บทที่ 84 .1
อธิบายความจริงแต่ก็ยังกลับไปอดีตไม่ได้
“เธอเผลอหลับไปในห้องนั่งเล่น หลายวันที่ผ่านมาเธอเหนื่อยมามากแล้วฉันก็เอาผ้ามาห่มให้เธอ ฉันเห็นหนังสือแพทย์อยู่บนโต๊ะแล้วยังอ่านไม่จบก็เลยหยิบขึ้นมาอ่านต่อ ใครจะรู้ว่าฉันจะเผลอหลับไปด้วยกลางดึก เราไม่ได้ทำอย่างที่นายคิด…” จางหลินหลี่อธิบายอย่างตั้งใจ ถึงแม้เขาอยากที่จะบอกไปตรงๆว่าเป็นเพราะหัวใจของเขาคนเดียว แต่เขาก็เป็นห่วงว่าจะยิ่งทำให้เขาเข้าใจผิดเรื่องมู่หรงเสวี่ยมากขึ้นไปอีก
เมื่อเขาคิดถึงวิธีที่พวกเขากอดกัน ชางกวนโม่ก็ยังรู้สึกถึงความโกรธแต่ก็ต้องทนไว้ “โอเค ถึงแม้ฉันจะเข้าใจผิด แล้วทำไมพวกนายต้องกอดกันที่โรงพยาบาลแล้วก็ที่สวนสนุกด้วยล่ะ?!!”
โรงพยาบาลเหรอ?! สวนสนุกงั้นเหรอ?! กอดกันเหรอ?! สีหน้าของจางหลินหลี่เปลี่ยนไป เขาไม่เชื่อว่าชางกวนโม่จะส่งคนมาตามพวกเขา ต้องมีใครบางคนทำเรื่องนี้เพื่อที่จะสร้างความร้าวฉานแน่ๆ ไม่คิดว่าโม่จะทำเรื่องอะไรแบบนี้
“โม่ นายไม่เชื่อในตัวพวกเราได้ยังไง?!! นายเชื่อในสิ่งที่คนอื่นพูด…นายไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน…ฉันบอกนายแล้วไงว่าเรื่องพวกนั้นไม่ใช่ความจริง…” ต้องไปถามเรื่องนี้จากใคร?! มู่หรงเสวี่ยจะเป็นอันตรายมากแค่ไหนหลังจากนี้
“ไม่ใช่เรื่องจริงงั้นเหรอ?! ฉันบอกให้นายดูแลมู่หรงเสวี่ยให้ดี นายดูแลอย่างดีจริงๆ นายทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง?!!” ชางกวนโม่คอยเป็นกองหนุนให้น้องชายคนนี้มาตั้งแต่ยังเด็กๆจนโต นอกจากความโกรธแล้ว จางหลินหลี่เป็นน้องชายที่ดีกว่าน้องชายแท้ๆของเขาซะอีก ชางกวนหลิน เขารู้สึกเสียใจ! ในหัวใจลึกๆแล้วเขาก็ยังชอบน้องคนนี้อยู่แต่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดที่จะต้องมาขอโทษเขา
“ฉันสมควรโดนแล้ว แต่ถ้านายทำอะไรเสี่ยวเสวี่ย นายจะต้องเสียใจ เสี่ยวเสวี่ยบริสุทธิ์ ที่เรากอดกันวันนั้นที่โรงพยาบาลก็เป็นเพราะนาย!”
เป็นเพราะเขางั้นเหรอ?! ตลก เขาบอกให้พวกเขากอดกันงั้นเหรอ?! เขาบ้าไปแล้วหรือไง? หรือหัวได้รับการกระทบกระเทือน?!
“นายไม่มีข้อแก้ตัวอื่นแล้วหรือไง?! เป็นเพราะฉันเนี่ยนะ!! ตลกสิ้นดี!!!”
