CLS ตอนที่ 501: ซ่อมแซมอย่างบ้าคลั่ง!
วิญญาณร้ายทำการปลดปล่อยพลังอย่างบ้าคลั่ง จนก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับพื้นด้านล่าง ดังนั้น พวกผู้อาวุโสใหญ่จึงไม่สามารถต้านทานได้ ทำได้เพียงลดแรงกดดันที่โจมตีเข้ามาเท่านั้น ไม่อย่างนั้น ผลของการโจมตีจะต้องสูงกว่านี้อย่างแน่นอน
พร้อมๆ กับการต้านทานอย่างสุดฤทธิ์ ขณะเดียวกัน วิญญาณร้ายก็ได้ทำการทำลายค่ายกลที่เหลืออย่างรวดเร็ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ความเร็วในการทำลายนั้นเพิ่มสูงขึ้นมาก ต่างก็เริ่มพังทลายไปทีละอันสองอัน!
“ผู้อาวุโสใหญ่ ตอนนี้พวกเราจะทำยังไงกันดี เป็นอย่างนี้พวกเราจะต้านทานการโจมตีไม่ไหวเอานะ หากว่าเข้าไปใกล้การโจมตีนั้นได้คงจะดี แต่ว่าหากเข้าไปในตอนนี้ กลัวว่าคงจะอันตรายยิ่งกว่า…..” ผู้อาวุโสลั่วกับพวกพากันหนักใจ ตอนนี้สถานการณ์รุนแรงมาก หากว่าเขาปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป กลัวว่าจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้อีก
“ดูเหมือนคงได้แต่ทำอย่างนี้เท่านั้น….” ผู้อาวุโสใหญ่สูดหายใจเข้าลึก พร้อมกับดวงตาที่เต็มไปด้วยการตัดสินใจ เขาเตรียมที่จะสังเวยชีวิตตัวเองเพื่อสิ่งนี้
“ผู้อาวุโสใหญ่….” พวกเขาพากันเผยแววตาที่โศกเศร้าออกมา พวกเขาไม่อยากให้เป็นอย่างนี้เลย
“พวกเจ้าเตรียมปลดปล่อยแก่นโลหิตราชวงศ์ฟีนิกซ์ซะ สิ่งนี้จะช่วยสะกดพลังชั่วร้ายเอาไว้ได้ เมื่อถึงตอนนั้น การซ่อมแซมค่ายกลก็จะเร็วขึ้นอีก!” ผู้อาวุโสใหญ่พูดอย่างจริงจัง
“คือว่า ผู้อาวุโสใหญ่…..” ในตอนนี้เอง เสียงของผู้อาวุโสเหลยก็แปลกไป
“มีอะไร?” พวกเขาพากันมองไปที่ผู้อาวุโสเหลย แล้วก็พบว่ามือของผู้อาวุโสเหลยกำลังชี้ไปที่ด้านข้าง ทำให้พวกเขามองตามทางนั้นไป
เมื่อหันไปมอง ผู้อาวุโสใหญ่กับพวกก็พากันตกตะลึง ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่อี้เทียนหยุนได้ซ่อมค่ายกลเสร็จไปมากมายขนาดนั้น! ความเร็วในการซ่อมแซมของเขานั้นน่าตื่นตะลึงอย่างมาก เพียงแค่เกือบอึดใจก็ซ่อมเสร็จแล้ว กระทั่งความเร็วในการทำลายยังเทียบไม่ได้กับความเร็วซ่อมแซมของเขา ความเร็วในการซ่อมแซมนี้ บดขยี้การทำลายค่ายกลของวิญญาณร้ายโดยสมบูรณ์ พูดได้ว่า ทิ้งห่างกันหลายช่วงถนน!
“นี่ ความเร็วนี้มัน การซ่อมแซมค่ายกลมันทำได้เร็วขนาดนี้เชียว?” พวกเขาพากันตกใจ พวกเขาก็คิดว่าผู้อาวุโสเหลยเจอเรื่องร้ายแรงอะไร จึงได้เรียกให้พวกเขาดู แต่พอดูแล้วมันก็ร้ายแรงจริงๆ นั่นล่ะ!
