอคะ ทำไมต้องคลอดก่อนกำหนดด้วย”
“อาการความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ไม่ได้รุนแรง แต่มันก็อาจจะเป็นอันตรายได้…ผมไม่อยากให้คุณต้องมาเสี่ยง” โม่ถิงตอบ “ผมถึงยอมให้คุณคลอดก่อนกำหนดไงครับ”
ถังหนิงชะงักอย่างตามไม่ทัน
“แล้วอะไรจะตามมาหลังจากคลอดล่ะคะ”
“ทั้งแม่และลูกจะปลอดภัยครับ แต่ลูกอาจได้รับผลข้างเคียงบ้าง”
โม่ถิงตอบไปตามตรง
ถังหนิงได้ยินดังนั้น ก็ส่ายหน้า “ฉันทนได้ค่ะ เราไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นหรอกนะคะ ฉันไม่มั่นใจว่าลูกจะเกิดมาเป็นยังไงหลังจากที่คลอดออกมา แต่ตอนนี้เธอยังอยู่ในท้องของฉัน ฉันจะทำทุกทางเพื่อให้เธอมีชีวิตรอดค่ะ ฉันไม่ต้องการให้เธอทรมานเพราะความเห็นแก่ตัวของฉัน”
“แต่มันเป็นแค่ความเป็นไปได้เท่านั้นนะครับ”
“ถ้ามันเป็นเรื่องจริงขึ้นมาก็คงสายไปแล้วล่ะค่ะ” ถังหนิงตอบ “คิดดูสิคะ ถ้าลูกเกิดมาผิดปกติหรือพิการ คุณคิดว่าฉันจะทนอยู่เฉยได้เหรอคะ”
“แต่มันอันตรายกับตัวคุณมากนะครับ! ” โม่ถิงเอ่ยย้ำ
“ฉันทนได้ค่ะ ฉันจะไม่ปล่อยให้ตัวเองเป็นอันตรายอีก” ถังหนิงว่าอย่างมั่นใจ
“แต่ว่าผมตอบตกลงกับถังอี้เฉินไปแล้วนะ… คุณอาจจะเป็นห่วงลูก แต่ผมเป็นห่วงคุณนะครับ…”
เมื่อเธอได้ยินคำพูดของเขา เธอไม่ได้พูดออกมาสักคำพร้อมความเงียบที่โรยตัวลงมา
เธอไม่ได้ทำอะไรไม่คิด เพียงแค่รู้สึกว่าเธอยังสามารถทนได้จึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำถึงขั้นนั้น…
นี่เป็นการเห็นไม่ตรงกันครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ทั้งคู่แต่งงานกันมา ถังหนิงไม่ได้พูดออกมาสักคำในขณะที่โม่ถิงได้แต่เฝ้ามองอย่างเงียบๆ
หากถังหนิงยังยืนกรานปฏิเสธอยู่อย่างนี้คงไม่สามารถทำการผ่าตัดได้ สำหรับถังหนิงแล้วมันคือก้าวที่เธอข้ามผ่านมันไปไม่ได้เท่านั้น เธอไม่อาจใช้สุขภาพของลูกตัวเองมาแลกกับความปลอดภัยของตัวเองได้
ทั้งคู่จึงไม่ได้พูดคุยกันอยู่สามวัน
เมื่อถังอี้เฉินเห็นดังนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “ทำไมเธอต้องทรมานโม่ถิงอย่างนี้ด้วย เขาแค่เป็นห่วงเธอและกลัวว่าจะเสียเธอไปเท่านั้น อีกอย่างเธอก็ไม่ควรประมาทกับอาการนี้นะ ถ้าเธอเป็นลมไปอีกอาจจะถึงตายได้เลยนะ ไม่กลัวหรือยังไง”
ถังหนิงนิ่งเงียบ เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังชั่งใจอย่างยากลำบาก