“เป็นเพราะนายจริงๆ นายลืมไปแล้วเหรอว่าหัวของ มู่หรงเสวี่ยกระแทกได้ยังไง?!! เป็นเพราะนาย!!! วันนั้นมู่หรงเสวี่ยเสียใจมาก ฉันไปเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เธอและบอกเรื่องที่นายจะไปประเทศ C เธอร้องไห้ ฉันแค่กอดไหล่เธอ…”
หัวใจของชางกวนโม่สั่น เมื่อนึกถึงความไม่ใส่ใจจนทำให้มู่หรงเสวี่ยต้องเจ็บปวด ถ้าทุกอย่างเป็นแค่ความเข้าใจผิดของเขา งั้นเขาก็ทำผิดกับเสี่ยวเสวี่ย…สายตาของมู่หรงเสวี่ยแสดงถึงความเกลียดที่มีต่อเขา…
“แล้วนายไปอยู่ในห้องนั่งเล่นของโรงแรมทำไม?!! ฉันเช็กมาแล้ว วันนั้นนายเปิดห้องสองห้อง แต่พวกนายใช้แค่ห้องเดียว…นายจะตอบฉันเรื่องนี้ยังไง?” เขาถามออกมาเสียงดังอย่างไม่อยากจะเชื่อ!
คืนนั้นเหรอ?!! ใครกันเนี่ย ช่างกล้าจริงๆ!!! “โม่ บางทีนายอาจจะมองว่าฉันกำลังหาข้ออ้างนะ แต่ฉันบอกนายไปแล้วว่าวันนั้นฉันไปเรียนการฝังเข็มกับเสี่ยวเสวี่ย ต่อมาฉันเกิดเวียนหัวเพราะไข้สูง และเสี่ยวเสวี่ยก็อุ้มฉันไม่ไหว ฉันก็เลยนอนที่ห้องนั่งเล่นของโรงแรมแล้วเราก็ไม่ได้ทำอะไรกันเลย…นายก็รู้ว่าฉันหลงใหลเรื่องเทคโนโลยีการแพทย์ขนาดไหน ครั้งนี้ฉันมาเมือง A ก็เพื่อมาเรียนการฝังเข็มกับเสี่ยวเสวี่ย ฉันไม่ได้ทำอย่างที่นายคิดจริงๆ นายเข้าใจผิดแล้ว…” ถึงแม้เขาจะเห็นแก่ตัวแต่เสี่ยวเสวี่ยเปล่า…หวังว่าคืนนั้นชางกวนโม่จะไม่ได้ทำร้ายมู่หรงเสวี่ย
ชางกวนโม่นิ่งไปพร้อมโทรศัพท์ ต่อมาจางหลินหลี่ทำอะไรบางอย่างตก เขาได้ยินไม่ชัดเพราะมัวแต่พูดซ้ำๆอยู่ในใจตัวเอง…เข้าใจผิด…ทุกอย่างเป็นเรื่องเข้าใจผิด
อีกคนที่ความรู้สึกไม่ปกตินั่นคือไป๋เสวี่ยหลี่ ตอนที่พี่จางได้รับบาดเจ็บถูกส่งตัวกลับมาที่โรงพยาบาลจางในวันต่อมา เมื่อเธอได้ยินข่าว เธอรู้เลยว่าต้องเป็นฝีมือของพี่โม่ เธอคิดว่า มู่หรงเสวี่ยเองก็คงอาการไม่ต่างกันเท่าไร เธอคิดว่าพี่โม่จะกลับมาหาเธอ เมื่อคืนเธอตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ แต่ใครจะรู้ว่าเธอได้ยินข่าวว่าพี่โม่พานังนั่นกลับมาด้วย ถึงแม้เธอจะได้ยินว่านังนั่นเองก็บาดเจ็บสาหัสด้วยเหมือนกัน ถึงขนาดนั้นแต่พี่โม่ก็ยังไม่ยอมเลิกกับนังนั่น
มันเป็นไปได้ยังไง? พี่โม่ไม่ใช่คนที่จะจริงใจอะไรกับคนแบบนั้น ความจริงแล้วเขาควรที่จะจัดการนังนั่นจนตายแล้วก็ทำลายครอบครัวของนังนั่นไปด้วยเลย…แต่พี่โม่กลับเรียกให้หมอไปรักษามันได้ยังไง
นังมู่หรงเสวี่ย แกใช้ยาอะไรกับพี่โม่เนี่ย?!!!