ความเร็วในการซ่อมแซมนี้น่าตกตะลึงถึงขีดสุด มือที่วาดอาคมลงไปเร็วจนเห็นเป็นภาพติดตา! ความจริงความเร็วแบบนี้ก็ไม่ได้มีอะไรหรอก เพียงแต่ที่สำคัญคือ ค่ายกลที่เขากำลังซ่อมแซมอยู่คือค่ายกลระดับปรมาจารย์ ยิ่งกว่านั้น ความแม่นยำของเขายังไม่เคยก่อให้เกิดความผิดพลาดแม้แต่น้อย!
การซ่อมแซมของเขาดูแล้วเหมือนง่าย ค่ายกลพวกนี้สำหรับเขาแล้ว ถือเป็นเรื่องง่ายๆ จะให้ซ่อมแซมจนเสร็จย่อมไม่มีปัญหา
พร้อมๆ กันนั้น ในหูของเขาก็พลันได้ยินเสียงรายงานของระบบดังมาไม่ขาดสาย ยามเมื่อเขาซ่อมแซมค่ายกลแต่ละอันสำเร็จ
“ยินดีด้วย ท่านทำการซ่อมแซมค่ายกลระดับปรมาจารย์สำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 2 ล้าน, ค่าความชำนาญ 3,000!”
“ยินดีด้วย ท่านทำการซ่อมแซมค่ายกลระดับปรมาจารย์สำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 3 ล้าน, ค่าความชำนาญ 5,000!”
“ยินดีด้วย…..”
ค่ายกลแต่ละอันมีความเสียหายแตกต่างกัน ดังนั้นค่าประสบการณ์ที่ได้จึงแตกต่าง อี้เทียนหยุนทำการซ่อมแซมค่ายกลไม่หยุด ยิ่งมายิ่งร้ายกาจ ความเร็วยิ่งมายิ่งเร็วขึ้น ความเร็วในการสลักอาคมเพิ่มขึ้น 16 เท่า ไม่ใช่ของที่เอามาพูดเล่นกันได้
ขนาดเขาเองยังตกใจกับความเร็วนี้เลย กระทั่งยังเร็วกว่าวิชาลับอย่างกลสามอักษรของจริงเสียอีก
“นี่ นี่มันอะไรกัน เจ้า เจ้าเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงได้ซ่อมแซมค่ายกลได้เร็วขนาดนี้!?” วิญญาณร้ายกรีดร้องออกมา เขาคิดว่าความเร็วในการทำลายของตนนั้นน่าสะพรึงมากพอแล้ว แต่ตอนนี้กลับพบว่ามนุษย์คนนั้นกลับซ่อมแซมค่ายกลด้วยความเร็วที่น่าสะพรึงยิ่งกว่า
ความเร็วของเขาเมื่อเทียบกับการทำลายของเขาแล้วเร็วกว่า เขาทำลายไปได้หนึ่ง แต่อี้เทียนหยุนกลับซ่อมแซมเสร็จไป 4-5 อัน หรือกระทั่ง 7-8 อัน นี่ก็คือความห่างชั้น!
สีหน้าแห่งความเย่อหยิ่งของเขาเมื่อก่อนหน้าพลันสลายลงทันที ทั้งสองฝ่ายไม่มีอะไรให้เทียบกันได้เลย
อี้เทียนหยุนไม่อยากจะเสียแก่นโลหิตราชวงศ์ฟีนิกซ์ไปอย่างเสียเปล่า ดังนั้นจึงได้ทำการซ่อมแซมอย่างรวดเร็ว ทำให้พลังชั่วร้ายที่ปล่อยออกมาจากพื้นถูกสะกดไว้ รีบซ่อมแซมค่ายกลเพื่อสะกดวิญญาณร้ายตนนี้!
“จงดูซะ เมื่อเทียบกับข้าแล้ว เจ้ามันก็แค่ขยะ” อี้เทียนหยุนตาเป็นประกายอย่างต่อเนื่อง แม้เขาจะเทียบกับวิญญาณร้ายด้านพลังฝึกตนไม่ได้ แต่หากเป็นด้านการซ่อมแซมค่ายกลแล้วล่ะก็ เขาไม่มีทางปล่อยให้ใครเหนือกว่าอย่างเด็ดขาด!
