แม่ทัพโจวยิ้มออกมาเบาบางและพูดว่า “ดีมาก เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ตะลึงงัน เธออดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นจ้องมองไปที่เขา
แม่ทัพโจวยืนขึ้นอย่างช้าๆ เขาเดินไปตรงหน้าเธอ ก่อนจะยิ้มขณะที่พูดว่า “ตอนแรก ที่องค์จักรพรรดิและข้าได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้ายืนยันจะให้เจ้าเข้ากองทัพแม้ว่าองค์จักรพรรดิจะทรงคัดค้านก็ตาม เจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงเลือกเช่นนั้น?”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ส่ายหัวด้วยความสับสน
แม่ทัพโจวกล่าวต่อไปว่า “นั่นเป็นเพราะค่ายทหารเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการใช้กระตุ้นนิสัยที่แท้จริงของเจ้าออกมา หากเจ้าอยากจะเป็นทหาร ทุกอย่างก็ต้องเริ่มที่ค่ายทหาร เมื่อเจ้าได้สัมผัสทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเอง เมื่อได้เห็นการนองเลือดที่แท้จริงและทหารที่ถูกฆ่าตายไปต่อหน้าต่อตา ในอนาคตเจ้าจะรู้เส้นทางของตนเอง รู้ว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่ ดังนั้นการลาออกของเจ้า ข้าจะยอมรับมัน ในอนาคต หากเจ้ากลับมายังค่ายทหาร เจ้าจะได้รับเงินเดือนเทียบเท่าผู้บัญชาการกองพัน และในเวลานั้น ข้าเชื่อว่าเจ้าจะไม่พูดคำว่า ‘ขอลาออก’ อีก”
หลังจากกล่าวจบ แม่ทัพโจวก็กลับไปที่เก้าอี้ของผู้บัญชาการสูงสุดของตน เขานั่งลงพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ คำตัดสินของเจ้ามาถึงแล้ว”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์คุกเข่าลงข้างเดียว ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ข้าน้อยอยู่ที่นี่”
แม่ทัพโจวกล่าวต่อ “อนุญาตให้ซ่างกวนปิงเอ๋อร์พ้นจากตำแหน่งผู้บัญชาการกองพันที่ 3 กรมทหารราบที่ 5 ตำแหน่งผู้บัญชาการกองพันจะถูกครอบครองต่อโดยเซียวเซ่อ พรุ่งนี้เช้า ซ่างกวนปิงเอ๋อร์จะกลับไปที่เมืองหลวงและจะไปรายงานตัวที่หน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์”
เมื่อเธอได้ยินคำว่า ‘หน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์’ ร่างของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็สั่นสะท้านเล็กน้อย เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองแม่ทัพโจวอีกครั้ง ดวงตาที่งดงามของเธอแสดงให้เห็นถึงความสุขสม แม่ทัพโจวกล่าวพร้อมกับความนัยลึกซึ้งที่ซ่อนอยู่ในดวงตาของเขา “หน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์เป็นสถานที่ที่จะทำให้เจ้ารู้จักตนเองมากยิ่งขึ้น แต่คราวนี้เจ้าจะไม่มีคนคอยหนุนหลังอีกต่อไป เจ้าเข้าใจใช่หรือไม่?”
ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้น หรืออาจพูดได้ว่ากระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่ง ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กล่าวว่า “ข้าเข้าใจ ขอขอบคุณท่านแม่ทัพที่ให้โอกาสนี้กับข้า ไม่ว่าข้าจะต้องฝึกหนักแค่ไหน ข้าก็จะทำอย่างสุดความสามารถเพื่อข้ากลายเป็นสมาชิกที่แท้จริงของหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ให้ได้”
แม่ทัพโจวพยักหน้าและพูดว่า “ดีมาก กลับไปเก็บข้าวของของเจ้า พรุ่งนี้เช้าเจ้าสามารถออกเดินทางได้”
“น้อมรับคำสั่ง” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ลุกขึ้นยืน มองไปยังโจวเหว่ยชิงที่กำลังคุกเข่าลงด้านข้างท่านแม่ทัพด้วยท่าทียอมจำนน ก่อนจะเดินออกจากกระโจมไป
ทันทีที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ออกจากกระโจมไป ใบหน้าของแม่ทัพโจวก็เปลี่ยนเป็นสีดำทะมึน เผลอๆ อาจจะดำกว่าก้นหม้อด้วยซ้ำ เขามองไปที่เกาเฉินและเฉียนจ้านเทียนที่ยืนอยู่ด้านข้าง จากนั้นก็กล่าวว่า “เจ้าทั้งคู่ออกไปได้แล้ว หากไม่ได้รับอนุญาตจากข้า ห้ามใครเข้ามาขัดจังหวะ”
เจ้าหน้าที่ 2 คนเป็นนายทหารระดับสูงสุดในกองทัพอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ แต่พวกเขาก็ไม่ลังเลเลยที่จะน้อมรับคำสั่งของแม่ทัพโจว ทั้งคู่คำนับแสดงความเคารพเขาก่อนจะมุ่งหน้าออกไปทันที ในขณะนี้จึงมีเพียง 3 คนที่เหลืออยู่ในกระโจม แม่ทัพโจว โจวเหว่ยชิงและเซียวหรูเซ่อ
“เจ้าเด็กเหลือขอ มานี่เดี๋ยวนี้!” แม่ทัพโจวตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด
“อา” โจวเหว่ยชิงลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปพร้อมกับใบหน้าเศร้าหมอง ในขณะที่เดินผ่านเซียวหรูเซ่อ เขาก็ตวัดสายตาจ้องเธอทันที
เซียวหรูเซ่อยักไหล่ใส่เขาด้วยสีหน้าหมดหนทาง เหว่ยน้อย ในกองทัพ หากรู้ข้อมูลแต่ไม่รายงานถือว่าเป็นเรื่องใหญ่และร้ายแรงมาก ถ้าลุงโจวไม่มา ข้าก็ยังสามารถปกปิดมันไว้ได้ แต่เพราะตอนนี้เขามาด้วยตัวเอง ถ้าข้าไม่บอกความจริงกับเขา หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้าในอนาคต ข้าจะสู้หน้าแม่ทัพโจวได้อย่างไร?
เท้าของพลเอกโจวพุ่งทะยานเข้าหาโจวเหว่ยชิงโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า *ปั่ก* ร่างของโจวเหว่ยชิงถูกกระแทกจนเซถลากลับไปข้างหลัง 5 เมตร เขากลิ้งตัวหลายตลบบนพื้นก่อนนอนจะไปแอ้งแม้งอยู่ตรงนั้น
กรามขอเซียวหรูเซ่ออ้าค้างอย่างตกตะลึง แม้เธอจะรู้ว่าแม่ทัพโจวมักมีอารมณ์รุนแรง แต่เธอกลับไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะโหดเหี้ยมกับลูกชายตนเองขนาดนี้
“หืม?” ดวงตาของแม่ทัพโจวเผยความประหลาดใจออกมา เมื่อกี้ตอนที่เขาเตะโจวเหว่ยชิง จุดที่เท้าของชายหนุ่มเตะลงไปกลับรู้สึกได้ถึงความอ่อนนุ่มและความยืดหยุ่นที่ช่วยลดแรงกระแทกได้เกือบทั้งหมด
โจวเหว่ยชิงนอนบนพื้นและร้องไห้ออกมา เขาร้องโวยวายว่า “ท่านพ่อ ข้าผิดไปแล้ว! ยังไงซะ ข้าก็เป็นลูกชายคนเดียวของท่าน เห็นแก่ท่านแม่ ท่านตีข้าเบาๆ หน่อยจะได้ไหม!?”