หลังจากที่ได้คุยโทรศัพท์กับจางหลินหลี่ ชางกวนโม่ก็นึกถึงคืนนั้นพร้อมรอยเลือดบนที่นอนและความยากลำบากตอนที่เขาพยายามจะมีอะไรกับเธอ…ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด…เขารีบสั่งให้เย่เฟิงไปเช็กเรื่องของมู่หรงเสวี่ยทั้งหมดในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
ชั่วโมงต่อมา เขาก็กลับมาพร้อมรายงานการสืบสวน หลังจากที่อ่านอย่างเร็วๆ เขาก็ต้องนั่งลงไปกับเก้าอี้ เขาเข้าใจเสี่ยวเสวี่ยผิด
เขารีบกลับไปที่วิลล่าแต่ต้องหยุดเมื่อใกล้จะถึงห้อง ทันใดนั้นเขาก็ไม่กล้าที่จะเจอหน้าเธอ…เขากลัวว่าจะได้เห็นความเกลียดชังในสายตาเธอ
หมอบอกว่าตอนนี้เธอไม่ควรจะถูกกระตุ้นหรือเขาจะกลับมาทีหลังดี ทันทีที่เขากำลังจะเดินกลับ ก็มีเสียงหนึ่งเบื้องหลังเขาที่ทำให้เขาอยากจะหันหลังกลับ
“คุณชาย มายืนทำอะไรอยู่ข้างนอกนี้คะ? นายหญิงน้อยฟื้นแล้วนะคะและถามหาคุณด้วย” ป้าหลินเพียงแค่อยากจะแวะมาดูนายหญิงน้อย ตอนที่เธอเจอเข้ากับคุณชายเย็นชา จึงพูดต่อว่า เธอเห็นว่านายหญิงน้อยเจ็บมากและสีหน้าของเธอก็ซีดอย่างกับผี เธอหวังว่าสิ่งที่เธอพูดจะช่วยทำให้คุณชายดูแลเธอให้ดีกว่านี้และอย่าทำร้ายนายหญิงน้อยที่น่าสงสารอีก
ตามหาเขาอยู่งั้นเหรอ?! อยากจะเห็นเขาตายหรือเปล่า?!!! เขารู้ว่าตอนนี้มู่หรงเสวี่ยเกลียดเขามากแค่ไหน แล้วจะอยากเจอหน้าเขาได้ยังไง?!! แต่เขาก็เก็บกดความห่วงในใจไม่ไหวจึงก้าวเข้าไปข้างใน
มู่หรงเสวี่ยอยู่บนเตียงหลับตาหลังจากที่ได้ยินเสียงป้าหลิน คิดถึงคำพูดข่มขู่ของเขา ในหัวใจเธอรู้สึกเจ็บปวดมาก ตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกนอกจากความตาย
“นายหญิงน้อยหลับอยู่เหรอคะ แต่เธอเพิ่งตื่นเมื่อกี้ บางทีเธออาจจะเพลียมาก” ป้าหลินพูดด้วยเสียงแผ่วเบา ที่หางตาของเธอก็แอบเฝ้าสังเกตชางกวนโม่ไปด้วยแต่ก็กลัวว่าเขาจะโกรธ
ชางกวนโม่ไม่รู้ว่าเธอไม่อยากจะเจอหน้าเขาหรือแม้แต่มองหน้าเขาด้วย เขาเดินเข้าไป เธอไม่อยากที่จะลืมตาด้วยซ้ำ น้ำตาที่มุมของตาเธอไหลไม่ยอมหยุด ไม่ใช่ความผิดของเธอ เป็นความผิดของเขาเองที่ทำไม่ดีกับเธอ
“ป้าหลิน ออกไปก่อนเถอะครับ!” ชางกวนโม่พูดกันป้าหลินที่อยู่อีกด้าน
“ค่ะ คุณชาย” ป้าหลินไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก เธอเดินออกไปและปิดประตู อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าคุณชายจะไม่ได้โกรธ เขาไม่น่าที่จะทำอะไรกับนายหญิงน้อย
ชางกวนโม่ค่อยๆเช็ดน้ำตาของมู่หรงเสวี่ยและถอนหายใจเล็กน้อย มู่หรงเสวี่ยตัวแข็ง พยายามบังคับให้สีหน้าของตัวเองเป็นปกติ เขาจะทำอะไร ตบหัวแล้วลูบหลังงั้นเหรอ?!! เขาเป็นใครกันเนี่ย!!!
