งานแลกเปลี่ยนที่อาณาจักรทมิฬทั้งหมด ใช้เวลาเกือบหนึ่งวันหนึ่งคืน
เมื่อหานลี่กลับมายังที่พักของเขาในเขาเก้าเซียน ก็เป็นเวลาเช้าของวันที่สองพอดี
เมื่อเรียกพวกไห่ต้าเซ่าทั้งสองมา และรู้ว่าช่วงที่ตอนไม่อยู่นั้น ไม่มีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น เขาก็รู้สึกโล่งใจ
หลังจากแยกย้ายกับลูกศิษย์ทั้งสองแล้ว ก็เข้าไปในห้องลับ และนั่งขัดสมาธิบนฟูก
พลิกมือขึ้นหนึ่งข้าง แหวนอสูรวิญญาณสีน้ำเงินก็ปรากฏขึ้นมาบนนิ้วมือ และยังโยนขึ้นไปบนอากาศ
ก้อนเมฆสีฟ้าลอยออกมาจากวงแหวน และกรงน้ำแข็งก็ลอยอยู่เบื้องหน้าของเขาท่ามกลางอากาศบางๆ
ภายในกรงน้ำแข็ง เห็นได้ชัดว่าหงส์น้ำแข็งสีขาวหิมะมีความยาวครึ่งฉื่อ ไม่คิดว่าหานลี่จะปล่อยมันออกมาเร็วถึงเพียงนี้ ตบปีกทั้งสองข้างลง ผิวกายเปล่งรัศมีสีเงิน ปกปิดรูปร่างได้ในพริบตา จากนั้นก็กวาดสายตาไปที่หานลี่ด้วยสายตาระแวดระวัง
“เจ้าเองหรือ เป็นไปได้อย่างไรกัน!” เมื่อเห็นใบหน้าของหานลี่อย่างชัดเจนแล้ว ในดวงตาสีเงินของวิหควิญญาณก็ปรากฏแววตายากที่จะเชื่อทันที หลังจากพูดออกไปแล้วเสียงก็หายไปทันที
น่าแปลกใจที่เสียงที่ดังขึ้นมานั้นเป็นเสียงของหญิงสาว แต่ก็มีความเย็นชาเล็กน้อยแฝงอยู่
“เซียนหงส์ ไม่ได้พบกันมาหลายปีแล้ว ไม่คิดเลยว่าข้ากับท่านจะได้มาพบเจอกันที่นี่” หานลี่มองไปยังหงส์น้ำแข็งในกรง แต่กลับถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้ง
แน่นอนว่าหงส์น้ำแข็งตัวนี้เคยบุกเข้าไปใน แดนมนุษย์ด้วยกันกับเขาในปีนั้น แต่ “เซียนหงส์” ท่านนั้นกลับถูกพายุพัดแยกออกไป
ย้อนกลับไปในตอนนั้นบุคคลนี้เป็นผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดในแดนมนุษย์ “เจ้าแห่งทะเลน้ำแข็ง” เพียงแต่เมื่อไม่ได้ถูกพบเห็นมาเป็นเวลาหลายร้อยปี ทั้งยังตกมาอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถแปลงร่างได้เช่นนี้และยังถูกผนึกไว้ในกรงอสูรวิญญาณเช่นนี้
เมื่อหานลี่เห็นเข้าเขาก็อดรู้สึกหดหู่ใจไม่ได้ และในฐานะเพื่อนร่วมทางที่ลักลอบเข้ามาในแดนวิญญาณด้วยกัน ในเวลาที่ได้เห็นหงส์น้ำแข็งท่านนี้ หานลี่ก็นึกถึงอดีตและมีความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายได้
ในงานแลกเปลี่ยนนี้ เมื่อเห็นหญิงสาวนางนี้ถูกนำตัวออกมา เขาก็ก้าวออกไปเพื่อทำการแลกเปลี่ยนโดยไม่ลังเลทันที
“เป็นพี่หานจริงๆ ด้วย! เช่นนี้ในงานแลกเปลี่ยนนั้น ผู้ที่แลกเปลี่ยนข้ามาก็คือสหายนี่เอง หรือว่าเจ้าเข้าถึงขั้นหลอมสุญตาแล้ว?” เสียงของหงส์น้ำยังคงเย็นอย่างผิดปกติ แต่นางกลับตัวสั่นเล็กน้อย
“ถูกแล้ว เป็นผู้แซ่หานเอง สำหรับการบำเพ็ญเพียรของข้าน้อยสหายก็จะได้รู้เองในไม่ช้า ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้พบท่านเซียนที่งานแลกเปลี่ยนในอาณาจักรทมิฬ จะว่าไปแล้วท่านเซียนกับข้าเองก็นับว่าชะตาร่วมกันไม่น้อย เรื่องอื่นเอาไว้คุยทีหลัง ให้ข้าปล่อยสหายออกมาก่อนเถิด” หานลี่ลงมือโดยไม่ลังเลสิ่งใด แสงสีเขียวส่องประกายออกมาด้วยนิ้วเดียว และมันแตะไปที่ยันต์สีเงินและสีทองบนกรงน้ำแข็ง
ทันใดนั้นยันต์เหล่านั้นก็มีรังสีสะท้อนรอบทิศทางออกมาก่อนจะร่วงหล่นลง และในเวลาเดียวกันนี้กรงน้ำแข็งก็เปิดออกพร้อมกับเสียง “กริ๊งกร๊าง” ดังขึ้น
“ขอบคุณสหายหานที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ!”
