หยูเหม่ยเหรินที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็เงียบ
หลังจากนั้นไม่นาน หยูเหม่ยเหรินก็ค่อยๆพูดขึ้นมาว่า
“นายกำลังบังคับให้ฉันยืนอยู่ตรงข้ามกับตระกูลซูนะ” เสียงของหยูเหม่ยเหรินก็ไม่ได้ขี้เล่นอีกต่อไป เธอพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง
“เธอก็แอบช่วยเหลือฉันทำร้ายตระกูลซูอยู่แล้วหนิ” ฉินเฉิงก็พูดขึ้นมา
หยูเหม่ยเหรินก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆแล้วพูดว่า: “นายอาจจะมองว่าฉันธรรมดาเกินไปสินะ ถ้าฉันโง่ขนาดนี้ ฉันคงไปไม่มีวันนี้ ไม่ว่านายหรือตระกูลซู ใครก็ตามที่สามารถรักษาชีวิตฉันไว้ได้ ฉันจะเลือกคนนั้น”
เมื่อพูดออกมาแบบนี้แล้ว หยูเหม่ยเหรินก็พูดต่อว่า: “ยิ่งไปกว่านั้น นายกับตระกูลซูไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย”
ฉินเฉิงยิ้มแล้วพูดว่า: “เธอพูดถูก แต่เธอก็แค่คิดซะว่าเรื่องนี้มันคือการลงทุน บางทีสักวันหนึ่งถ้าฉันไปได้ไกล เธออาจจะไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตแบบนี้อีกแล้ว”
“การลงทุน?” หยูเหม่ยเหรินยิ้มอย่างมีความสุขมากขึ้น “ในชีวิตนี้ฉันลงทุนมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วฉันก็ไม่เคยพลาดเลย การลงทุนกับนายมันก็คือการลงทุนที่เสี่ยงอันตราย”
“ยิ่งเสี่ยงมาก ผลตอบแทนก็ยิ่งสูง” ฉินเฉิงก็หัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชา
หยูเหม่ยเหรินก็พูดต่อว่า: “กับการลงทุนของฉัน ฉันล้มเหลวได้ แต่ฉันจะไม่ทำให้มันเสียงระบบ นายน่าจะเข้าใจในสิ่งที่ฉันหมายถึง”
ฉินเฉิงเงียบไปซักพักแล้วพยักหน้า: “เอาหละ สิ้นเดือนนี้ ฉันจะเอายาไปให้เธอ”
หลังจากพูดจบ ฉินเฉิงก็กดวางสายไปในทันที
สิ่งที่หยูเหม่ยเหรินพูดนั้น มันไม่สมเหตุสมผล ฉินเฉิงไม่ใช่ว่าจะทำอะไรไม่ได้เลย ในอนาคตก็ไม่รู้ว่าใครจะรอดใครจะจบ
ต่างจากตระกูลซู พวกเค้ายืนอยู่สูงมากพอที่จะไม่ต้องแบบรับความเสี่ยง
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าฉินเฉิงแพ้ ตระกูลซูจะต้องถูกชำระบัญชี
กล่าวอีกนัยหนึ่ง แม้ว่าฉินเฉิงจะเอาชนะซูหยู่ได้จริง แต่เค้าก็ยังจะต้องแข่งขันกับตระกูลซูไปอีกนาน?
คำตอบคือไม่ แม้ว่าฉินเฉิงจะชนะ เค้าจะชนะแค่ซูหยู่ แต่ไม่ใช่ตระกูลซู
แต่ฉินเฉิงก็ไม่ได้กังวลเลย เพราะเค้ามั่นใจว่าหยูเหม่ยเหรินจะต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน!
ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ธรรมดาๆ บนความเรียบง่าย เธอมีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่มากจนฉินเฉิงยังสามารถบอกได้ในทันทีว่าความต้องการของเธอมันมีมากเกินไป
แม้ว่าฉินเฉิงจะไม่คิดอะไรมากในตอนนี้ แต่ในอนาคตเมื่อเค้าประสบความสำเร็จ ผลประโยชน์ที่จะได้รับนั้น มันก็เกินความคาดหมายเป็นอย่างมาก
หยู่เหม่ยเหรินรู้สึกไม่อยากอยู่นิ่งๆแบบนี้
ในตอนนี้เอง จู่ๆโทรศัพท์มือถือของฉินเฉิงก็ดังขึ้นมา
เค้าเห็นข้อความจากหยูเหม่ยเหริน: นี่เป็นความเสี่ยงที่สุดเท่าที่ฉันร่วมลงทุนมา ฉันหวังว่านายจะไม่ทำให้ฉันผิดหวังนะ
เมื่อเห็นข้อความนี้ ฉินเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
เค้าตอบกลับหยูเหม่ยเหรินว่า: “ฉันจะต้องประสบความสำเร็จเท่านั้น ฉันไม่เคยล้มเหลว”
“ฮู้วววว”
ด้วยความช่วยเหลือของหยูเหม่ยเหริน มันก็จะง่ายมากขึ้น
ด้านสว่างของตระกูลซู สำหรับหยูเหม่ยเหรินแล้วเธอก็หามันได้อย่างง่ายดาย แต่ด้านมืด บางทีมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับเธอ
แต่พื้นผิวนี่ มันก็มากพอแล้ว
หลังจากเก็บโทรศัพท์มือถือแล้วฉินเฉิงก็จองตั๋วออนไลน์และพร้อมที่จะออกเดินทางสู่เมืองจิงตู
หลังจากเตรียมการสำหรับฉูเสี่ยวจิงเรียบร้อยแล้ว ฉินเฉิงก็เดินออกไปจากเมืองปีนัง
นี่เป็นครั้งแรกที่เค้าเข้ามาในเมืองหลวง
เนื่องจากนี่เป็นสถานที่ๆได้รับการพัฒนามากที่สุด เมืองจิงตูก็เลยดึงดูดคนหนุ่มสาวมาจำนวนนับไม่ถ้วนเลย
เมื่อฉินเฉิงมาถึงที่นี่ครั้งแล้ว ในความรู้สึกของเค้า เค้าก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้เลย
“เพื่อนฉิน!”
ในตอนนี้เอง รถยนต์คันหนึ่งก็เข้ามาจอดตรงหน้าฉินเฉิง
ทันทีที่ประตูรถเปิดออก เค้าก็คือคนของตระกูลชู ชูชีเชิง
ชูชีเชิงมารับฉินเฉิงด้วยตัวเอง นี่มันก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าตระกูลชูมีความผูกพันกับเค้ามากแค่ไหนกัน
“คุณชู” ฉินเฉิงก้มลงแล้วทักทายเค้า
“ขึ้นรถเถอะครับ” ชูชีเชิงก็ยิ้มแล้วพูด
คนขับรีบเปิดประตูให้ฉินเฉิง จากนั้นเค้าก็ขับรถตรงไปที่บ้านตระกูลชู
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินเฉิงเข้ามาสู่เมืองจิงตู เค้าคิดไม่ถึงเลยว่าตระกูลชูจะมาช่วยตัวเอง แต่เค้าหวังเพียงแค่ว่าตระกูลชูกับตระกูลซูจะยืนอยู่ด้านตรงข้ามกัน
“ฉินเฉิง ผมรอคุณมานานแล้ว!” ชูซีเชิงก็พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
ฉินเฉิงยิ้มขึ้นมาอย่างขมขื่น: “มีธุระเยอะนิดหน่อยหนะ ก็เลยช้าไปหน่อย”
ชูชีเชิงก็หัวเราะและพูดว่า: “โชคดีที่ไม่ใช่เรื่องฉุกเฉินอะไร ไม่อย่างงั้น เกรงว่าผมคงจะรอคุณไม่ได้!”
ฉินเฉิงรู้สึกกระอักกระอ่วมเล็กน้อย แต่เค้าก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง เค้าทำได้เพียงแค่เงียบไป
เนื่องจากการมีอยู่ของตระกูลชูที่สามารถแข่งขันกับตระกูลซู ตระกูลของพวกเค้าก็เลยใหญ่โตเป็นอย่างมาก
ทรัพย์สมบัติของพวกเค้าก็เลยมีจำนวนมากเป็นเรื่องธรรมดา
การที่ฉินเฉิงมาที่บ้านของชูชีเชิง คนที่ต้องการการรักษาก็คือชูกวงยุน พ่อของชูชีเชิง