แม่ทัพโจวกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้ายังจำแม่ของเจ้าได้อยู่เหรอ? นางเกือบจะโมโหตายเพราะเจ้า เลิกแสดงละครได้แล้ว ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้”
โจวเหว่ยชิงไม่กล้าแสดงละครต่อหน้าบิดาของเขาอีกต่อไป เด็กหนุ่มลุกพรวดพราดขึ้นมาทันทีจนทำให้หมวกลมบนศีรษะของเขาหล่นลงมา โจวเหว่ยชิงรีบฉวยโอกาสเงยหน้าขึ้นมองสีหน้าของบิดาอย่างรวดเร็ว ท่าทางของเขาราวกับว่าตนเองเป็นเพียงกระสอบทรายเก่าๆ ใบหนึ่ง เมื่อรวมกับใบหน้าที่ดูใสซื่อบริสุทธิ์และอารมณ์เศร้าโศกของเขา แม้แต่เซียวหรูเซ่อเองก็ยังอดรู้สึกสงสารไม่ได้เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวหรูเซ่อได้เห็นแม่ทัพโจวสั่งสอนโจวเหว่ยชิง และเธอก็คิดกับตัวเองว่า บิดากับบุตรชายคู่นี้แน่นอนว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมกันอย่างแท้จริง คนเป็นพ่อเตะลูกกระเด็นออกไปไกลถึง 5 เมตร แต่คนลูกกลับยังลุกขึ้นยืนหน้าตาเฉย
“ท่านพ่อ ให้โอกาสข้าอธิบายก่อน! ครั้งนี้มันไม่ใช่ความผิดของข้า!” ในขณะที่โจวเหว่ยชิงกล่าวเช่นนั้น เด็กหนุ่มก็ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้เซียวหรูเซ่อ หากบิดาพยายามจะตีเขาอีกครั้ง เขาจะวิ่งไปที่หลบข้างหลังเธอ!
แม่ทัพโจวมาปรากฏตัวต่อหน้าเขา “คุกเข่าลง อธิบายมา”
โจวเหว่ยชิงพูดด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ “ท่านพ่อ ต่อหน้าท่านพี่หรูเซ่อ ท่านช่วยรักษาหน้าข้าบ้างจะได้ไหม?”
แม่ทัพโจวกรอกตาและจ้องมองเขาอีกครั้ง “หน้า? เจ้ายังมีหน้าให้รักษาอีกหรือ? อยากให้บิดาของเจ้าฟาดหน้าเจ้าแทนหรือไม่? ฮึ่ม! บอกไว้ก่อน ไอ้เจ้าเด็กเหลือขอ! ตอนนี้ในกระเพาะของพ่อเจ้าอัดแน่นไปด้วยความโกรธ ถ้าตอนนี้เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอีก ข้าจะตีเจ้าจนแม่เจ้าจำเจ้าไม่ได้เลยทีเดียว!”
แน่นอนว่าโจวเหว่ยชิงเคยถูกทุบตีมานับครั้งไม่ถ้วน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะคุกเข่าลงพลางคิดกับตัวเองถ้าท่านตีข้าจนท่านแม่จำไม่ได้ นางย่อมต้องตีท่านคืนแน่!
“ท่านพ่อ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเช่นนี้ วันนั้นข้าไปที่ป่าดาราเพื่อเล่นน้ำคลายร้อน นั่นเป็นจุดเดิมที่ข้าไปอาบน้ำตามปกติ ใครจะรู้ว่าข้าจะเจอเจ้าหญิงที่ไปอาบน้ำที่นั่นเหมือนกัน! นั่นเป็นเรื่องบังเอิญชัดๆ! ตี้ฝูหยาคนนั้นหยิ่งผยองและดื้อรั้นเกินไป นางไม่ยอมฟังคำอธิบายของข้าเลยสักนิด ทั้งยังใช้มณีธาตุของนางโจมตีข้า รู้หรือไม่ว่าท่านเกือบสูญเสียลูกชายไปแล้วนะ!”