แม้ว่าในใจของหงส์น้ำแข็งยังมีงุนงงอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็ย่อมมีความยินดีภายในใจ ปีกทั้งสองข้างสะบัดอีกครั้งและกลายเป็นแสงกลมสีขาวบินออกมาจากกรง
จากนั้นตัวนางก็เปล่งแสงสีเงินวาววับออกมาและสว่างมากขึ้นอย่างบ้าคลั่ง นางก็กลายร่างกลับสู่รูปร่างเดิมซึ่งสูงครึ่งฉื่อ ขนตามลำตัวของนางส่องแสงระยิบระยับราวกับแกะสลักจากน้ำแข็งสีดำไปทั้งตัว
“น่าเสียดาย ตอนนี้ข้าไม่มีกำลังพอที่จะแปลงร่างได้ ทำได้เพียงคุยกับสหายผ่านรูปลักษณ์นี้เท่านั้น ช่างน่าละอายใจเสียจริง!” หงส์น้ำแข็งยืดร่างกายที่สง่างามขึ้นเล็กน้อย และส่ายศีรษะพูดขึ้น
“ไม่เป็นไร ด้วยพื้นฐานของท่านเซียนแล้ว ตราบใดที่ทำลายผนึกในร่างกายได้แล้ว ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะฟื้นฟูการแปลงกายแล้ว” หานลี่เหลือบมองหงส์น้ำแข็งและหัวเราะเบาๆ
“พี่หานมองออกแล้ว ในร่างกายข้าโดนตัวประหลาดเฒ่าผสานอินทรีย์นั้นใส่คำสาปต้องห้ามไม่ทราบชื่อบางอย่างเข้าไป มันค่อนข้างลำบากสักหน่อย จากคำพูดของเขานั้น ดูเหมือนว่าเฉพาะผู้ที่มีเพียรผสานอินทรีย์แบบเดียวกันเท่านั้นจึงจะสามารถทำลายมันได้” เห็นได้ชัดว่าหงส์น้ำแข็งยกให้หานลี่เป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตา นัยน์ตาสีเงินเป็นประกายและพูดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“จริงหรือ? ให้ข้าลองดูเสียหน่อยสิ!” หานลี่ยิ้ม ขยับร่างกายเล็กน้อย ทันใดนั้นฝ่ามือสีขาวก็พุ่งออกไปชนปีกของหงส์น้ำแข็งข้างหนึ่ง
ทันใดนั้นเปลวไฟห้าสีก็กลิ้งออกไปกลายเป็นกระแสน้ำ และพุ่งเข้าสู่ร่างของหงส์น้ำแข็ง
และเซียนหงส์ท่านนี้ รู้สึกเพียงว่าพลังวิญญาณอันเยือกเย็นที่แปลกประหลาดไหลผ่านเส้นเลือดไปทั่วร่างทันที และคลื่นที่โหมกระหน่ำนั้นก็ได้กระแทกเข้าใส่ผนึกคำสาปต้องห้ามนั้นกระจัดกระจายออกเป็นส่วนๆ แยกกันไปคนละทิศละทาง
ณ เวลานี้ ในขณะที่นางกำลังมีความยินดีปรีดามาก แต่ในใจนางก็ยังคงเกิดความตกตะลึงอยู่
ฝ่ายตรงข้ามสามารถทำลายผนึกที่อยู่ในร่างกายของนางได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาอยู่ในระดับผสานอินทรีย์แล้ว
นี่มันออกจะยากที่จะเชื่อได้อยู่สักหน่อย
ถ้าหากหานลี่มีการผจญภัย หลังจากฝึกฝนขั้นสูงมาหลายร้อยปี หญิงผู้นี้ก็ยังรู้สึกว่ายากที่จะรับได้ แต่ถ้าพูดถึงขี้นผสานอินทรีย์ นี่ก็เลวร้ายเกินไปหน่อย
ใจของหงส์น้ำแข็งเต้นแรงไม่น้อย หลังจากที่รู้สึกได้ว่าคำสาปต้องห้ามในร่างกายถูกกระแสน้ำเย็นชะล้างออกไปหมดแล้ว ดวงตาก็มีแววสว่างไสว อยากจะพูดบางอย่างต่อหานลี่
