ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1498 ต้นไม้ที่เงินทองวัดค่าไม่ได้

“รู้ไหมว่าผลึกคืออะไร? ที่จริงนี่ไม่ใช่ศัพท์วิชาการ นี่เป็นแค่ชื่อเรียกที่เป็นที่ยอมรับในวงการของสะสม หมายถึงผลึกทรงน้ำแข็งชนิดหนึ่ง แน่นอนว่าที่จริงของสิ่งนี้ไม่ใช่ผลึกน้ำแข็ง มันแค่ดูเหมือนผลึกน้ำแข็งมาก แต่เจอออกซิเจนไม่ได้ แค่สัมผัสกับอากาศก็จะสลายหายไปทันที…”
เบลคเริ่มพูดแนะนำผลึกเจี๊ยวจ๊าว พูดถึงที่มาของชื่อแล้วก็พูดถึงองค์ประกอบของวัสดุ พูดติดกันสี่ห้านาทีก็ยังไม่จบ
ฉินสือโอวฟังจนเอ๋อ เขาไม่ได้อยากสอบเข้าโทเสียหน่อย จะมาศึกษาเกี่ยวกับผลึกและปฏิกิริยาออกซิเดชั่นทำไม?
พอฟังจนเริ่มรำคาญ เขาก็พูดขัดเบลคว่า “หยุดๆๆ! ให้ตายเถอะ ฉันล่ะยอมนายจริงๆ ฉันถามนายเรื่องประเภทของไม้ชนิดนี้ นายจะบอกฉันว่ามันเจอออกซิเจนแล้วจะทำปฏิกิริยาอะไรทำไม?”
เบลคพูดแบบไม่ใส่ใจว่า “ความรู้ เพื่อน ความรู้ก็คือสิ่งมีค่า! นายต้องเรียนรู้มากๆ เข้าใจไหม? ไม้มีชื่อออกอย่างนี้นายยังไม่รู้จักเลย ตอนฉันห้าขวบฉันก็รู้จักแล้ว ตอนนั้นเป็นตอนที่ฉันอยู่มหาวิหารซานคาร์โลร่วมพิธีมิสซา พ่อฉันสอนฉันเอง…”
“งั้นตอนนายเด็กก็คงน่าเศร้าไปหน่อย ไปร่วมพิธีมิสซายังต้องเรียนฟิสิกส์เคมีอีก โอเค อย่าเปลี่ยนเรื่องแล้วก็หยุดแซวฉันเสียที บอกฉันหน่อย นี่มันคืออะไรกันแน่?” ฉินสือโอวดึงสติกลับมา เจ้าหมอนี่เอาแต่ยั่วให้อยากรู้อยู่ได้
อย่างที่คิด ได้ยินแบบนั้นเสียงหัวเราะของเบลคก็ดังลอดออกมาจากลำโพงว่า “นี่คือไม้พาโลซานโต เพื่อน นายไปเอามาจากไหน? เจอเรืออับปางอีกแล้วเหรอ?”
จากจำนวนครั้งมากมายที่ฉินสือโอวเจอเรืออับปางในทะเลหลายปีมานี้ เบลคไม่รู้สึกแปลกใจกับเรื่องนี้แล้ว
แน่นอนว่าฉินสือโอวไม่พูดตามน้ำ เขาอธิบายว่า “ไม่ คือแบบนี้นะ ฉันเพิ่งจะซื้อฟาร์มปลามาที่หนึ่ง ตอนที่เก็บกวาดคลังสินค้าเก่าก็เจอไม้นี้อยู่ข้างใน ไม้พวกนี้ได้รับการดูแลรักษาอย่างดี ฉันคิดว่าน่าจะมีมูลค่า ก็เลยมาถามนาย ไม้ชนิดนี้มีราคาไหม? เท่าไร?”
เบลคพูดด้วยน้ำเสียงจนใจ “งั้นนายโทรมาหาฉันทำไม? ส่งรูปมาให้ก็ได้แล้วนี่? มา เราเปิดวิดีโอคอลกันเถอะ ให้ฉันดูว่าไม้พวกนี้คือไม้พาโลซานโตหรือเปล่า ถ้าใช่จริงๆ มูลค่ามหาศาลเลยนะ!”