“ด้วยเหตุนั้น เจ้าจึงหนีไปเช่นนั้น?” แม่ทัพโจวกล่าวเสียงเยือกเย็น ในความเป็นจริง ตี้ฝูหยาได้บอกความจริงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นแล้ว เพราะเธอรู้ว่าเรื่องนี้ร้ายแรงมาก เธอจึงไม่กล้าปิดบังอะไรเลย เช่นนี้เขาย่อมรู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น หากไม่ใช่เพราะแท้จริงแล้วโจวเหว่ยชิงไม่ได้ทำอะไรผิด ฝ่าเท้าของเขาคงไม่ได้โผล่เข้าไปทักทายลูกชายแค่เพียงข้างเดียวแน่ ด้วยอารมณ์โกรธของแม่ทัพโจว เขาอาจจะทุบโจวเหว่ยชิงจนบวมฉึ่งกลายเป็น ‘อ้วนน้อยโจว’ ไปแล้วจริงๆ ก็ได้ ไม่สิ บางทีอาจจะต้องเรียกว่า ‘อ้วนใหญ่โจว’ ต่างหาก
โจวเหว่ยชิงพูดอย่างโศกเศร้า “ข้าจะไม่หนีไปแบบนั้นได้ยังไง? ใครจะรู้ว่าตี้ฝูหยาจะพูดอะไรบ้างเมื่อนางกลับไป ถ้านางโบ้ยความผิดมาให้ข้าล่ะ ด้วยอารมณ์ของท่าน ท่านจะไม่หักขาข้าหรือ? ดังนั้นเพื่อหลานชายในอนาคตของท่าน ข้าเลยตัดสินใจเอาชีวิตรอดไว้ก่อน เมื่อคิดได้ดังนั้นข้าเลยหนีออกมาและพยายามจะหาทางสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองก่อน ถึงเวลานั้น พอข้ากลับไปที่ตระกูล นั่นจะไม่ทำให้ท่านพ่อภาคภูมิใจหรอกหรือ? ข้าไปเห็นประกาศรับสมัครทหารใหม่พอดี ดังนั้นข้าจึงสมัครเข้าร่วมกองทัพ”
เมื่อมองดูผู้เป็นบิดา เขาก็คิดกับตัวเอง: ดูเหมือนท่านพี่หรูเซ่อจะไม่ได้บอกความจริงกับเขาทั้งหมด ท่านพ่อยังไม่รู้เกี่ยวกับมณีสวรรค์ของข้า ฮ่าๆ!
เพื่อได้ฟังคำอธิบายจากลูกชาย สีหน้าของแม่ทัพโจวก็คลี่คลายลงเล็กน้อย เขารู้จักตนเองดี หากตี้ฝูหยาโบ้ยความผิดให้โจวเหว่ยชิงและโกหกว่าเกิดอะไรขึ้น ชายหนุ่มคงไม่ยอมอภัยให้โจวเหว่ยชิงเป็นแน่
“งั้นบอกข้าหน่อยสิ ตั้งแต่เจ้าเข้าร่วมกองพันที่ 3 เจ้าใช้ชื่อปลอมว่าอะไร?” แม่ทัพโจวพูดอย่างเฉยเมย ก่อนที่โจวเหว่ยชิงจะอ้าปากพูดอะไร เซียวหรูเซ่อที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ตอบออกมาอย่างรวดเร็ว “ลุงโจว เหว่ยน้อยแสดงฝีมือการต่อสู้ของเขาออกมาได้ยอดเยี่ยมมาก เขาไม่เพียงแต่จะได้รับรางวัลทหารใหม่ที่โดดเด่นที่สุดในการแข่งขันระหว่างทหารใหม่และได้รับยศเป็นนายหมู่ แต่ยังได้รับการแต่งตั้งจากผู้บัญชาการกองพันให้เป็นผู้ช่วยส่วนตัวของเธออีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ในระหว่างการซุ่มโจมตีครั้งก่อนหน้า ขณะที่ผู้บัญชาการซ่างกวนปิงเออร์ถูกโจมตี ลูกศรของเขาเป็นตัวพลิกสถานการณ์ในสนามรบและช่วยชีวิตเธอเอาไว้อีกด้วย หากพูดถึงผลงานของเขาในสนามรบ เขาต้องได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นผู้บัญชาการกองร้อยด้วยซ้ำ!”
คำพูดของเซียวหรูเซ่อทำให้ท่าทางของแม่ทัพโจวดูดีขึ้นมาก เขาพูดอย่างอ่อนโยน “หรูเซ่อ เจ้ายกย่องเจ้าเด็กเหลือขอคนนี้มากเกินหรือเปล่า? ข้าจะไม่รู้ความสามารถของลูกข้าได้อย่างไร ปิงเอ๋อร์ยังจะต้องให้เขาช่วยอีกหรือ?”