แต่ในวินาทีต่อมา บางอย่างในตัวนางเปลี่ยนไป ทำให้นางรู้สึกหวาดกลัว และนางก็กลืนคำพูดในปากกลับไปโดยไม่รู้ตัว
กระแสน้ำเย็นที่ไหลไปทั่วเส้นเลือดในร่างกายเปลี่ยนทิศทางโดยไม่คาดคิด และพุ่งเข้าสู่จุดตันเถียนของนาง ไม่ยอมรวมเข้าในแก่นสัตว์มาร
ในใจของนางทั้งตื่นตระหนกระคนสงสัย แต่ภายใต้การควบคุมของปราณแท้อันทรงพลังของหานลี่ แก่นสัตว์มารกายนางไม่สามารถปฏิเสธสิ่งใดได้เลย ทำได้เพียงยอมรับการซึมซาบของพลังจิตวิญญาณอันเยือกเย็นแปลกประหลาดนี้เข้าไปเท่านั้น
ในช่วงเวลาสั้นๆ ลมปราณของร่างกายนางก็พุ่งทะยานขึ้น และในชั่วพริบตาก็พุ่งทะลุขีดจำกัดของนาง
“ปัง” หลังจากมีเสียงดังขึ้น แสงสีขาวพุ่งออกมาจากพื้นผิวกาย และหงส์น้ำแข็งก็จมดิ่งลงสู่น้ำที่ห่อหุ้มรอบกาย
ในเวลานี้ หานลี่ก็ยิ้มและยื่นฝ่ามือออกไป
แสงสีขาวที่เจิดจ้าไหลเวียนอยู่ครู่หนึ่ง และแสงก็บรรจบเข้าหากันในทันที ทันใดนั้นก็ปรากฏหญิงในชุดสีเงินขึ้นต่อหน้าต่อตา
โดยไม่คาดคิดหงส์น้ำแข็งได้กลายร่างเป็นมนุษย์อีกครั้ง
“ขอบคุณสหาย บุญคุณนี้ข้าจะไม่ลืม!” หญิงสาวในชุดสีเงินไม่สามารถปกปิดความตื่นเต้นบนใบหน้าของนางได้ นางหันซ้ายทีขวาทีมองดูร่างที่ฟื้นตัวกลับมาของตนเองแล้วจึงโค้งคำนับขอบคุณหานลี่
“ท่านเซียนไม่ต้องเกรงใจ! ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะท่านร่วมมือกับข้า ข้าน้อยคนเดียวคงไม่มีปัญญาจะข้ามมายังแดนวิญญาณได้ นอกจากนี้พลังปราณแท้ที่ข้าส่งผ่านไปเมื่อครู่นี้ แม้ว่าจะเป็นลักษณะเดียวกับร่างกายของสหาย แต่มันสามารถช่วยให้ท่านแปลงร่างได้ชั่วคราวเท่านั้น หากท่านเซียนต้องการคงสภาพการแปลงร่างได้เป็นเวลานาน ท่านจำเป็นต้องรีบปิดกั้นปราณพิษเสียก่อน มิเช่นนั้นเมื่อปราณแท้หมดไปก็จะยังกลับไปสู่สภาพเดิมอีก” หานลี่โบกมือและพูดเตือนออกมา
“แน่นอนอยู่แล้ว ด้วยความช่วยเหลือจากพลังปราณแท้ของสหาย ข้าน้อยจึงสามารถกลับคือสู่สภาพการเปลี่ยนแปลงของเทพเซียนได้ จะว่าไปแล้วก็ท่านก็ช่วยให้ข้าประหยัดเวลาไปมาก ดูเหมือนว่าสหายหานในตอนนี้ พลังยุทธ์ล้ำลึกเกินจะคาดเดาได้ เข้าบรรลุสู่ขั้นระดับผสานอินทรีย์อย่างแท้จริง! ดูเหมือนว่าต่อไปข้าน้อยคงต้องเรียกท่านว่าท่านอาวุโสหานเสียแล้ว!” หญิงสาวในชุดสีเงินถอนหายใจออกมา เมื่อมองไปยังหานลี่ ดวงตาของนางก็ดูแปลกไปเล็กน้อยและพูดออกมา
