CLS ตอนที่ 512: สอบถาม
หลังจากอี้เทียนหยุนสวมหน้ากาก ไป๋สุ่ยหวงก็ทำการจ้องไปที่เขา นัยน์ตาคู่งามของเธอเต็มไปด้วยความตกใจ ขนาดเหยียนเอ๋อยังทำตาโตเมื่อมองเขา ราวกับไม่รู้จัก
“หน้ากากนี้มันอะไร ทำไมถึงได้มหัศจรรย์จัง? ข้าเคยเห็นหน้ากากแบบนี้มากมาก แต่ทุกอันก็สามารถมองทะลุผ่านได้โดยง่าย แต่ของเจ้ากลับยากที่จะมองผ่าน นี่มันช่างผิดปกติจริงๆ” ไป๋สุ่ยหวงประหลาดใจ “เจ้ามีหน้ากากแบบนี้อีกไหม? ข้ายินดีจะจ่ายให้อย่างงาม!”
“นี่…. ข้ามีแค่อันเดียว” อี้เทียนหยุนยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ นี่เป็นไอเท็มพิเศษที่เขาใช้ได้คนเดียว ไม่สามารถให้คนอื่นได้
หากว่าเป็นอาวุธหรืออย่างอื่นก็พอไหว แต่หากเป็นหน้ากากนี่ เขาคงให้ไม่ได้จริงๆ ถึงยังไงนี่ก็เป็นไอเท็มพิเศษ ไม่สามารถมอบให้คนอื่นได้ ก็เหมือนกันกับชุดเซ็ตมังกรมาร ที่ไม่สามารถให้คนอื่นใส่ได้
“น่าเสียดายจัง หากว่าข้ามีหน้ากากนี้นะ ข้าก็จะสามารถไปสอดแนมขุมอำนาจอื่นได้ตามใจ” ไป๋สุ่ยหวงส่ายหัว คิดว่าน่าเสียดายจริงๆ
อี้เทียนหยุนพูดไม่ออก แล้วพูดออกมาว่า “หัวหน้าเผ่า เรื่องการสอดแนมนี้ ทำไมไม่ให้คนอื่นในเผ่าไปทำ? ทำเองแบบนี้มันไม่เกินกำลังไปหน่อยเหรอ?”
เรื่องการสอดแนมพวกนี้อี้เทียนหยุนไม่ทำเองแน่นอน แต่จะให้เหล่าลูกน้องไปทำแทน ยิ่งกว่านั้น พวกเขายังทำได้ดีกว่าเขาด้วย หากมีจำนวนที่มากพอ ก็จะสามารถเก็บข้อมูลมาได้ในทันที
“ข้าไม่ได้ต้องการแค่ข้อมูลธรรมดา ที่ข้าต้องการคือทั้งหมด เพื่อที่จะได้ทำการกำจัดขุมอำนาจที่คุกคามเผ่าฟีนิกซ์ทั้งหมดให้หมดสิ้น!” ไป๋สุ่ยหวงกำหมัดแน่น นัยน์ตาคู่งามเต็มไปด้วยจิตสังหาร
จิตสังหารนี้ทำให้เหยียนเอ๋อกลัวจนถอยกลับมา พร้อมกับเกาะขาอี้เทียนหยุนแน่น เธออ่อนไหวต่อเรื่องแบบนี้มาก ดังนั้นจึงตกใจกลัวได้ง่าย
“ดูเจ้าทำเข้า เหยียนเอ๋อกลัวแล้วเห็นไหม” อี้เทียนหยุนลูบหัวน้อยๆ ของเหยียนเอ๋อ เขารู้ว่าในฐานะหัวหน้าเผ่า เธอจะต้องรับผิดชอบต่อเผ่าฟีนิกซ์ ดังนั้น จึงไม่อาจให้คนอื่นเข้าไปสอดแนมในขุมอำนาจของศัตรูตามใจ
เรื่องนี้หากเปลี่ยนเป็นเขาก็คงจะทำอย่างนี้ ดังนั้นจึงไม่ได้มีปัญหาอะไร
“งั้นตอนนี้ก็ลืมเรื่องนี้ไปก่อนแล้วกัน” ไป๋สุ่ยหวงมองไปที่เหยียนเอ๋อแล้วส่ายหัว จากนั้นก็พูดว่า “พวกเราไปดูกันว่าพวกเขามาเพื่อจะพูดอะไร”
อี้เทียนหยุนพยักหน้า จากนั้นก็ให้ปู๋เยี่ยนนำเหยียนเอ๋อไปเล่นกับเด็กคนอื่น พาพวกเขาไปเล่นนอกหอประชุม
และเพิ่งจะก้าวเข้ามาในหอประชุม อี้เทียนหยุนก็เห็นหมิงเฉินกำลังทำสีหน้าน่าเกลียดพร้อมกับกำลังนั่งจิบชาอยู่ไม่ไกล เมื่อเห็นว่าพวกเขามาแล้ว หมิงเฉินก็ทำสีหน้ากระจ่างใสในทันที พร้อมกับลุกขึ้นมาทักทายอย่างรวดเร็ว “คารวะหัวหน้าเผ่า ไม่คิดว่าท่านจะมาด้วยตัวเอง ถือเป็นเกียรติของข้าจริงๆ!”
ที่มาพร้อมกับหมิงเฉินก็เป็นผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ซึ่งมีระดับไม่ต่ำเลย เป็นถึงระดับราชาวิญญาณขั้นที่ 2 ซึ่งยืนนิ่งไม่พูดไม่จา
“ตามสบาย ไม่ทราบว่าที่มาในวันนี้มีเรื่องอะไรอย่างงั้นเหรอ?” ไป๋สุ่ยหวงทำสีหน้าขรึมๆ ไม่เค็มไม่จืด ทำให้ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“ใช่แล้ว ข้าที่อยู่ข้างนอกได้ยินว่าท่านแก้ปัญหาของถ้ำฟีนิกซ์ได้แล้ว จึงทำให้ข้ารู้สึกมีความสุขอย่างมาก สามารถแก้ปัญหานี้ได้ ไม่ทราบว่าวิญญาณร้ายตนนั้นได้ถูกจัดการไปแล้วหรือยัง? หรือว่าเป็นการผนึกอีกครั้ง?” หมิงเฉินยิ้ม สีหน้าดูแล้วเหมือนจริงใจ ทั้งยังแสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมา ราวกับว่าการแก้ปัญหานี้สำหรับพวกเขาคือความสุข
นี่ทำให้ในใจของอี้เทียนหยุนเต็มไปด้วยความรังเกียจ ช่างแสดงสีหน้าเก่งจริงๆ หากว่ามีความสุขจริง งั้นทำไมก่อนหน้านี้ถึงได้เรียกราคาสูงนัก ไม่แก้ปัญหาให้ฟรีไปเลยล่ะ?
“จัดการแล้วทำไม ผนึกแล้วทำไม?” ไป๋สุ่ยหวงพูดอย่างไม่แยแส จากนั้นก็พูดต่อว่า “เหมือนว่าข้าจะจำได้ว่า ผู้อาวุโสในเผ่าบอกข้าว่าเจ้าเปิดปากเรียกราคาสูงเสียดฟ้า จนยากที่พวกเราจะยอมรับ แล้วไม่ทราบว่ามาตอนนี้ มีเรื่องอะไรอย่างงั้นเหรอ?”
ไป๋สุ่ยหวงขี้เกียจเล่นละคร จึงพูดถามออกไปตรงๆ
“ที่เราเรียกราคาสูงก็มีเหตุผล การจะจัดการกับเปลวเพลิงนิรันดร์กับเพลิงเทียนหยินนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ความยากมันอยู่ที่การจัดการกับวิญญาณตนนี้ต่างหาก” หมิงเฉินพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “หากเป็นแค่ปัญหาเรื่องเปลวเพลิงนิรันดร์ พวกเราย่อมไม่เรียกราคาสูงอย่างแน่นอน แต่กับการจัดการกับวิญญาณร้ายแล้ว…. ราคาที่ต้องจ่ายย่อมต้องสูง เพราะมีโอกาสที่ผู้อาวุโสของพวกเราจะตายอยู่ด้านใน ดังนั้นราคาที่เรียกจึงไม่สามารถต่ำได้”
“ที่มาในคราวนี้ก็เพื่อมาสอบถามผลลัพธ์ หากว่าจัดการกับวิญญาณร้ายไปแล้วข้าก็ขอยินดีด้วย ที่เผ่าฟีนิกซ์สามารถจัดการกับปัญหาใหญ่กวนใจได้สักที”
“หากว่ายังจัดการไม่ได้ แต่ทำการผนึกไว้ นี่ก็จะเป็นปัญหาใหญ่ เพราะก่อนหน้านี้จากที่ข้าดู ต่อให้จะฝืนผนึกเอาไว้ได้ แต่หลังจากนี้ก็จะหลุดออกมาได้อีก และคราวนี้จะยิ่งร้ายแรงยิ่งกว่าก่อนหน้า หากว่ายังไม่จัดการ พวกเราก็มีวิธี ทั้งยังจะลดราคาลงให้ครึ่งหนึ่ง เพราะพวกท่านได้ผนึกวิญญาณตนนี้ไปแล้ว จึงทำให้วิธีของพวกเราลดความยากลงนิดหน่อย จึงสามารถลดราคาให้ได้”
หมิงเฉินมองพวกเขาด้วยรอยยิ้ม ดูเหมือนคนเป็นศัตรูกันที่ไหน ดูแล้วเหมือนต้องการช่วยเพื่อนต่างหาก ต้องการช่วยพวกเขาจัดการปัญหาเรื่องวิญญาณร้ายให้สมบูรณ์
แต่เพราะว่ารู้แผนการของพวกเขา ดังนั้นจึงทำให้ในใจของทุกคนเต็มไปด้วยความรังเกียจ กระทั่งอี้เทียนหยุนเองก็เช่นกัน ลดราคาลงครึ่งหนึ่ง หากว่าให้พวกเขาไป นั่นคงถึงจุดจบแล้ว!
