ตอนที่ 544: ราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียน
เมื่อเข้ามายังเส้นทางนี้ อี้เทียนหยุนก็รู้ว่าทุกอย่างในนี้ล้วนแต่เป็นของปลอม เป็นภาพลวงตาด้วยกันทั้งหมด นี่คือบททดสอบ ดังนั้น เขาจึงจําเป็นต้องยึดมั่นในจิตเติของตน
แม้บ้างครั้งจะรู้ดีอยู่แล้วว่าเป็นภาพลวงตา แต่ทุกอย่างล้วนดูสมจริง ทั้งยังมีพลังวิญญาณส่งออกมาอย่างต่อเนื่องทําให้สัมผัสสับสน
นี่ก็คือผลของภาพลวงตาที่สามารถส่งผลต่อทุกอารมณ์ของพวกเขา อี้เทียนหยุนก็ได้รับผลกระทบเช่นกันมีพลังวิญญาณไหลเข้ามาในร่างของเขาอย่างต่อเนื่อง เพื่อหวังที่จะทําให้เขาสับสนแต่เพิ่งจะไหลเข้ามา ก็ต้องมากลายเป็นค่าประสบการณ์ให้กับเขาแทน
ยังไงก็ตาม มันก็ได้ค่อยๆ หลอมรวมเข้าไปในจิตใจเขาทีละน้อย เริ่มส่งผลต่อตัวเขา แต่ก็พูดได้ว่าไม่มีเรื่องอะไรเขายังคงก้าวต่อไปอย่างต่อเนื่องพร้อมๆ กับระยะทางที่เพิ่มขึ้น ก็จะมีภาพลวงตาอื่นๆ ที่คอยล่อลวงเขาตลอดทาง ไม่ยอมจบยอมสิ้น
บ้างก็เป็นสมุนไพรวิญญาณ บ้างก็เป็นสาวงาม บ้างก็เป็นอุปกรณ์ระดับเทวะ หรือไม่ก็เป็นกองตําราวิชายุทธ์ระดับสวรรค์ แต่ว่าเขาไม่สนใจของเหล่านี้ ยังคงก้าวต่อไปอย่างยิ่งผาย ไร้ความสนใจต่อสิ่งยั่วยวนทั้งปวง
ในที่สุด หลังจากเดินมาเป็นเวลานาน ขณะที่กําลังจะไปถึงจุดสิ้นสุด สภาพแวดล้อมรอบๆ อยู่ๆ ก็ได้สลายไปในพริบตากลับมาเป็นห้องที่เต็มไปด้วยอักขระที่จารอยู่ที่ผนั่ง ดูแล้วไม่ได้กว้างเท่าไหร่
และเมื่อหันกลับไปดู ก็พบว่าตัวเขาไม่ได้เดินมาไกลเท่าไหร่เลย จากก่อนหน้า เขาสามารถเห็นได้ว่าตนได้เดินมาประมาณ 20 จ้าง แต่ความจริงแล้วตัวเขาได้เดินมานานกว่าหลายชั่วยาม ช่างเป็นเวลานานจริงๆ
อี้เทียนหยุนรู้ว่านี่คือภาพลวงตา แต่ว่าเขาก็ไม่ได้คิดจะทําลาย ทั้งยังไม่มีวิธีทําลายด้วยภาพลวงตานี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน คิดจะทําลายจําเป็นต้องใช้เวลานาน ดังนั้นจึงเลือกที่จะเดินเอาดีกว่า นอกเสียจากว่าจะถูกขังอยู่ข้างในจนไม่สามารถออกมาได้ ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่เลือกวิธีฟื้นทําลายมันอย่างแน่นอน
หากฝืนทําลายก็จะไม่ได้รับผลประโยชน์อะไร ดังนั้นเดินไปช้าๆ จะดีกว่า อย่างน้อยก็ยังได้เพลิดเพลินกับสภาพแวดล้อมรอบๆ
“ไปต่อ…”
หลังจากอี้เทียนหยุนเดินมา ก็พบว่าตรงหน้าเป็นพื้นที่ที่กว้างใหญ่ และที่จุดศูนย์กลางได้มีพลังงานกลุ่มหนึ่งล่องลอยออกมา ไม่รู้ว่านั้นคืออะไร
อีกทั้งนอกจากนี้แล้วก็ไม่มีอะไรอื่น กระทั่งทางออกยังไม่มี เป็นเพียงพื้นที่ที่กว้างใหญ่แห่งหนึ่งเท่านั้น
และเมื่อเขาเข้าไป พลังงานนั้นก็ได้เปล่งแสงออกมา พร้อมกับรวมตัวเป็นรูปคนในอากาศเมื่อจับตาดูดีๆ แล้ว จะพบว่ารูปคนที่ปรากฏต่อหน้าเขานั้น กลับเป็นแค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง!
วิญญาณลวงตา : ระดับราชาวิญญาณขั้นสูงสุด, ควบแน่นมาจากมหาค่ายกล ไม่สามารถทําลายได้ ไม่สามารถตายได้ มีวิชายุทธ์
ส่วนข้อมูลที่เหลืออี้เทียนหยุนคร้านที่จะดู ถึงยังไงนี่ก็เป็นวิญญาณลวงตาที่ไม่มีวันตายทั้งเขายังไม่ได้มาที่นี่เพื่อทําลายมหาค่ายกล ยิ่งกว่านั้น เขายังไม่มีวิธีทําลายมันด้วย เพราะเพียงแค่ดูก็รู้ ว่ามหาค่ายกลนี้เป็นมหาค่ายกลระดับผู้สร้าง ด้วยมาตรฐานอย่างเขาในปัจจุบัน ย่อมไม่มีวิธีทําลายมั่น กระทั่งเนตรสวรรค์เองก็ยังใช้กับที่นี่ไม่ได้
ทั้งวิญญาณลวงตานี้ยังมีระดับราชาวิญญาณขั้นสูงสุด ซึ่งเขายังไม่สามารถรับมือได้ในตอนนี้หากว่าอยู่ๆ ทําอะไรไปแล้วถูกโจมตีเข้ามา เขาคงไม่มีทางที่จะจัดการกับพลังที่แข็งแกร่งของอีกฝ่าย
อีกทั้งวิญญาณลวงตานี้ก็ไม่ใช่ศัตรู ดังนั้นจึงไม่เป็นไรหากไม่ทําอะไรเธอก่อน
“ยินดีต้อนรับผู้สืบทอดที่ผ่านบททดสอบมาได้ เจ้าได้ผ่านบททดสอบสําเร็จแล้ว” สีหน้าของเด็กสาวดูเบื่อหน่ายอย่างมาก ราวกับไม่มีอารมณ์จะพูด เธอไม่มีชีวิต เป็นแค่วิญญาณลวงตาที่ถูกสร้างมาดังนั้นจึงปราศจากอารมณ์
ปกติแล้วผู้สร้างมักจะสร้างตนเองออกมา แต่ผู้สร้างคนนี้กลับสร้างเด็กหญิงออกมาอย่างไม่คาดคิด จึงค่อนข้างที่จะเข้าใจยากไปสักหน่อย
ยังไงก็ตาม ผู้ที่สามารถสร้างวิญญาณลวงตาระดับราชาวิญญาณออกมาได้อย่างนี้ ก็หมายความว่าคนผู้นั้นจะต้องแข็งแกร่งมากอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นจะสามารถสร้างวิญญาณลวงตาที่น่า ซึ่งขนาดนี้ออกมาได้ยังไง
“ในเมื่อข้าผ่านบททดสอบสําหรับผู้สืบทอดแล้ว ไม่ทราบว่าของที่ข้าจะได้รับสืบทอดคืออะไร?” เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ
“แม้ว่าเจ้าจะผ่านบททดสอบมาได้ แต่ระดับของเจ้าค่อนข้างอ่อนแอเกินไปเล็กน้อย จําเป็นต้องมีระดับราชาวิญญาณขึ้นไป ถึงจะสามารถรับการสืบทอดได้อย่างสมบูรณ์ รวมถึงสามารถควบคุมมหาค่ายกลทั้งหมดในแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนได้” วิญญาณลวงตาตอบ
“ต้องมีระดับราชาวิญญาณขึ้นไป…” อี้เทียนหยุนพยักหน้า ตัวเขายังคงห่างไกลอีกมากพูดได้ว่าคงได้แต่ใช้เวลาอย่างช้าๆ หากจะให้ฝึกอยู่ที่นี่ ก็ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่กว่าที่จะสา มารถบรรลุได้
“เจ้าบอกว่าชื่อที่แท้จริงของที่นี่คือแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนอย่างงั้นเหรอ? แล้วปกติที่นี่มีไว้ทําอะไร” เทียนหยุนไม่สนใจเรื่องนี้ชั่วคราว แต่เปลี่ยนมาสนใจชื่อที่แท้จริงของที่นี่ก่อน
“ใช่ ที่นี่คือแท่นบูชาเทพเติ้งเทียน นายท่านสร้างที่นี่ขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อเป็นค่ายกลเคลื่อนย้ายระดับโลกสวรรค์และโลกวิญญาณ แต่เพราะว่านายท่านไม่ได้อยู่ที่นี่นานแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีใครเปิดใช้มัน” วิญญาณลวงตาพูดออกมาด้วยน้ําเสียงกระจ่างชัด แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งอารมณ์ดุจเดิมฟัง แล้วไม่ให้ความรู้สึกน่ารักเลยแม้แต่น้อย
“ที่นี่สามารถเคลื่อนย้ายไปยังโลกสวรรค์ได้?” ในใจอี้เทียนหยุนให้รู้สึกตกใจ ไม่คิดว่าแท้จริงแล้วที่นี่จะเป็นที่ไว้ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้าย ทั้งยังสามารถพาไปยังโลกสวรรค์ได้โดยตรง!