ความสัมพันธ์ของตระกูลชูนั้นซับซ้อนมาก อย่างเช่น แม้ว่าอิทธิพลของชูกวงยุนจะไม่เล็กน้อยเลย แต่พวกเค้าก็ไม่ใช่สายตรง พวกเค้าเป็นสายรองก็เท่านั้น ชูกวงยุนเป็นลูกของภรรยาคนที่สองของพ่อเค้า ส่วนตอนนี้หัวหน้าตระกูลชูก็คือลูกชายคนโต
ถ้าไม่ใช่เพราะชูชีเชิงที่มีมิตรภาพที่มั่นคง ตระกูลชูคงจะไม่มีสถานะที่สูงส่งมากขนาดนี้
ที่พักของชูชีเชิงนั้นตั้งอยู่สวนที่ไม่ใหญ่อะไรมาก แขกที่เข้ามาที่นี่ก็มีจำนวนไม่น้อยเลย ญาณแห่งการหยั่งรู้ของฉินเฉิงก็เปิดออก เค้าสามารถสัมผัสได้ถึงจอมยุทธ์ระดับสูงหลายคน
“คุณชู ผมมีข้อสงสัย” ฉินเฉิงก็ถามขึ้นมาในทันที
“พูดเลยครับ” ชูชีเชิงก็พยักหน้า
“ว่ากันว่าตระกูลชูให้ความสำคัญกับศิลปะการต่อสู้เป็นอย่างมาก แต่คุณดูเหมือนว่าเป็นคนธรรมดาทั่วไปนะ” ฉินเฉิงขมวดคิ้วขึ้นมา “รวมถึงพ่อของคุณด้วย เค้าเองก็ไม่ใช่นักศิลปะการต่อสู้ที่มีฝีมือ ไม่อย่างงั้นก็คงไม่ต้องให้ฉันมาตรวจอาการของเค้า”
ชูชีเชิงยิ้มแล้วพูดว่า: “คุณนี่ช่างสังเกตจริงๆเลย”
“ถ้าไม่สะดวกที่จะพูด คุณชูก็ทำเหมือนกับว่าผมไม่ได้ถามอะไรก็ได้” ฉินเฉิงก็พูดเพิ่มเติมขึ้นมา
ชูชีเชิงส่ายหัว เค้าจุดซิการ์แล้วพูดขึ้นมาว่า
“ในตอนต้นของการก่อตั้งตระกูลชู คุณนายใหญ่ก็มีอำนาจ ส่วนย่าของผมก็เป็นแค่คุณนายรองเท่านั้น” ชูชีเชิงก็พูดต่อว่า “ตอนนั้นมันต่างจากตอนนี้ ในตอนนั้น สิ่งที่ตรงไปตรงมาและน่าเชื่อถือที่สุดคือกำลัง ดังนั้นคุณย่าใหญ่ของผมที่เป็นคุณนายใหญ่ของตระกูลชูก็สั่งไว้ว่า”
“สมาชิกหลักของตระกูลชูจะไม่ได้รับอนุญาตให้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้แล้วก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้รวบรวมกองกำลัง” ชูชีเชิงก็พูดขึ้นมา ดังนั้นทุกวันนี้พวกเค้าทำได้เพียงแค่ธุรกิจเท่านั้น
ฉินเฉิงอดไม่ได้ที่จะลูบไปที่คอของตัวเอง ตระกูลใหญ่แบบนี้มันเหนื่อยมากจริงๆ มันราวกับเป็นละครการต่อสู้ในวัง
“ตอนนี้สมาชิกในครอบครัวของตระกูลชูก็ได้เพิ่มขึ้นมาแล้วหลายสิบคน คุณย่าของผมก็ได้ให้กำเนิดลูกหกคน เด็กทั้งหกคนต่างก็เป็นผู้ชาย” ชูชีเชิงก็พูดว่า “ทั้งหกคนนี้อายุเท่ากันกับพ่อของผม ในทำนองเดียวกัน พวกเค้าก็ได้ให้กำเนิดลูกหลานหลายสิบคน มันก็ไม่จำเป็นต้องมีการควบคุมกำลังอะไรอีกต่อไป”
“พูดอีกอย่างก็คือ พวกเราจะไม่มีวันได้นั่งตำแหน่งหัวหน้าตระกูลชู” ชูชีเชิงก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ ความสัมพันธ์ของตระกูลซูมันไม่ซับซ้อนอะไรเท่านี้เลย”
ฉินเฉิงพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อแสดงความเข้าใจ
“เราเข้าไปหาพ่อนายก่อนก็แล้วกัน” ฉินเฉิงลุกขึ้นแล้วพูด
“ครับ” ชูชีเชิงก็หัวเราะขึ้นมาแล้วชี้ไปที่โกดังแล้วพูดว่า: “มีตัวยาที่ผมได้เก็บสะสมมาหลายปี ถ้าคุณต้องการใช้มัน ก็ไม่เอามันมาได้เลยครับ”
ฉินเฉิงพยักหน้า ถ้าเค้าต้องการปรุงยาให้กับชายชรา เค้าก็ต้องการตัวยาเหมือนกัน
“ลุงสอง พ่อของผมขอให้ผมมาดูคุณปู่สาม” ในตอนนี้เอง ที่ด้านนอกก็มีสองคนที่เดินเข้ามา
ฉินเฉิงกับชูชีเชิงก็หันกลับมา พวกเค้าแทบจะมองไปพร้อมๆกัน
ที่ประตูมีชายหนุ่มแปลกหน้าคนหนึ่ง ชายคนนี้ค่อนข้างดูดี
แต่คนที่ติดตามเค้ามากลับทำให้ฉินเฉิงขมวดคิ้วขึ้นมา
“นายเองเหรอ?” เค้ามองไปที่ฉินเฉิง แววตาของเค้าเป็นประกายขึ้นมาหลายครั้ง
คนๆนี้เค้าคือจอมยุทธ์ที่ฟางจิ้งเหยาขอให้มาช่วยฉินเฉิง เค้าก็คือเฉียวไท่กู