“ผู้แซ่หานสามารถบรรลุถึงขั้นนี้แล้ว แต่เป็นเพียงความบังเอิญเท่านั้น ด้วยร่างของหงส์น้ำแข็งของท่านเซียน ปัญหาของการจะบรรลุระดับผสานอินทรีย์คงเป็นแค่เรื่องของความช้าเร็วเท่านั้น และคนที่ข้าเคยรู้จักจากแดนมนุษย์ในแดนวิญญาณนี้ ก็มีเพียงท่านเซียนผู้เดียวเท่านั้น ข้ากับท่านก็ยังคบค้าสมาคมกันเช่นเดิมดีแล้ว มิเช่นนั้นผู้แซ่หานคงจะอึดอัดใจไม่น้อย” หานลี่พูดขึ้นมาอย่างไม่เห็นด้วย
“ในเมื่อพี่หานคิดเช่นนี้ เช่นนั้นข้าน้อยก็ไม่เกรงใจแล้วนะ” เมื่อหญิงสาวในชุดสีเงินเห็นว่าคำพูดของหานลี่นั้นพูดออกมาจากใจจริง นางก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดแต่นางก็ไม่ได้ยืนกรานสิ่งใดมาก
“แต่ว่า หลังจากโดนแยกจากกันในวันนั้น สหายถูกคนจับตัวจนตกมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร” หานลี่อดไม่ได้ที่จะถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับอีกฝ่าย
“สถานการณ์ในตอนนี้ จะว่าไปแล้วสหายเองก็มีส่วนผิดเช่นกัน” เมื่อได้ยินคำพูดของหานลี่ คิ้วของหงส์น้ำแข็งก็ขยับขึ้น และรอยยิ้มเหยเกก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง
“หรือว่าจะเป็นเพราะคำสาปต้องห้ามที่ข้าหว่านไว้ในกายท่าน กำเริบขึ้นแล้ว” หานลี่รู้สึกประหลาดใจก่อนที่จะพูดขึ้นมาในฉับพลันทันที
“ถูกแล้ว คำสาปต้องห้ามของพี่หานลึกลับหาที่เปรียบไม่ได้จริงๆ ข้าต้องใช้เวลาเกือบร้อยปีกว่าจะค่อยๆ ขัดเกลามันได้ แต่ด้วยเหตุนี้พลังชีวิตจึงได้รับความเสียหายอย่างมาก และถูกรังแกโดยกลุ่มคนหนุ่มสาว แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะใช้เคล็ดวิชาลับในการหลบหนี แต่ระดับที่บรรลุถึงก็ลดลงไปแล้วหลายชั้น จนตกมาอยู่ในสนามปัจจุบันนี้ จะว่าไปแล้ว ท้ายที่สุดก็โดนตัวประหลาดเฒ่าผสานอินทรีย์ตนนั้นช่วยชีวิตไว้มากที่สุด มิเช่นนั้นชีวิตข้าก็คงไม่มีทางรักษาไว้ได้แล้ว แต่หลังจากที่แปลงร่างไม่ได้แล้ว ตัวประหลาดเฒ่าตัวนี้ก็ทำกับข้าเหมือนวิหควิญญาณ และเตรียมตัวทำให้ข้ากลายเป็นอสูรวิญญาณตลอดกาล ข้าย่อมไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เป็นผลให้ข้าถูกขังไว้ในกรงน้ำแข็งนี้” หงส์น้ำแข็งอธิบายออกมา
“โอ๊ะ ตัวตนของตัวประหลาดเฒ่าผสานอินทรีย์ตัวนี้เป็นแบบใดกัน ท่านรู้หรือไม่?” หานลี่พยักหน้าและถามด้วยความใจเต้น
“เรื่องนี้ข้าน้อยไม่รู้จริงๆ ตัวประหลาดเฒ่าตัวนี้เชี่ยวชาญเรื่องการแสดงกล มักจะเปลี่ยนที่อยู่อาศัยและใบหน้า ข้าไม่มีทางเห็นสีหน้าที่แท้จริงของเขาเลย ยืนยันได้เพียงว่าตัวประหลาดเฒ่าตัวนี้เป็นผู้ฝึกเพียรมารของเผ่ามนุษย์ ไม่ได้มาจากเผ่าปีศาจของข้า” หญิงสาวในชุดสีเงินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบอย่างระมัดระวัง