ฉินสือโอวเพิ่งรู้ว่าขุดหลุมฝังตัวเอง แน่นอนว่าเขาไม่มีทางถ่ายรูปและยิ่งไม่มีทางวิดีโอคอลได้ ไม้พวกนี้ยังอยู่ในเรืออับปางใต้ทะเลอยู่เลยนะ
ดังนั้นเขาจึงใช้สมองอย่างรวดเร็วและพูดว่า “ขอโทษนะเพื่อน สัญญาณไม่ดี เปิดวิดีโอไม่ได้ ที่นี่เป็นฟาร์มปลาทิ้งร้าง ฉันโทรหานายได้ก็ดีมากแล้ว!”
หลังจากหาเหตุผลไปส่งๆ เสร็จเขาก็เปลี่ยนเรื่องต่อ “ไม้พาโลซานโตมีราคาขนาดนั้นเลยเหรอ? ตอนนี้ราคาอยู่ที่เท่าไร?”
เบลคไม่ได้ไล่ถามต่อ เขาตอบกลับมาว่า “ใช่ ได้ราคามาก ราคาที่เฉพาะเจาะจงก็พูดยาก หนึ่งกรัมมีตั้งแต่สองหรือสามดอลลาร์ไปจนถึงยี่สิบหรือสามสิบดอลลาร์…”
“ฮะ? ขายเป็นกรัมเหรอ?” ฉินสือโอวยินดีขึ้นมา เมื่อครู่เขาดูมาแล้ว ไม้พาโลซานโตในเรือนี้มีแต่ลำต้นสิบกว่าเมตรถึงยี่สิบเมตร ลำที่เล็กหน่อยหนาประมาณขาของผู้ใหญ่ ท่อนใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางเกือบครึ่งเมตร มีทั้งหมดยี่สิบกว่าท่อน
นอกจากนี้เขาใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนสร้างคลื่นพัดมันขึ้นมาดูน้ำหนักแล้ว ความหนาแน่นค่อนข้างเยอะ อย่างน้อยความหนาแน่นก็สูงกว่าน้ำทะเล เพราะพอคลื่นซัดเอาไม้ขึ้นมาและวางลงก็จมลงบนพื้นเรือทันที
ถ้าคำนวณตามนี้ อย่างเช่นไม้ท่อนที่หนาที่สุด เส้นผ่าศูนย์กลางเกือบครึ่งเมตร พื้นที่ประมาณหนึ่งในสี่ตารางเมตร คูณด้วยความสูง 20 เมตร นั่นคือห้าลูกบาศก์เมตร นอกจากนี้ความหนาแน่นของมันยังมากกว่าน้ำ นั่นคืออย่างน้อยห้าตัน ก็เท่ากับห้าล้านกรัม!
ไม้ยี่สิบกว่าต้น แม้ว่าต้นอื่นจะไม่สูงหรือหนาเท่าต้นนี้ แต่รวมแล้วดูอย่างไรก็รวมเป็นยี่สิบลูกบาศก์ได้จริงไหม? แบบนี้จะเท่าไรล่ะ? 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ?
อีกอย่างนี่ยังเป็นวิธีคำนวณแบบอนุรักษนิยม คิดตามหลักกรัมล่ะหนึ่งดอลลาร์ ความหนาแน่นของไม้คำนวณเหมือนกับน้ำ แต่ที่จริงไม่เพียงแค่เท่านี้!
ฉินสือโอวคำนวณในใจอย่างรวดเร็ว ส่วนเบลคก็กำลังอธิบาย “แน่นอนว่าคิดตามกรัม นี่มันไม้พาโลซานโตเชียวนะ ตอนนี้ไม้ชนิดนี้มีน้อยมากแล้ว ที่เห็นทั่วไปก็เป็นไม้ท่อนเล็กๆ เอามาทำของกระจุกกระจิกพวกรูปปั้นแกะสลัก หวีไม้ ปิ่นไม้ จะไม่แพงได้อย่างไร?”
ได้ยินแบบนั้น ฉินสือโอวก็ดีใจยกใจ เขาถามลองเชิงดู “ถ้า ถ้านะ ทางฉันมีไม้พาโลซานโตแบบทั้งต้นจะทำไงได้บ้าง?”