ต้องรู้ว่าในโลกมนุษย์นั้น ไม่มีใครรู้ถึงทางไปยังโลกสวรรค์มาก่อน แต่ที่นี่กลับสามารถพาไปยังโลกสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย
“ใช่แล้ว ส่วนรายละเอียดที่เหลือ เจ้าก็ค่อยๆ ทําความเข้าใจมันอย่างระมัดระวังแล้วกัน” พูดจบวิญญาณลวงตาก็ได้ชี้นิ้วออกมา พร้อมกับยิงลําแสงเข้าใส่อี้เทียนหยุน พุ่งทะลุเข้าไปยังสมองของเขา
จากนั้น รายละเอียดของที่นี่ก็ได้ซึมลึกเข้าไปในสมองของเขา กระทั่งข่าวของนายท่านของที่นี่ก็ยังมี
เจ้าของของแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนนี้เรียกว่า ราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียน ซึ่งมีพลังระดับราชาศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังเป็นนักสลักอาคมระดับผู้สร้าง ตัวตนทั้งสองอย่างของเขานี้ ทําให้ตัวเขารู้สึกตกใจจริงๆ แค่นักสลักอาคมก็ฝึกยากพอแล้ว แต่ไม่เพียงจะเป็นถึงนักสลักอาคมระดับผู้สร้างเท่านั้น แต่ยังมีพลังระดับราชาศักดิ์สิทธิ์อีกต่างหาก ช่างน่าฟังยิ่งนัก
ราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนเป็นผู้เชี่ยวชาญในโลกวิญญาณ ทั้งยังมีขุมอํานาจของตัวเองที่ชื่อว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เฟยเทียน!
แต่ในความเป็นจริงแล้ว เทียนหยุนกลับไม่เคยได้ยินชื่อแดนศักดิ์สิทธิ์นี้มาก่อน ขณะที่เขาอยู่ในเผ่าฟีนิกซ์ เขาก็ได้ใช้เวลาจํานวนมากเพื่อทําความเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดแต่ก็ยังไม่เคยได้ยินชื่อแดนศักดิ์สิทธิ์เฟยเทียนมาก่อน
หากไม่ใช่เพราะรายงานชื่อผิด ก็อาจจะเป็นเพราะแดนศักดิ์สิทธิ์เฟยเทียนได้ล่มสลายไปแล้วหรือไม่ก็อาจจะไปหลบซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่ง
แต่จากข้อมูลที่ได้ ราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนได้ออกจากโลกวิญญาณไปเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน เพราะว่านี่เป็นเรื่องที่ผ่านมาหลายพันปี หรืออาจจะเกินหมื่นปีไปแล้วก็ได้
แต่ที่นี่ก็ไม่ได้มีขุมอํานาจของเขาเป็นผู้สืบทอด แต่กลายเป็นเขาแทน
ที่ราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนสร้างที่นี้ขึ้น เป้าหมายก็ง่ายมาก นอกจากจะใช้เป็นที่ฝึกฝนสําหรับขุมอํานาจของตนแล้ว ยังเป็นที่ที่เชื่อมต่อกับโลกสวรรค์ เพื่อใช้ไปมาระหว่างสองโลก เพื่อเพิ่มค่าประสบการณ์ ที่โลกวิญญาณมีไม่เพียงพอ
ความจริงที่นี่ถูกตั้งให้เฉพาะศิษย์ในแดนศักดิ์สิทธิ์เฟยเทียนใช้ และเข้ามาสืบทอด แต่เพราะว่าเวลาที่ผ่านไปนานเกินไป ดังนั้นสิทธิ์ในการตัดสินใจจึงตกไปอยู่กับวิญญาณลวงตาโดยทันใด โดยการเปลี่ยนเป็นวิธีอื่น หากว่าผ่านบททดสอบได้สําเร็จ ก็จะสามารถได้รับการสืบทอด!
ถือว่าอี้เทียนหยุนนั้นโชคดี ที่มาถูกจังหวะในช่วงเปลี่ยนแปลงนี้ ทําให้ได้รับสิทธิ์ในการสืบทอด
และสิทธิ์ในการสืบทอดนั้นก็ง่ายมาก ขณะที่ปีนบันไดเทวะอยู่ จําเป็นต้องสัมผัสถึงเคล็ดวิชาเฉียนคนให้ได้ จากนั้นก็ปีนขึ้นไปถึงขั้นบนสุดให้สําเร็จ
ตัดสินจากเงื่อนไขที่แท้จริงแล้ว คงจําเป็นต้องสัมผัสได้ถึงเคล็ดวิชาเฉียนคุน 2 บทเสียก่อนถึงจะมีสิทธิ์เป็นผู้สืบทอด หมายความว่า ที่บันไดเทวะนั้นมีบทที่ 1 อยู่ จําเป็นต้องค่อยๆ ปืนขึ้นมา ที่ละขั้นอย่างช้าๆ พร้อมกับค่อยๆ รับวิชายุทธ์เข้ามา ไม่อย่างนั้น หากเก็บรวบรวมได้ไม่สมบูรณ์ ก็ เหมือนกับเดินขึ้นบันไดธรรมดา
ดังนั้น หากปืนขึ้นไปด้วยความเร่งรีบ ก็คงทําได้เพียงด่าตนเองว่าเป็นไอ้โง่เท่านั้น.
.