“ผู้ฝึกเพียรมาร? ผู้ฝึกเพียรมารระดับผสานอินทรีย์ที่รู้จักกันดีในเผ่ามนุษย์ของเรามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น น่าจะเป็นหนึ่งในนั้น!” หานลี่พยักหน้าและพูดอย่างครุ่นคิด
“แต่คนผู้นี้เป็นใคร เขาช่วยชีวิตข้าในวันนั้น แต่ต่อมาก็บังคับข้าให้เป็นอสูรวิญญาณของเขา สองสิ่งนี้ถือว่าหายกันแล้ว” เมื่อได้ยินหานลี่กล่าวถึงชายในลำแสงสีเลือดขึ้นมา หงส์น้ำแข็งก็มิได้แสดงความรู้สึกเกลียดชังอะไรออกมา แต่กลับพูดออกมาอย่างสบายๆ
ไม่รู้ว่าหญิงผู้นี้คิดเช่นนี้จริงๆ หรือรู้ว่าตนเองไม่สามารถล้างแค้นต่อผู้บำเพ็ญเพียรผสานอินทรีย์ด้วยชีวิตเดียวได้ จึงจำใจต้องพูดเช่นนี้
หานลี่ยิ้มเล็กน้อยและแทนที่จะพูดถึงคำพูดของอีกฝ่าย เขากลับเปลี่ยนหัวข้อสนทนาถามกลับไปว่า “ตอนนี้ท่านเซียนได้รับอิสรภาพกลับมาแล้ว ไม่ทราบว่าท่านวางแผนอย่างไรต่อไป? ท่านวางแผนจะกลับไปที่เผ่าปีศาจหรือไม่? เผ่าหงส์ทมิฬอื่นๆ ในเผ่าปีศาจก็ยังเป็น วิหคสวรรค์ประเภทหงส์ที่สืบทอดสายเลือดลมสวรรค์ที่แท้จริง ท่านเซียนหงส์ก็มีสายเลือดของลมสวรรค์ ถ้าหากไปขอพึ่งพาแล้วละก็คงจะได้รับการดูแลอยู่บ้าง”
“เผ่าหงส์ทมิฬหรือ? หึ คนพาลที่มาเยี่ยมบ้านในวันนั้น คนที่ทำร้ายข้าจนร่วงลงไปในระดับที่บรรลุถึง เขาเป็นทายาทสายตรงของเผ่าหงส์ทมิฬ หากข้าไปในสภาพเช่นนี้ ก็ไม่ต่างจากโยนเนื้อเข้าปากเสือ” แค่ได้ยินเผ่าหงส์ทมิฬไม่กี่คำ ใบหน้าของหญิงในชุดสีเงินก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เมื่อทนสงบจิตสงบใจต่อไปไม่ได้อีกแล้วนางก็กัดฟันแน่นขึ้นมา
หานลี่ย่อมรู้สึกประหลาดใจมาก แต่หลังจากเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ถามต่อไปว่า “คนของเผ่าหงส์ทมิฬทำร้ายสหายหรือ? เรื่องนี้ค่อนข้างลำบากแล้ว เช่นนั้นความหมายของท่านเซียนคือ…”
“ข้าต้องการฟื้นฟูพลังยุทธ์กลับมาก่อน อยู่ข้างกายสหายชั่วคราว พี่หานคิดเช่นไร? แม้ว่ามนุษย์และปีศาจแตกต่างกัน แต่ด้วยฐานะของสหายหาน น่าจะพอมีที่พักเพียงพอให้ข้าน้อยอยู่บ้าง เพียงของข้าตอนนี้ต่ำเกินไป และยังเป็นร่างหงส์น้ำแข็งอีก หากข้าฝึกบำเพ็ญเพียรเพียงลำพัง กลัวว่ายิ่งหลบซ่อนไกลเท่าใด ภัยนั้นก็จะตามมาถึงที่เอง หากถึงเวลานั้นขึ้นมา ไม่แน่ว่ามันอาจจะแย่กว่าวันนี้เสียอีก!” สีหน้าของหญิงในชุดสีเงินดูขุ่นมัวและสดใสสลับกันอยู่พักหนึ่ง จึงพูดเช่นนั้นออกมาด้วยความลังเลใจเล็กน้อย