จากนั้น หมิงเฉินก็หันมามองอี้เทียนหยุนพร้อมกับถามอย่างสงสัยว่า “สหายผู้นี้คงเป็นผู้ช่วยที่ถูกเชิญมาสินะ?”
ที่จริงแล้ว อี้เทียนหยุนก็รู้สึกได้ว่าตั้งแต่เข้ามาในนี้ หมิงเฉินก็ได้แอบทำการสำรวจตัวเขาอยู่หลายรอบ ต้องการจะมองทะลุทุกอย่างในตัวเขา แต่ดีที่หน้ากากร้อยแปลงสามารถปกปิดได้อย่างสมบูรณ์ ไม่อย่างนั้นคงจะเกิดปัญหาขึ้นจริงๆ
แม้ว่าจะไม่สามารถมองอี้เทียนหยุนออก แต่ก็เห็นว่าเขาไม่ใช่เผ่าฟีนิกซ์อย่างแน่นอน ซึ่งนี่ก็เป็นเรื่องที่ธรรมดามาก เพราะว่าหน้ากากร้อยแปลงนั้น สามารถเปลี่ยนแปลงได้เพียงรูปร่างหน้าตาเท่านั้น แต่ไม่สามารถเปลี่ยนเผ่าได้
ซึ่งฟังก์ชันนี้ยังไม่มีก่อนชั่วคราว พูดได้ว่าในตอนนี้ยังไม่สามารถเปิดระบบอื่นของหน้ากากนี้ออกมาได้
ดังนั้น เขาจึงเห็นว่าอี้เทียนหยุนเป็นเผ่ามนุษย์ และยิ่งกว่านั้น เมื่อเรื่องนี้แพร่ออกไป เขาก็สามารถเดาได้ทันทีว่าอี้เทียนหยุนคือผู้ช่วยที่ถูกเชิญมา
“ไม่ทราบว่ามีอะไรอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนยังคงสงบ แม้ว่าจะเกลียดชังเขา แต่ก็ไม่ได้ไร้ซึ่งเหตุผล ถึงยังไงเรื่องก็ยังไม่เกิด ดังนั้นจึงต้องทำเป็นเฉยไปก่อนชั่วคราว
ด้วยระดับของเขาในตอนนี้ มีโอกาสสูงที่เขาจะจัดการกับหมิงเฉินได้ในหมัดเดียว! แต่ตอนนี้ภายนอกยังคงแสดงว่าร่วมมือกันอยู่ หากว่าจัดการกับหมิงเฉินตอนนี้ มันจะทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงมีข้ออ้างเข้ามาโจมตี
ยังไงก็ตาม ในใจของเขาก็ได้คิดวิธีจัดการอีกฝ่ายไว้แล้ว
“ไม่มีอะไร ข้าก็แค่ถามดู ไม่ทราบว่าจัดการกับวิญญาณร้ายไปแล้วอย่างงั้นเหรอ?” นัยน์ตาของเขามีจิตสังหารวาบผ่านเบาๆ แต่ก็แค่พริบตาเดียวเท่านั้น ทำให้ไม่สามารถมองเห็นอะไรจากใบหน้าของเขา
เขาสอบถามเรื่องของวิญญาณร้ายต่อ เหมือนกังวลว่าวิญญาณร้ายจะถูกจัดการไปแล้ว หากว่าถูกจัดการไปแล้ว นั่นก็เหมือนกับว่าได้ทำลายแผนการของเขาไปโดยสมบูรณ์
“ตายแล้ว ถูกพวกเราจัดการไปแล้ว” ไป๋สุ่ยหวงพูดอย่างไม่แยแส
เธอไม่พูดความจริง ทั้งยังไม่ต้องการพูดความจริงกับคนที่เป็นศัตรูด้วย
“อะไรนะ ตายแล้ว!?” ในสายตาของหมิงเฉินเผยให้เห็นร่องรอยแห่งความตกใจ ผู้ฝึกตนที่อยู่ใกล้ๆ ก็แสดงสีหน้าตกใจออกมาเช่นกัน ราวกับเรื่องที่วิญญาณร้ายถูกจัดการเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ
จากสีหน้าของพวกเขา ไม่ต้องสงสัยแล้วว่าจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับวิญญาณร้ายอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้น คงไม่แสดงสีหน้าตกใจออกมาอย่างนี้หรอกจริงไหม?