เมื่อได้ยินคำพูดของหยวนรัวหยู ฉินเฉิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ชื่อของตัวเองเหมือนกับฮั่นจิ่วเฉียนกับเถิงอาว?
“ที่นายพูดมันก็ถูก” ฉินเฉิงยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันคือฉินเฉิง”
“หึหึ งั้นฉันก็คือซูหยู่” หยานรัวหยูก็ถอนหายใจออกมา
ฉินเฉิงกลอกตาและพูดว่า “แล้วแต่จะเชื่อ”
เหตุผลที่หยานรัวหยูพูดถึงฉินเฉิง มันเป็นเพราะว่าทุกสำนักในโลกนี้ต่างก็รู้เรื่องการนัดประลองของฉินเฉิงกับซูหยู่
ในความคิดของพวกเค้า ฉินเฉิงเป็นก็แค่คนธรรมดาก็เท่านั้นที่กล้าท้าทายฉินเฉิง
สำหรับฮั่วจิ่วเฉียนกับเถิงอาวที่เป็นคนรุ่นเดียวกัน พวกเค้าเองต่างก็มีทรัพย์สินเหมือนกับตระกูลซู ดังนั้นพวกเค้าก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรเลย
ในตอนนี้เอง ลูกศิษย์คนหนึ่งจากสำนักหลิงตงก็เข้ามา
“ท่านเจ้าสำนัก เจ้าสำนักหวงมาแล้ว!”
สีหน้าของหยานรัวหยูก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดอย่าวอ่อนโยนว่า: “เค้ามาคนเดียวเหรอ?”
“ไม่…ไม่ครับ มีมากกว่าร้อยคน…”
หยวนรัวหยูพยักหน้าแล้วหยุดพูด
เธอหลับตาลงเล็กน้อยราวกับรอการตัดสินของโชคชะตา
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ!”
จากนั้นไม่นาน เจ้าสำนักหวงก็เดินเข้ามาพร้อมกับเสียงหัวเราะ
“ที่รัก ไม่ได้เจอเธอทั้งคืนเลยนะ ฉันคิดถึงเธอแทบแย่!” ทันทีที่เจอเจ้าสำนักหวง เค้าก็ยื่นมือออกมาจับตัวหยวนรัวหยู
“โอ้ นี่ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเหรอ?” เจ้าสำนักหวงก็พูดพร้อมกับหรี่ตา “ถ้าอย่างนั้นก็อย่าเสียเวลาเลย รีบตามฉันมาเถอะ”
ผู้อาวุโสรีบคว้าตัวเจ้าสำนักหวงแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “เจ้าสำนักหวง เรื่องนี้เราช้าก่อนจะดีกว่าไหม? เรากำหนดวันกันก่อน หรือไม่ก็ไปเอาใบทะเบียนกันก่อนดีใหม่ … ”
เจ้าสำนักหวงผลักผู้อาวุโสออก เค้าพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “แกคิดว่าแกเป็นใครกัน นี่มันใช่เรื่องที่แกจะต้องมาพูดไหม!”
เมื่อผู้อาวุโสเห็นแบบนี้ เค้าก็กัดฟันแล้วลุกยืนขึ้น เค้าตะโกนออกมาอย่างสิ้นหวังว่า: “ไอ่สกุลหวง ถ้าแกกล้าแตะต้องเจ้าสำนักของเรา ฉันจะสู้กับแก!”
“เจ้าสำนักอะไรของพวกแกกัน?” เจ้าสำนักหวงก็ตะโกนออกมาอย่างเย็นชา “ฉันกับเจ้าสำนักของพวกแกเป็นคู่ที่สวรรค์สร้าง! เข้าใจไหม? ถ้าแกยังกล้าพูดมากอีก ฉันจะตัดลิ้นของแกซะ!”
“พัฟ!”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินเฉิงที่อยู่ข้างๆก็อดไม่ได้
“หัวเราะอะไร?!” เจ้าสำนักหวงมองไปที่ฉินเฉิงแล้วอย่างเย็นชาอย่างเย็นชา
ฉินเฉิงยิ้มแล้วพูดว่า: “ไม่มีอะไร ฉันก็แค่คิดว่านายหน้าไม่อาย”
“ไอ่** แกพูดอะไรของแก? อยากจะรนหาที่ตายหรือไง!” เจ้าสำนักหวงก็โกรธจัดในทันที
ฉินเฉิงยิ้มแล้วพูดว่า: “หยานรัวหยูจะบอกว่าเธอสวยระดับประเทศก็พอได้ แต่พอมองดูนายแล้ว ฉันเองก็สงสัยว่าตอนนายเกิดมา หน้านายโดย***แม่ของนายหนีบเหรอ”
“แกรนหาที่ตายเองนะ!” เจ้าสำนักหวงก็วิ่งกระโจนเข้ามา เค้ากำหมัดแล้วชกเข้าไปที่ฉินเฉิง
ฉินเฉิงหันเล็กน้อยแล้วหลบ
“ทำไม โกรธเหรอ?” ฉินเฉิงค่อยๆลุกขึ้นยืน “แกจะบังคับขู่เข็นผู้หญิงอย่างงั้นเหรอ?”
“ไอ่***!” เจ้าสำนักหวงก็สาปแช่ง
เค้ามองไปที่หยานรัวหยูแล้วพูดว่า “ที่รัก ไอ่นี่มันเป็นใครกัน? ทำไมมันถึงปากมากขนาดนี้?”
หยานรัวหยูขมวดคิ้ว เธอไม่รู้จะพูดยังเกี่ยวกับตัวตนของฉินเฉิง
“เอ่อ เพื่อ…เพื่อนคนหนึ่ง” หยานรัวหยูก็พูดขึ้นมา
เจ้าสำนักหวงหรี่ตาของเค้าแล้วมองไปที่ฉินเฉิงและพูดว่า: “ไอ่อ่อนต่อโลก? ฉันก็คิดว่าแกเป็นใครกัน? ที่แท้ก็ไอ่อ่อนต่อโลก!”
“ไม่ เค้าเป็นแค่เพื่อนของฉันจริงๆ” หยานรัวหยูก็รีบอธิบายขึ้นมา
เจ้าสำนักหวงก็ถอนหายใจออกมาอย่างเย็นชา: “ไม่ว่ามันจะเป็นใคร การไม่เคารพฉันมันก็เป็นเรื่องที่รับไม่ได้! ฉันจะฆ่ามันก่อนแล้วค่อยว่ากันก็แล้วกัน!”
หลังจากเจ้าสำนักหวงพูดออกมาอย่างเย่อหยิ่งแล้ว เค้าก็พุ่งตรงไปที่ฉินเฉิงพร้อมกับเสียง “วาบ”
หมัดอันแข็งแกร่งของเค้ามันก็กระแทกเข้าไปที่หัวของฉินเฉิง
“มันเป็นไปอย่างที่คิดเอาไว้เลย จอมยุทธ์วขั้นที่สอง” ฉินเฉิงหรี่ตาลง เค้าไม่ตื่นตระหนกอะไรเลย เค้ายกหมัดขึ้นเพื่อทักทาย
ด้วยเสียง “ตุบ” ที่ดังขึ้นมา หมัดของทั้งสองก็ปะทะกันในอากาศ!
ร่างของเจ้าสำนักหวงก็ถอยหลังออกไปสองสามก้าว จากนั้นเค้าก็รู้สึกชาขึ้นมาที่แขน!
ตอนนี้ฉินเฉิงกำลังจัดการอยู่กับจอมยุทธ์ธรรมดาเท่านั้น เว้นแต่เค้าจะอยู่ระดับที่เหนือกว่าอย่างซูหยู่หรือฮั่นจิ่วเถียนที่เป็นอัจฉริยะด้านการต่อสู้
ดังนั้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเจ้าสำนักหวง ฉินเฉิงก็เลยไม่ตื่นตระหนกอะไรเลย
“แกเป็นใครกัน?” เจ้าสำนักหวงก็สลัดแขนขึ้นมา ร่องรอยแห่งความกลัวมันก็แวบขึ้นมาให้หัวเค้า
ฉินเฉิงไม่ได้ตอบคำถามนี้ แต่เค้าพูดเบาๆว่า: “ไสหัวไปซะตอนนี้แล้วฉันจะไว้ชีวิตแก”
เจ้าสำนักหวงก็หัวเราะแล้วพูดว่า: “จองหอง! จะไว้ชีวิตฉันอย่างงั้นเหรอ? แกมีความสามารถมากพออย่างงั้นเหรอ!”
หลังจากพูดจบ กระดูกของเจ้าสำนักหวงก็เกิดเสียง “ป๊อก” ขึ้นมา จากนั้นก็มองเห็นราวกับว่ากระดูกของเค้ามันกำลังเปลี่ยนรูป มันเป็นท่าทางที่แปลกมาก
ฉินเฉิงมองไปที่เค้าแล้วพูดว่า: “น่าเกลียด กระบวนท่านี้น่าเกลียดมาก”
สีหน้าของหยานรัวหยูก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เธอพูดขึ้นมาด้วยความตกใจว่า: “นี่เป็นทักษะเฉพาะของสำนักอูยา ระวังนะ!”
เจ้าสำนักหวงยิ้มแล้วพูดว่า: “ที่แท้ก็เป็นคนที่เธอเอามาช่วยตัวเองนี่เอง หยานรัวหยู เธอคิดจะฆ่าสามีของเธออย่างงั้นเหรอ?”
สีหน้าของหยานรัวหยูก็ดูไม่ได้เลย เธอต้องการอธิบาย แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร
“รอฉันฆ่าไอ่***นี่ก่อน ฉันจะให้บทเรียนกับเธอเอง!” แววตาของเจ้าสำนักหวงฉายแววแห่งตัณหาออกมา จากนั้นร่างของเค้าก็หายในอากาศพร้อมกับเสียง “วาบ”!
“นี่มันเร็วมาก” ฉินเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ความเร็วของเจ้าสำนักหวงนี่มันไม่ธรรมดาเลย เค้าหายไปในอากาศ
“ยอมรับความตายซะ!”
ในตอนนี้เอง มีดกริซในมือของเจ้าสำนักหวงก็พุ่งเข้าไปที่หัวของฉินเฉิงพร้อมกับเสียง “หวด”!
“อ๊ะ!” หยานรัวหยูกับคนอื่นๆต่างก็กรีดร้อง มีดนี้มันพุ่งเข้าไปที่ตรงกลาง มันกำลังจะเจาะเข้าไปที่หัวของฉินเฉิง!
แต่มันก็มีบางอย่างที่น่าตกใจเกิดขึ้น มีดกริชนี้มันทะลุผ่านร่างของฉินเฉิงไป!
“เอ๊ะ?” ทุกคนผงะ จากนั้นหยานรัวหยูก็พูดขึ้นมาว่า: “นี่มันเป็นภาพลวงตาของเค้า!”
เจ้าสำนักหวงตกตะลึง เค้ารีบขยับร่างของเค้า แต่หมัดของฉินเฉิงก็ตรงเข้ามาที่ด้านหลังของเค้าแล้ว
แสงสีทองที่ริบหรี่ เจ้าสำนักหวงไม่สามารถหลบหลีกได้เลย เค้าทำได้เพียงแค่รีบสกัดกั้นเท่านั้น!
“ปัง” เสียงที่ดังขึ้นมา! กระดูกของเจ้าสำนักหวงก็แตกออกในทันที ร่างของเค้าลอยกระเด็นออกไปราวกับว่าวที่สายขาด!
ฉินเฉิงไล่ตามไปไม่หยุด แสงสีทองที่ส่องประกาย หมัดอันแข็งแกร่งของเค้าก็ฟาดขึ้นไปในอากาศ มันทิ้งภาพส่วนโค้งที่สวยงาม!
“ตูม!”
หมัดนี้มันเกือบจะทำลายร่างกายของเจ้าสำนักหวง หน้าอกทั้งหมดของเค้าทรุดลง ร่างของเค้าลอยกระเด็นออกไปจากประตูของสำนักหลิงตง!
“เอ๊ะ? นั่นอะไร? นกบ้าอะไรตัวใหญ่ขนาดนี้?” ศิษย์ของสำนักอูยาที่อยู่ที่ประตูก็บ่นขึ้นมา
“ไม่…มันไม่ใช่แล้ว มันดูเหมือนว่าจะเป็นเจ้าสำนัก…”
“พระเจ้า ท่านเจ้าสำนักกำลังโชว์กายกรรมอย่างงั้นเหรอ?”
ในตอนนี้เอง แสงสีทองอีกอันก็ส่องประกายไปทั่ว!
มันเห็นแค่เท้ากระทืบลงไปที่หลังของเจ้าสำนักหวงอย่างแรง!
“ตูม!”
เจ้าสำนักหวงถูกเหยียบลงไปที่พื้นด้วยเท้านี้ รอยหลุมรูปคนขนาดใหญ่มันก็ปรากฎขึ้นมาที่พื้น!