“สมบูรณ์แค่ไหน?” เบลคถามไปตามจิตใต้สำนึก
ฉินสือโอวเลือกท่อนที่ใหญ่ที่สุด “เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณครึ่งเมตร คงสูงราวยี่สิบเมตร”
เสียงจากลำโพงโทรศัพท์เงียบไป ฉินสือโอวนึกว่าเบลคอึ้งจนพูดไม่ออกเลยหัวเราะออกมาอย่างภาคภูมิใจ
ปรากฏว่าเขารออีกสักพักก็ยังไม่มีเสียงอะไร ตะโกนฮัลโหลๆๆ ไปหลายทีก็ยังไม่มีเสียง พอยกขึ้นมาดู อ้าวไอ้ หมอนี่วางสายไปแล้ว!
ตอนที่กำลังจะเข้าเน็ตหาข้อมูลไม้พาโลซานโต เบอร์แปลกเบอร์หนึ่งก็โทรเข้ามา พอเขารับสายเสียงของเบลคก็ดังขึ้นมาอีก “ให้ตาย ซวยจริงๆ เมื่อกี้ฉันตกใจเลยเขวี้ยงมือถือออกไป ตอนนี้พังหมดแล้ว!”
“คุยเรื่องเมื่อกี้กันต่อ นายว่าไงนะ? ไม้ต้นนั้นสูงยี่สิบเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางแปดเมตร? ให้ตายสิ! นายไปสวนหลังตำหนักของพระเจ้ามาหรือไง? ไม่อย่างนั้นทำไมนายถึงหาไม้พาโลซานโตได้ต้นใหญ่ขนาดนี้?!”
ฉินสือโอวถาม “แบบนี้มูลค่าเท่าไร?”
เบลคพูดว่า “ไม้พาโลซานโตแบบนี้ไม่เกี่ยวเรื่องเงินแล้ว ฟังฉันนะเพื่อน นายรู้ไหมว่าต้นไม้ชนิดนี้เอามาใช้ทำอะไรมากที่สุด?”
ฉินสือโอวพูด “สมองนายใหญ่เท่าพ่อไก่หรือไง? ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่มันอะไร จะไปรู้ได้ไงว่าใช้ทำอะไร?”
เบลคไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเขาแล้วพูดว่า “เมื่อกี้ฉันก็บอกนายแล้ว พ่อฉันแนะนำไม้ชนิดนี้ให้ฉันรู้จักตอนร่วมพิธีมิสซาในวัยเด็ก”
ฉินสือโอวคิดๆ ดูแล้วถามลองเชิง “โอ้ เข้าใจแล้ว เอาไว้ทำพวกโต๊ะเก้าอี้ใช่ไหม?”
เหล่าลูกศิษย์ในโบสถ์นั่งเก้าอี้ ที่วางข้างหน้าก็คือโต๊ะ ในเมื่อเบลครู้จักมันตอนกำลังร่วมพิธีมิสซากับพ่อ งั้นตอนนั้นที่เห็นก็น่าจะสิ่งนี้แหละ
เสียงตีโพยตีพายของเบลคดังขึ้น “ไอ้บ้าแกสิ! โง่จริงๆ เลยนายเนี่ย! ไม้กางเขนต่างหาก! เอาไว้ทำไม้กางเขนใหญ่บนยอดโบสถ์! นายคิดไปถึงโต๊ะเก้าอี้ได้อย่างไร? มันคือไม้กางเขนใหญ่!”
“โอเคๆ ฉันรู้แล้วเพื่อน งั้นนายบอกฉันที ทำไมเอาเงินมาวัดไม่ได้? เพราะเงินทองจะดูถูกความเชื่อพวกนายหรือเปล่า?” ฉินสือโอวถามด้วยยิ้มระรื่น
“ดูถูกความเชื่อบ้าอะไรล่ะ! พวกเราต่างก็รู้ ขนาดพระเจ้ายังรักเงินทองเลย! โอเค กลับมาที่ประเด็นหลัก ตอนนี้ไม้กางเขนบนโบสถ์ใหญ่มีชื่อหลายที่ในโลกก็ทำมาจากไม้พาโลซานโต ฉะนั้นถ้านายเอาไม้พาโลซานโตต้นนี้ไปทำไม้กางเขนเพื่อหาเงินเข้าสันตะสำนักอาจจะได้อาร์คบิชอปมาก็ได้!” เบลคกล่าว
………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset