***
“เฮ้อ เกือบจะเป็นเรื่องแล้วนะเนี่ย”
แม้จะโดนชาร้อนๆ ที่เพิ่งรินออกมาใหม่ราดใส่ตัว แต่แอนนี่ก็ไม่โมโหอะไรมากเป็นพิเศษ ซึ่งนั่นก็ไม่น่าแปลกใจสักเท่าไหร่เพราะคนที่ทำชาหกไม่ใช่ใครแต่เป็นอาเรียนั่นเอง
เธอจะกล้าโมโหอาเรียได้อย่างไรเล่า ต่อให้โดนผลักเข้าไปในกองไฟเธอก็ไม่สามารถโมโหอาเรียได้อย่างแน่นอน
นอกจากนั้นแล้วเพราะอากาศยังค่อนข้างเย็นเสื้อผ้าที่เธอสวมจึงเป็นเสื้อผ้าเนื้อหนา เลยทำให้เธอไม่มีแผลพุพองร้ายแรงอะไร อีกทั้งอาเรียจะต้องขอโทษและซื้อชุดใหม่ให้กับเธอแน่นอน โดยเป็นชุดที่ราคาแพงและยังคุณภาพสูงอีกด้วย
แอนนี่หน้าตาสดใสราวกับคาดหวังเรื่องนี้อยู่ มือที่ใช้เปลี่ยนเสื้อผ้าของเธอเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วและดูนุ่มนวล
“ยืนเหม่ออะไรขนาดนั้นน่ะ”
ตรงข้ามกับแอนนี่ ท่าทางของมิเอลเหมือนคนสติล่องลอย แน่นอนว่ามันก็ควรที่จะเป็นแบบนั้น ในเมื่อเธอเจอกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด ก่อนหน้าที่จะได้ลงมือก่อเรื่องร้ายแรงและอันตรายเข้า
ความกระวนกระวายใจพุ่งเข้าโจมตีแบบไม่ทันได้ตั้งตัวเหมือนเช่นทุกครั้งที่มีอะไรผิดแผนขึ้นมา แต่มิเอลก็พยายามทำใจให้สงบ โดยคิดว่าอาเรียจะถือโอกาสระหว่างที่แอนนี่ไม่อยู่เปลี่ยนที่นั่งในทันที
เพราะมีแค่วิธีนั้นวิธีเดียว
ไม่มีวิธีอื่นให้เลือกอีกแล้ว
“ฉันเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วไปกันเถอะ”
ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่แอนนี่ก็ทายาและเปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อยและชวนกลับไป ส่วนมิเอลก็เร่งฝีเท้าอย่างรวดเร็วราวกับรออยู่แล้ว
เร็วเข้า ฉันต้องรีบกลับไปให้ไว หากว่าชาเย็นชืดขึ้นมาแล้วพวกเขาเปลี่ยนมันในระหว่างที่ฉันไม่อยู่แล้วละก็ ได้กลายเป็นเรื่องใหญ่แน่
โชคดีที่แอนนี่เองก็เร่งฝีเท้าอย่างรวดเร็วเช่นกัน พวกเธอจึงกลับไปที่สวนได้โดยไม่เสียเวลา และความกังวลของมิเอลก็ค่อยๆ ลดลง
“เลดี้! ดิฉันเปลี่ยนชุดมาแล้วค่ะ! “
เพิ่งจะเจ็บตัวไปแท้ๆ มีอะไรให้น่าดีใจได้ขนาดนั้นกัน แอนนี่เข้ามาในสวนพร้อมกับรอยยิ้มแป้นแล้น ก่อนจะสะดุ้งตกใจ และหยุดยืนอยู่เฉยๆ ในท่าเปิดประตู
“…เอ๊ะ”
และทำเสียงประหลาดขึ้นมา
มีเรื่องอะไรกันแน่นะ เพราะมิเอลเดินตามหลังแอนนี่มา เธอจึงช้ากว่าแอนนี่ไปก้าวหนึ่งก่อนที่จะได้เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นข้างในสวน
“…! “
เมื่อได้เห็นภายในสวนแล้ว มิเอลก็ได้แต่ใจหายและหยุดยืนอยู่อย่างนั้น เธอตกใจจนลืมหายใจไปในทันที เมื่อได้เห็นเคนซึ่งไม่มีเหตุผลอะไรให้เขาต้องมาอยู่ที่นี่เลย
แถมยังนั่งอยู่ตรงที่ที่อาเรียนั่งไปก่อนหน้านี้อีกด้วย นั่งลงตรงตำแหน่งที่มีน้ำชาใส่ยาพิษวางอยู่
เขาไม่รู้เลยว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของตนคืออะไร เมื่อได้เห็นน้องสาวของตนเคนก็ทักทายเธอด้วยแววตาที่ดูสบายใจโดยไม่พูดอะไรออกมา
“มิเอล”
ทำไมเคนถึงได้อยู่ที่นี่! แล้วยังนั่งอยู่ตรงหน้าแก้วชาที่มีพิษอีก…!
อาเรียปรายตามองมิเอลที่ได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อโง่ๆ โดยที่ไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ได้ ก่อนจะถามแอนนี่ด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“มาแล้วเหรอ มีแผลอะไรรึเปล่า”
“เอ่อ ค่ะ! เลดี้! โชคดีไปค่ะ ดิฉันไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากมายมีแค่เสื้อผ้าที่เสียหายไปเท่านั้นค่ะ”
แอนนี่พูดว่ามีเพียงเสื้อผ้าที่เสียหายเพราะเปียกน้ำร้อนเท่านั้น ก่อนจะก้าวเท้าอย่างแผ่วเบากลับไปยังที่นั่งของเธอซึ่งทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว
“งั้นหรือ ฉันขอโทษด้วยนะ เอายังไงดีล่ะ…ในเมื่อมันเป็นความผิดของฉัน งั้นฉันจะให้ชุดใหม่เป็นของขวัญแล้วกันนะ”
“โถ่ เลดี้ละก็ ถ้าเลดี้พูดออกมาแบบนั้นดิฉันก็รู้สึกผิดแย่เลยน่ะสิคะ”
ทั้งที่เห็นได้ชัดว่าในหัวของเธอกำลังคิดว่าจะขอให้อาเรียซื้อชุดแบบไหนให้ แต่แอนนี่ก็แสร้งทำเป็นหัวเราะคิกคักแล้วชี้ไปทางเคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ตนก่อนจะถามออกมาว่า
“ว่าแต่ว่า มาด้วยเรื่องอะไรกันเหรอคะ”
คำถามที่ถามว่าเหตุใดคนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องอีกต่อไปอย่างเขาถึงได้มาอยู่ตรงนี้กัน
“เอ่อ ฉันเป็นคนเรียกมาเองแหละ ไหนๆ มิเอลก็อุตส่าห์เตรียมเวลาน้ำชาให้ทั้งที ฉันเลยคิดว่าท่านพี่เองก็น่าจะมาเข้าร่วมด้วยน่ะ”
อาเรียตอบออกไปเช่นนั้น แล้วฉิบน้ำชาที่วางอยู่ตรงหน้าไปครั้งหนึ่ง จากนั้นเคนก็พยักหน้าก่อนจะยกชาที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมาแตะที่ปากอย่างเป็นธรรมชาติ
เมื่อเห็นเช่นนั้นเข้า มิเอลที่เอาแต่ยืนเซ่อไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าจนถึงเมื่อครู่ ก็พลันตกใจและวิ่งเข้าไปในสวน
“ไม่ได้นะ! ดื่มไม่ได้นะ! อย่า! “
แม้จะตะโกนออกไปด้วยใจที่ร้อนรนก็ตาม แต่มันก็สายไปเสียแล้ว เมื่อชาผสมยาพิษที่ตั้งใจเตรียมไว้ให้แอนนี่เป็นอย่างดี กลับเปลี่ยนเป้าหมายกลายเป็นเคนที่เป็นดื่มมันเข้าไป
-เพล้ง!
แก้วที่เคนถืออยู่ร่วงลงบนพื้น เกิดเป็นเสียงแก้วแตกดังบาดหู สีหน้าของเคนหลังจากดื่มชาซีดเผือดขึ้นอย่างรวดเร็ว
พิษของดอกยี่โถนั้นหากใช้ผิดไปแล้วละก็ แม้จะเป็นปริมาณเพียงน้อยนิดก็สามารถพรากเอาชีวิตของคนไปได้ และมันก็เริ่มฉกฉวยลมหายใจของเคนไปในทันทีราวกับได้พบศัตรูที่รอคอยมานาน
“อ๊ากกก! “
แค่ก แค่ก แอนนี่ตกใจและกรีดร้องออกมาเมื่อเห็นเคนล้มลงไปด้านข้างและมีเลือดไหลออกมาจากปากพร้อมกับเสียงไอ ส่วนเจสซี่หน้าถอดสีและผงะหงายหลังลงไป
เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ไม่แม้แต่จะคิดมาก่อน มิเอลก็วิ่งหอบเข้าไปหาพี่ชายของเธอ และตรวจดูสภาพของเขาก่อนจะเริ่มร้องไห้คร่ำครวญออกมา
“พี่ พี่คะ! พี่เคน! ทำไม ทำไมพี่ถึงได้! ”
“…มิ มิเอล อั๊ก…มิเอล…”
สภาพของเคนเรียกได้ว่าเข้าขั้นวิกฤตราวกับจะสิ้นลมหายใจไปเสียในตอนนี้ ทุกลมหายใจที่พ่นออกมามีเลือดปะปนไหลออกมาทางปาก ทุกคนต่างหยุดหายใจและจ้องมองเขาด้วยใบหน้าสะดุ้งกลัว
“ตายแล้ว…! ใคร! ใครก็ได้ช่วยที! เรียกหมอให้หน่อย! “
แม้แต่อาเรียที่ได้คาดการณ์ว่าจะเกิดสถานการณ์น่าหวาดกลัวนี้ไว้แล้วหลังจากที่ได้ตรวจดูปริมาณของยาพิษไปก่อนหน้านี้ ก็ยังตกใจจนพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
เมื่อได้ยินเสียงร้องคร่ำครวญของมิเอล อาเรียก็รีบลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และร้องขอความช่วยเหลือ
“เลดี้! “
โชคดีที่พ่อบ้านวิ่งเข้ามาในทันทีเมื่อได้ยินเสียงอันร้อนรนของอาเรีย แต่เมื่อวิ่งมาถึงเขาก็ได้แต่กลั้นหายใจและไม่สามารถรับมือกับภาพน่าสลดอันเหนือความคาดหมายที่เกิดขึ้นในสวนอันงดงามได้ในทันที
“นะ นี่ นี่มัน นี่มันอะไรกัน…!”
“เร็วเข้า! เรียกหมอเร็วเข้า! “
“…ครับ ครับ!”
อาเรียสั่งให้พ่อบ้านที่กำลังตกใจเรียกหมอมาอย่างเร่งด่วน
พ่อบ้านลนลานวิ่งหอบออกไปจากสวน พวกสาวใช้ที่รับรู้ได้ถึงความครึกโครมก็เข้ามาในสวนทีหลัง แต่ละคนต่างก็กรีดร้องออกมา
“กรี๊ดดดดด! “
“ตะ ตายแล้ว! “
“จะทำอย่างไรดี! “
“ไปเอาผ้าขนหนูมาสิ! “
เนื่องจากปริมาณของเลือดที่เคนอาเจียนออกมาเพิ่มมากขึ้น ทุกคนจึงลนลานทำอะไรไม่ถูกและพากันกรีดร้องตกอยู่ในความหวั่นวิตก และเสียงคร่ำครวญของมิเอลก็ดังขึ้นเรื่อยๆ
“ฮึก! พี่เคน! “
“ละ เลดี้…! ปะ เป็นอะไรไหมคะ! “
เจสซี่หน้าถอดสีเมื่อได้เห็นภาพอันน่าสลดที่ไม่น่าเชื่อ เธอสังเกตสีหน้าของอาเรียและถามออกไป เนื่องจากอาเรียเองก็ดื่มชาที่อยู่บนโต๊ะเช่นกัน จึงได้ถามเผื่อไว้
“…ฉันไม่เป็นอะไร”
อาเรียตอบออกไปเช่นนั้น เธอสามารถเรียกสติคืนมาได้อย่างช้าๆ ต่างจากคนอื่นๆ ที่กำลังตกอยู่ในความหวาดหวั่น ไม่สิ เธอรู้สึกได้ว่าอารมณ์ของเธอกำลังเพิ่มสูงขึ้น
เพราะหลังจากที่ย้อนเวลามาสิบกว่าปี ในที่สุดสิ่งที่ตั้งหน้าตั้งตารอก็บรรลุผลสำเร็จนั่นเอง
‘ถ้าหากมิเอลมีความทรงจำของเรื่องในอดีตแบบฉันก็คงจะดีกว่านี้’
เพราะถ้าเป็นแบบนั้นก็คงจะรู้สึกคับแค้นใจหลายสิบเท่าเมื่อสิ่งที่ตัวเองเคยทำในอดีตได้ย้อนกลับมาสู่ตัวเอง และบางทีอาจจะสำนึกได้ถึงคำว่ากรรมตามสนองก่อนตายก็ได้
แต่ถึงอย่างไรการเผชิญหน้ากับความตายโดยที่ไม่รู้อะไรเลยแบบนี้ก็ถือว่าไม่เลวเหมือนกัน เพราะมันรู้สึกถึงความไม่ยุติธรรมมากกว่าอย่างไรเล่า
หากเคนที่ไม่ได้ทำความผิดใหญ่หลวงอะไรต้องมาจบชีวิตลง บางทีนางมารร้ายแสนชั่วช้าอาจจะโกรธแค้นจนน้ำตาไหลออกมาเป็นสายเลือดเลยก็เป็นได้
อาเรียอยากจะเห็นสภาพนั้นให้เร็วขึ้นมาอีกสักวัน แต่เธอก็แสร้งทำเป็นหวาดกลัวและคอยเฝ้าดูอาการของเคน
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่…! พี่เคน! จะทำอย่างไรดี! เป็นอะไรไหมคะ! พี่คะ!”
หน้าไม่อายจริงๆ เลยเรา
ทั้งที่เป็นตัวการทำให้เคนต้องดื่มชาผสมยาพิษแท้ๆ
ใบหน้าของมิเอลเปรอะไปด้วยน้ำตา เธอถลึงตาให้กับกิริยาเสแสร้งน่ารังเกียจนั่นและตะคอกใส่อาเรีย
“ทำไม! ทำไมถึงปล่อยให้พี่เคนดื่มชานั่น! ทำไม! เพราะแก…! เพราะแกพี่ถึงได้…! “
เพราะแกเคนถึงได้ดื่มชาพิษที่ตั้งใจจะใช้เล่นงานแอนนี่!
เสียงตะโกนของมิเอลที่สื่อความหมายว่าคนที่จะต้องดื่มชาและอ้วกเป็นเลือดนั้นไม่ใช่เคนแต่เป็นคนอื่น ทำให้เจสซี่และแอนนี่ขมวดคิ้วเอียงคอสงสัยอยู่พักหนึ่ง
“อะไรกัน นั่นหมายความว่าอย่างไรน่ะมิเอล เธอถามว่าปล่อยให้ดื่มชางั้นหรือ…!”
อาเรียย้อนถามด้วยใบหน้าสับสนราวกับไม่รู้เรื่องใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อมิเอลเห็นอาเรียเริ่มหนีเอาตัวรอดเธอก็ได้แต่อ้าปากค้างไม่สามารถพูดต่อไปได้
“ทำไม…ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะ อย่าบอกนะ…ว่าที่ดื่มชาไม่ได้เพราะมันใส่อะไรบางอย่างลงไปน่ะ…! ไม่ใช่หรอกใช่ไหม!”
เคนไอออกมาอย่างหนักพร้อมๆ กับคำถามนั้น น้ำเลือดไหลย้อนออกมาในปริมาณมาก และนั่นราวกับจะบอกให้รู้ว่าถึงช่วงสุดท้ายของเคนแล้ว ทั้งสวนจึงก้องไปด้วยเสียงกรีดร้อง
“กรี๊ดดดด!”
“ทำอย่างไรดี! จะทำอย่างไรดี! คุณเคน…! “
“มิ มิเอล…”
เคนเรียกมิเอลด้วยน้ำเสียงไร้เรี่ยวแรงราวกับเขากำลังจะลาลับไปในไม่ช้า น้ำเสียงที่ไร้ซึ่งพลังแห่งชีวิตนั้นคล้ายกับจะฝากคำสั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย
มิเอลสะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินเสียงที่ฟังดูคล้ายกับจะหมดลมหายใจไปเสียตอนนี้ เธอตอบกลับไปพร้อมน้ำตาไหลพราก
“ค่ะ…! พูด พูดมาเถอะค่ะ!”
“ไม่ ไม่ใช่ใช่ไหม…”
แม้จะเป็นคำถามที่ไม่มีประธานอยู่ในประโยค แต่มิเอลก็ถึงกับหยุดหายใจเพราะเข้าใจว่านั่นหมายถึงอะไรได้ในทันที
“น้อง น้องน่ะ…คือ คือว่า…! “
และคำตอบที่ไม่ชัดเจนของมิเอลก็เพียงพอจะทำให้เคนรู้สึกผิดหวังและเสียใจ ดวงตาของเคนเลื่อนลอยและสั่นไหวราวกับเรือน้อยๆ ที่โดนคลื่นกระทบ
ความรู้สึกที่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายกลับเป็นความรู้สึกผิดหวังและเสียใจในตัวน้องสาวเพียงหนึ่งเดียวของตนเองเสียอย่างนั้น อาเรียคิดว่านี่ถือเป็นความตายที่เหมาะกับเคนผู้ที่เคยหั่นคอของเธอเมื่อในอดีตเป็นอย่างมาก เธอจับมือเย็นเฉียบของเขาและปลอบเขา
“พี่คะ…! มิเอลน่ะ…! มิเอลน่ะไม่ใช่เด็กนิสัยไม่ดีแบบนั้นหรอกนะคะ…! “
อาเรียแสร้งปกป้องมิเอลด้วยการพูดออกไปเช่นนั้น เพื่อเป็นการเตือนความจำถึงการกระทำอันเลวร้ายที่มิเอลเคยทำมา และหากเป็นไปได้ก็เพื่อให้เคนไม่สามารถเผชิญความตายได้อย่างโล่งใจนั่นเอง
แค่ผลักพ่อบังเกิดเกล้าตกบันไดยังไม่พอ เธอยังเอาชาพิษให้พี่ชายของตนเองดื่มอีก อาเรียตั้งใจจะทำให้เขานึกถึงการกระทำอันไร้ศีลธรรมเป็นของขวัญแห่งความตาย
ในขณะที่อาเรียพูดจบดวงตาของเคนก็ค่อยๆ ปิดลง หยาดน้ำตาที่ล้นไปด้วยความเสียใจไหลออกมาจากสองตาที่ปิดอยู่ และมืออันเย็นเฉียบก็ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงขึ้นมา
คอที่พับคว่ำลงอย่างไร้เรี่ยวแรงราวกับเป็นการบอกให้รู้ถึงตอนจบของเขา
เผชิญความตายอันน่าเวทนาจากผลกรรมในอดีต นั่นคือตอบจบของเขา
“…! ”
“ตายแล้ว! หมอยังไม่มาอีกหรือไง!”
“ทำยังไงดี!”
“พี่ พี่เคน! ไม่ ไม่นะ…! ไม่ได้นะ! ไม่นะ! ไม่จริงงง!”
มิเอลร้องไห้คร่ำครวญพลางเขย่าไหล่เคน เธอบอกให้เขาลืมตาขึ้นเดี๋ยวนี้พร้อมทั้งเขย่าไหล่เขาอย่างแรงอยู่หลายครั้งราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า
“พี่! ได้โปรด…! ได้โปรดลืมตาขึ้นมา! ได้โปรด!”
มิเอลร้องตะโกนจนเส้นเลือดบริเวณลำคอปูดโปนขึ้นราวกับไม่สามารถปล่อยเคนไปแบบนี้ได้
จนกระทั่งอาเรียทนมองแบบนี้ต่อไปไม่ได้เธอกระซิบข้างหูมิเอล โทษว่านี่เป็นผลจากการกระทำอันโง่เขลาที่มิเอลทำมันด้วยตัวเอง
“เพราะอย่างนั้นฉันถึงได้บอกให้เธอกะปริมาณให้ดียังไงล่ะมิเอล”
“อ๊ากกกกก!”
เสียงกระซิบราวกับจะเย้ยหยันนั้นทำให้มิเอลเริ่มดิ้นพล่านราวกับคนเสียสติไปในที่สุด สาวใช้จำนวนหนึ่งในบรรดาสาวใช้ที่เอาแต่มองอย่างสับสนไม่รู้จะทำอย่างไรวิ่งกู่เข้ามายึดตัวมิเอล
“เพราะแก! เพราะแกนั่นแหละ! ถ้าไม่ใช่เพราะแกแล้วละก็! “
พูดอะไรน่ะมิเอล ทั้งหมดนี่มันเป็นเพราะเธอต่างหาก
ไหล่อันบอบบางของอาเรียสั่นเล็กน้อยราวกับรู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดของมิเอล เธอยกมือขึ้นปิดหน้าและสะอึกสะอื้น
นั่นเป็นเพราะมันยากที่จะควบคุมสีหน้าเอาไว้เมื่อได้เห็นมิเอลทำทุกอย่างพังลงด้วยตัวเองจนดิ้นพล่านเป็นบ้าเป็นหลัง
แม้จะคิดว่ามันไม่ปกติที่ตัวเองไม่สามารถยับยั้งความดีใจเอาไว้ได้ในสถานการณ์ที่ใครคนหนึ่งอาจจะต้องจบชีวิตลง แต่ถึงอย่างนั้นอีกใจหนึ่งอาเรียก็คิดว่านั่นเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วในเมื่อนั่นคือการแก้แค้นที่เธอรอคอยมานานแสนนาน
“…ใช่แล้ว ทั้งหมดเป็นความผิดของพี่เอง ถ้าพี่วางตัวให้ดีกว่านี้ เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น…!”
“อ๊ากกกก…!”
เพราะอาเรียเลือกที่จะพูดถ้อยคำที่ทำให้มิเอลทนไม่ได้ ทำให้มิเอลไม่สามารถเอาชนะความโกรธของตนเองได้ เธอดิ้นพล่านและหมดสติลงไปในที่สุด
ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีผู้ใดเข้าไปช่วยประคองมิเอลที่ล้มหมดสติลงไปเลยสักคน กลับมีเพียงสายตาแห่งความโกรธแค้นเหยียดหยามพุ่งลงไปบนร่างกายเล็กๆ ของมิเอลเท่านั้น
“…มิเอล ทำไมเธอถึงได้…!”
โดยเฉพาะเจสซี่ที่รู้ว่าชาที่เคนดื่มไปเมื่อครู่นั้นแต่เดิมแล้วเป็นของอาเรียก็ยิ่งรู้สึกโกรธแค้นและเจ็บปวดจากการถูกหักหลัง เธอกัดฟันกรอดด้วยความกลัวว่าหากพลาดไปนิดเดียว อาจจะต้องเสียเจ้านายคนสำคัญไปแล้วก็ได้
เพราะเอาแต่ทำเรื่องโง่เขลาซ้ำแล้วซ้ำอีก จึงไม่มีผู้ใดรู้สึกเห็นใจมิเอลเลยแม้แต่เศษฝุ่น
………………………………………