เขาจับมือเล็กของเธอบนผ้าห่มและรู้สึกได้ถึงการสั่นของเธอเล็กน้อย ความรู้สึกผิดในใจเขายิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก “เสี่ยวเสวี่ย เธอช่วยลืมตามามองฉันทีได้ไหม…”
หลังจากรออยู่นาน เขาก็ไม่เห็นการเคลื่อนไหวใดๆจากเสี่ยวเสวี่ย สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้ว่าเธอตื่นอยู่คือน้ำตาที่ยังไหลรินออกมาเรื่อยๆอย่างเงียบๆ เขาค่อยๆเริ่มพูดถึงความรู้สึกผิดของตัวเอง “เสี่ยวเสวี่ย ฉันขอโทษ…ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง…เธอช่วยยกโทษให้ฉันได้ไหม…ฉันโกรธมากเกินไปหน่อย…”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะทำร้ายเธอ รู้ใช่ไหม?! วันนั้นฉันกลับมาอย่างมีความสุข พยายามเร่งมือทำงานให้เสร็จเร็วที่สุดเพื่อที่จะได้กลับมาเจอเธอไวๆ…ฉันคิดถึงเธอจริงๆ…อย่างไรก็ตาม มีบางคนเอารูปที่พวกเธอกอดกันมาให้ฉันดู…มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าฉันปวดใจมากแค่ไหน…”
เขาไม่เชื่อเธอ…ถึงแม้เขาจะรู้ว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด…ถึงแม้เขาจะมาขอโทษตอนนี้ มันก็สายไปแล้ว…เธอไม่ยอมที่จะต้องเจ็บปวดอีกครั้งแน่…หัวใจของเธอแตกเป็นเสี่ยงๆแล้ว…ไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิมได้อีก
นอกจากนี้ เขาก็ไม่ใช่ของเธอด้วย ในชีวิตที่แล้ว พวกเธอไม่เคยเจอกัน…ไม่นานความทรงจำที่แสนสวยของพวกเขาก็เป็นราวกับกระจก…บางทีพวกเขาอาจจะผิดตั้งแต่แรก
ชางกวนโม่ยังพูดกับเธออยู่แต่มู่หรงเสวี่ยไม่ได้ฟังอีกต่อไปแล้ว…ในตอนนี้ มันเพียงแค่ภาพเบลอๆ…ไม่ใช่เธอ ไม่มีวันเป็นเธอได้
มู่หรงเสวี่ยลืมตาที่พร่ามัวและพูดด้วยเสียงที่แหบแห้ง “ชางกวนโม่ เราเลิกกันเถอะ!” ไม่มีความโกรธหรือความไม่พอใจในน้ำเสียง
ชางกวนโม่นิ่งอึ้งและความตื่นตระหนกก็ไหลผ่านไปทั่วหัวใจ เขาพยายามที่จะยิ้มออกมา “เสี่ยวเสวี่ย เธอกำลังล้อฉันเล่นใช่ไหม?” น้ำเสียงแผ่วเบาและระวังอย่างมาก
เธอหันมามองที่เขาแล้วพูดออกมา “ฉันพูดจริง เราไม่เหมาะกัน เลิกกันเถอะค่ะ!” เวลาที่เสียไปเอาคืนกลับมาไม่ได้
ชางกวนโม่คลั่งไปเลย! ทำลายข้าวของทุกอย่างที่อยู่รอบๆ ยกเว้นแต่มู่หรงเสวี่ยที่นอนอยู่บนเตียง ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธจ้องมองไปที่เตียง มองไปที่หน้าของมู่หรงเสวี่ย รู้สึกได้ถึงร่างกายของเธอที่ขยับขึ้นลงอย่างหนัก
เราผิดเอง…เขาไม่น่าทำดีกับเธอเลย…ไม่น่าพูดสิ่งที่เขารับไม่ได้ออกไปเลย สายน้ำตาไหลร่วงลงมาจากตาเขา ทำให้มู่หรงเสวี่ยประหลาดใจ เกือบจะอดใจไม่ไหวที่จะลุกขึ้นมา…
แล้วเธอก็นึกถึงภาพงานแต่งงานของเขากับไป๋เสวี่ยหลี่ หลังจากนั้นเธอก็พยายามห้ามจังหวะหัวใจของตัวเอง เขาเป็นแบบนี้ก็แค่เพราะเขาไม่อยากที่จะยอมแพ้ อย่าคิดเข้าข้างตัวเอง ไม่งั้นเธอเองที่จะไม่เหลือหัวใจให้เขาย่ำยีอีก