“แล้วทำไมเธอต้องมองโลกในแง่ร้ายขนาดนั้นด้วย มีเด็กที่คลอดก่อนกำหนดเยอะแยะที่สุขภาพดีไม่มีความผิดปกติแม้แต่นิด ทำไมต้องคิดถึงแต่เรื่องแย่ๆ ด้วย เธอต้องกรีดใจโม่ถิงออกมาเฉือนด้วยเหรอ…
“ในโลกของเขา เธอกับลูกไม่ได้เกี่ยวข้องกันนะ
“ลูกก็ต้องมีชีวิตเป็นของตัวเอง แต่เธอคือชีวิตของเขา
“ความดื้อด้านของเธอคือการทรมานโม่ถิงที่สุด เขาเป็นห่วงเธอแต่พูดอะไรรุนแรงกับเธอไม่ได้ คิดให้ดีแล้วกันนะ”
ถังหนิงยังคงเงียบ คืนนั้นเธอฝืนตัวเองให้ตื่นขณะที่รอให้โม่ถิงกลับมาจากทำงาน ไม่นานเธอก็สัมผัสได้ว่าเขากุมมือเธอเอาไว้ขณะที่นั่งลงข้างเตียงก่อนฟุบนอนพัก
ตอนนั้นเองที่น้ำตาเธอไหลรินลงมา ลูกกลายเป็นเรื่องสำคัญของเธอมากกว่าโม่ถิงได้อย่างไรกัน
ไม่นานโม่ถิงก็ตื่นขึ้นมาด้วยเสียงสะอื้นของถังหนิง เขาลุกพรวดพราดขึ้นมานั่งและสบมองดวงตารื้นของเธอ เขาปาดน้ำตาออกเงียบๆ
“นัดผ่าตัดให้ฉันให้เร็วที่สุดเลยค่ะ ฉันจะทำมันค่ะ”
“หือ” โม่ถิงถึงกับอึ้งไป
“ฉันทนเห็นคุณเจ็บปวดอยู่อย่างนี้ไม่ได้หรอกค่ะ” ถังหนิงเอ่ยด้วยเสียงสะอึกสะอื้น “ฉันทนสู้กับคุณไม่ไหวแล้วค่ะ ฉันยอมแพ้”
โม่ถิงที่นั่งอยู่บนเตียงไม่ได้พูดออกมาสักคำก่อนรั้งเธอเข้ามาในอ้อมกอด เห็นได้ชัดว่าพวกเขารักกัน ทว่า…พวกเขาก็ทำร้ายกันและกันเช่นกัน อย่างไรก็ตามนี่เป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาเข้าใจกันลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
“ต่อให้ลูกเกิดมาผิดปกติ เธอก็จะเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยที่โชคดีที่สุดในโลก คุณเชื่อผมไหมครับ”
ถังหนิงพยักหน้า ความรู้สึกผิดในตอนนี้ก่อตัวขึ้นในใจพอๆ กับความดื้อดึงของเธอก่อนหน้านี้ของเธอ
“ไม่ต้องร้องไห้แล้วนะครับ มันไม่ดีกับร่างกายของคุณนะ”
เช้าวันถัดมา ถังหนิงอี้เฉินได้ยินว่าถังหนิงยอมผ่าตลอดแล้วก่อนเอ่ยกับโม่ถิงเบาๆ “จริงๆ แล้วการดื้อแพ่งของเธอเป็นกุญแจที่ทำให้กล่อมสำเร็จค่ะ เธอก็ยังรู้จักคิดถึงคุณนะคะ”
“ผมขอแค่คุณรับประกันว่าการผ่าตัดจะปลอดภัยเท่านั้น” โม่ถิงบอกกับถังอี้เฉิน
“คุณไม่ต้องบอกฉันก็ต้องช่วยหาหมอสูติที่ดีที่สุดให้เธออยู่แล้วล่ะ”
ถังอี้เฉินออกไปจัดการทุกอย่าง
อย่างไรก็ตามยังคงมีบางอย่างที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของเธอ อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้เธอไปมีเรื่องกับลูกสาวของผู้อำนวยการโรงพยาบาลเพราะอยู่กับลู่กวงกลี และหมอสูตินรีเวชที่ดีที่สุดของโรงพยาบาลคือป้าของหญิงสาวคนนั้น…
ถังหนิงอี้เฉินไปพูดกับอาจารย์หมอสูตินรีเวชและอีกฝ่ายก็ยอมตกลงผ่าตัดให้ หากแต่เมื่อหลานสาวของเจ้าตัวมาได้ยินเช้า เธอกลับไปหาป้าของตัวเองและขอร้องให้ช่วย
เธอต้องการให้ถังอี้เฉินยอมตกลงเงื่อนไขข้อหนึ่ง
“อี้เฉิน กวงหลีเป็นหน้าเป็นตาของโรงพยาบาลทหาร เป็นเรื่องปกติที่หลานสาวฉันจะชอบเขา เธอมาขอให้ฉันช่วยเลยไม่มีทางเลือกนอกจากมาพูดกับเธออย่างนี้ ถึงยังไงความสัมพันธ์ของเธอกับหมอลู่ก็ไม่ได้ดีนักอยู่แล้วนี่”
ถังอี้เฉินต้องการความช่วยเหลือของอาจารย์หมอ เธอจึงไม่อาจปฏิเสธได้ อย่างไรก็ตามเธอนึกไม่ถึงว่าจะถูกหักหลังในสถานการณ์คับขันเช่นนี้
“หมอลู่เป็นเพื่อนที่ดีของฉันมาตลอดค่ะ” เธอตอบพร้อมรอยยิ้ม
“ถ้าพวกคุณเป็นเพื่อนกันก็ดีแล้วล่ะ…”
อาจารย์หมอเพียงต้องการรู้จุดยืนของถังอี้เฉิน และถังอี้เฉินก็ให้คำตอบกับเธอโดยไม่ได้หยุดคิด อย่างไรเสียเธอเองก็เชื่อว่าลู่กวงหลีคิดกับเธอแค่เพื่อนเท่านั้น
ทว่าเมื่อเรื่องนี้ลอยมาถึงหูของเขา…
…เขากลับไม่พอใจ
ถังอี้เฉินนี่ไม่รู้สำนึกเลยหรืออย่างไรกัน
หากเธอต้องการให้การผ่าตัดสำเร็จเธอก็น่าจะมาขอให้เขาช่วย แต่ไม่เพียงเธอจะไปหาคนอื่นยังเอาเขาไปขายอีกด้วย
เธอไม่สนใจว่าเขาจะรู้สึกอย่างไรบ้างหรือ
เมื่อคิดเช่นนั้นลู่กวงหลีก็ร้อนรนอยู่ในใจ ดังนั้นไม่ว่าถังอี้เฉินจะไปที่ไหน เขาจะหาทางเอาคืนโดยการทรมานเธอให้ได้
“ดูสิ หมอลู่ต้องโกรธถังอี้เฉินมากขนาดไหนกันนะ”
“ฉันรู้น่า ว่าไหมล่ะ เขาบังคับให้เธออ่านเอกสารหนาเป็นตั้งภายในคืนเดียว สมควรถูกเรียกว่า ราชาปีศาจ แล้ว”
“อี้เฉินที่น่าสงสาร เธอจะสู้กับหมอลู่ได้ยังไงกัน”
ถังอี้เฉินเองก็ต้องการรู้เช่นกันว่าเหตุใดเธอต้องมาถูกลงโทษด้วยวิธีการไร้สาระพวกนี้ ทั้งที่เธออายุปาเข้าวัยสามสิบต้นๆ แล้ว
“ลู่กวงหลี ไอ้คนชั่ว! ”
ลู่กวงหลีรู้ว่าถังอี้เฉินคงด่าเขาลับหลัง เขาจึงยืนมองดูการกระทำของเธออยู่ด้านหลัง
“ลูกสาวผู้อำนวยการมาขู่ขนาดนั้นฉันจะทำอะไรได้เล่า ฉันเป็นแค่หมอธรรมดาจะไปสู้กับคนที่รวยและมีอำนาจได้ยังไงกัน ฉันเองก็ทรมานเหมือนกันนั่นแหละแต่จะหันไปพึ่งใครได้ล่ะ อีกอย่างคุณก็เป็นคนที่ทิ้งและมีเรื่องกับเธอเองนะ ฉันไปขอให้คุณมาอยู่เป็นเพื่อนเหรอยังไง ไอ้บ้าเอ๊ย เดี๋ยวฉันก็อัดเป้าเข้าให้! ”
“พูดต่อสิ…” เสียงของลู่กวงหลีดังขึ้นด้านหลังเธอ