เซียวหรูเซ่อยิ้มบางเบาและพูดว่า “ลุงโจว ข้าควรให้เหว่ยน้อยเล่าให้ท่านฟังเอง ข้ามั่นใจว่าท่านจะต้องประหลาดใจแน่ นักปราชญ์จากไปเพียง 3 วัน หลังกลับมาก็ยังต้องมองพวกเขาใหม่ เหว่ยน้อยในตอนนี้ไม่เหมือนกับเหว่ยน้อยคนเดิมอีกต่อไปแล้ว”
“หืม?” แม่ทัพโจวมองบุตรชายของตนอย่างสงสัย ชายหนุ่มไม่ได้คิดไปถึงเรื่องที่ว่าโจวเหว่ยชิงอาจกลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์เลยเพราะเขาย่อมรู้อาการของบุตรชายตนเองดีที่สุด หากลมปราณของโจวเหว่ยชิงอุดตัน อย่างไรก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสามารถฝึกปราณสวรรค์ แม่ทัพโจวใช้เวลาหลายปีในการทดลองใช้วิธีการต่างๆ เสียเวลาและเหน็ดเหนื่อยอย่างมากเพื่อเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าบุตรชายของเขาไม่สามารถฝึกปราณสวรรค์ได้ แต่ถึงแม้ตนเองจะมีพลังปราณสวรรค์ระดับเทวะขั้นกลาง เขาก็ยังไม่สามารถช่วยบุตรชายเกี่ยวกับความบกพร่องในเส้นลมปราณที่อุดตันได้อยู่ดี และตอนนี้ชายหนุ่มก็ได้สูญเสียความหวังทั้งหมดไปแล้ว
“พูดออกมา เกิดอะไรขึ้น?” แม่ทัพโจวพูดอย่างเย็นชาขณะที่จ้องไปยังบุตรชายของตน
คราวนี้โจวเหว่ยชิงเหยียดหลังตรงและยืดตัวขึ้นเต็มความสูง เขาคิดกับตัวเองในใจ ฮ่าๆ ในที่สุดข้าก็สามารถยืดอกต่อหน้าท่านพ่อได้อย่างภาคภูมิใจแล้ว! เขายิ้มแย้มแจ่มใสและพูดว่า “ท่านพ่อ ตอนนี้ลูกชายของท่านเป็นจ้าวมณีสวรรค์!” ในขณะที่พูด จอมเจ้าเล่ห์น้อยก็ดึงแขนเสื้อของเขาขึ้นและชักนำพลังปราณสวรรค์ออกมา มณียุทธ์หยกน้ำแข็งและมณีธาตุไพฑูรย์ตาแมวพลันปรากฏขึ้นพร้อมกันเหนือข้อมือของเขา จากนั้นก็เริ่มหมุนวนไปรอบๆ
แม่ทัพโจวมองดูมณีสวรรค์ที่ลอยวนอยู่รอบข้อมือของโจวเหว่ยชิงอย่างตกตะลึง ทันใดนั้น ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีดำทะมึน ชายหนุ่มตะโกนออกมาว่า “เจ้าเด็กสารเลว!”
“เอ๋?” โจวเหว่ยชิงค่อนข้างตกใจกับการดุด่าของบิดา เขาคิดกับตัวเองว่า เกิดอะไรขึ้น? ตอนนี้ข้าเป็นจ้าวมณีสวรรค์แล้ว แต่ท่านพ่อกลับยังด่าทอข้าอีก?
“เจ้า… เจ้ากล้าแสร้งทำตัวเป็นจ้าวมณีสวรรค์เพื่อหลอกลวงข้าและหลบหนีการลงโทษจากข้าหรือ? ยิ่งไปกว่านั้น เจ้ายังใช้ไพฑูรย์ตาแมวสีน้ำเงินอีก? เจ้าไม่รู้วิธีหลอกให้มันเนียนๆ กว่านี้หรือ? ฮึ! ทำให้บิดาของเจ้ามีความสุขแค่ชั่วพริบตาก่อนจะต้องฝันสลาย รอก่อนเถิด ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย!” ในขณะที่เขาพูด แม่ทัพโจวก็ก้าวไปข้างหน้าแล้ว มือของเขาพลันพุ่งตรงไปยังศีรษะของโจวเหว่ยชิง
ในความเป็นจริงแล้ว ไม่น่าแปลกใจที่เขาจะไม่เชื่อโจวเหว่ยชิง เนื่องจากความคิดที่ฝังใจไปแล้วมักจะมีผลอย่างมากต่อผู้คน และสำหรับเขา คนที่เคยทนทุกข์ทรมานและพยายามทุกวิถีทางมานานนับ10ปีเพื่อที่จะลองแก้ไขเส้นชีพจรของบุตรชายตนเองแต่ก็ยังไม่สามารถหาวิธีช่วยได้ นั่นจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเจ็บปวดมากสำหรับเขา เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจึงคิดไปเองทันทีว่าโจวเหว่ยชิงกำลังโกหกหลอกลวงตน ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ไพฑูรย์ตาแมวสีน้ำเงินที่เขาเห็นก็ยังมีความพิเศษและแปลกออกไปจากปกติมาก เป็นธรรมดาที่ชายหนุ่มจะไม่นึกถึงมณีที่หายากเช่นไพฑูรย์ตาแมวสองสี
เมื่อฝ่ามือของเขากำลังพุ่งเข้าไปหาโจวเหว่ยชิง แน่นอนว่ามันย่อมเต็มไปด้วยพลังรุนแรงที่มาจากความโกรธล้วนๆ อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วเด็กคนนี้ก็เป็นบุตรชายคนเดียวของตน ดังนั้น ก่อนที่มือข้างนั้นจะพุ่งไปถึงตัวโจวเหว่ยชิง ฝ่ามือของเขาก็พลันเปลี่ยนทิศทาง พุ่งเป้าไปที่ไหล่ของโจวเหว่ยชิงแทน มิเช่นนั้นเมื่อฝ่ามือนั้นกระทบใบหน้าโจวเหว่ยชิง เขาก็อาจจะกลายเป็น ‘โจวไร้ฟัน’ ก็ได้
“แง้ววว แง้ววว” เสียงร้องด้วยความโกรธเกรี้ยวดังขึ้น จากนั้นหัวน้อยๆ ของลูกสัตว์สีขาวน่ารักตัวก็หนึ่งโผล่ออกมาจากชุดเกราะหนังของโจวเหว่ยชิง มันข่มขู่แม่ทัพโจวด้วยเขี้ยวเล็กๆ ของมัน แน่นอนว่าโจวเหว่ยชิงไม่ยืนเฉยๆ รอรับการโจมตีครั้งนี้แน่ ขาขวาของเขากระแทกกับพื้นอย่างแรง จากนั้นร่างของเขากระโจนถอยหลังออกไป 2-3 เมตร ทันหลบระเบิดลูกย่อมๆ ที่พุ่งเข้ามาหาได้อย่างพอดิบพอดี
…………………………
Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 25.2 แม่ทัพโจวมาถึง (2)
Posted by ? Views, Released on November 22, 2021
, Heavenly Jewel Change
Type: Web Novel Author: Tang Jia San Shao, 唐家三少
ในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอ
มีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์
ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม
ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่
ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล
ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!?
ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น…
หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย!
ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตา
ไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขา
มันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด!
สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า…
แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ?
ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา
สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร!
นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร
Every human has their Personal Jewel of power, when awakened it can either be an Elemental Jewel or Physical Jewel. They circle the right and left wrists like bracelets of power.
Heavenly Jewels are like the twins born, meaning when both Elemental and Physical Jewels are Awakened for the same person, the pair is known as Heavenly Jewels.
Those who have the Physical Jewels are known as Physical Jewel Masters, those with Elemental Jewels are Elemental Jewel Masters, and those who train with Heavenly Jewels are naturally called Heavenly Jewel Masters.
Heavenly Jewel Masters have a highest level of 12 pairs of jewels, as such their training progress is known as Heavenly Jewels 12 Changes.
Our MC here is an archer who has such a pair of Heavenly Jewels.
Recommended Series
Comment
Facebook Comment