ไม่มีใครสามารถข้ามผ่านความเร็วของเขาได้อย่างแน่นอน นอกจากจะเป็นระดับผู้สร้างมาเอง ไม่อย่างนั้น ปรมาจารย์สลักอาคม เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็เป็นได้แค่ขยะ!
“นี่ นี่เป็นไปไม่ได้ ปรมาจารย์สลักอาคมจะซ่อมแซมค่ายกลได้เร็วขนาดนี้ได้ยังไง…..” วิญญาณร้ายไม่เชื่อเรื่องตรงหน้า อุตส่าห์คิดว่าจะหลุดออกมาได้แล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนคงต้องถูกสะกดไว้ต่อไป
ค่ายกลเริ่มถูกซ่อมแซมเสร็จมากขึ้นทุกที ทำให้พลังของเขาถูกสะกดเพิ่มทุกขณะ กลิ่นอายที่น่าสะพรึงที่มีอยู่ก่อนหน้า ตอนนี้เริ่มอ่อนแอลงมากแล้ว หากเป็นอย่างนี้ต่อไป ไม่จำเป็นต้องใช้แก่นโลหิตราชวงศ์ฟีนิกซ์ ก็สามารถสะกดวิญญาณร้ายตนนี้ได้
หลังจากกลิ่นอายของเขาอ่อนแอลง เพลิงเทียนหยินที่ปลดปล่อยออกมาก็ลดลง พูดได้ว่าแทบจะไม่สามารถปล่อยออกมาได้อีก เขาไม่สามารถปล่อยออกมาได้ต่อเนื่องอยู่แล้ว เพราะพลังของวิญญาณร้ายก็มีจำกัดเช่นกัน หากว่าใช้จนหมด เขาก็ไม่มีทางหลุดออกมาได้
“นั่นก็เพราะประสบการณ์ของเจ้ามันน้อยเกินไปยังไงล่ะ เจ้าโง่!” อี้เทียนหยุนพ่นคำดูถูกออกไป ขณะที่ทำการซ่อมแซมต่อ
เมื่อถูกว่าอย่างนี้ วิญญาณร้ายก็เริ่มคลั่งขึ้นมา มันทำการปะทุเพลิงเทียนหยินออกมาจำนวนมาก พร้อมกับสั่งให้เปลวเพลิงโหมลุกเข้ามาที่นี่ เป็นการดิ้นรนเฮือกสุดท้าย!
ยังไงก็ตาม ผู้อาวุโสใหญ่กับพวกก็ได้ขวางเอาไว้ ตอนนี้พลังของมันอ่อนแอลงมาเพราะถูกสะกด ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถต้านทานไว้ได้อย่างง่ายดาย
“ที่นี่ปล่อยพวกเราจัดการเอง เจ้าสนใจแต่เรื่องซ่อมแซมค่ายกลก็พอ!”
พวกเขาพากันขวางอยู่ด้านหน้าอี้เทียนหยุน ตอนนี้พวกเขาไม่กลัวพลังชั่วร้ายนี้แล้ว ทั้งยังสามารถต้านทานได้อย่างง่ายดาย อย่าว่าแต่พวกเขาไม่กลัวเลย ตัวอี้เทียนหยุนเองก็ไม่กลัวเช่นกัน ภายใต้การสะกดของค่ายกล ทำให้พลังของมันอ่อนแอลงช่วงใหญ่
เขาอยากจะลองดูดกลืนการโจมตีนี้ แล้วจากนั้นก็ค่อยทำการซ่อมแซมค่ายกลต่อ แต่สุดท้ายก็ได้แต่ทิ้งความคิดนี้ไป เพราะตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการซ่อมแซมค่ายกล ซึ่งไม่สามารถถ่วงเวลาให้ล่าช้าได้ เพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุที่ไม่จำเป็น
ยิ่งมา การซ่อมแซมยิ่งเร็วขึ้น เสียงของวิญญาณที่ส่งออกมาก็มีพลังอ่อนแอลงเรื่อยๆ พร้อมๆ กับค่ายกลที่ทยอยซ่อมแซมเสร็จอย่างช้าๆ พลังส่วนใหญ่ของเขาก็ได้ถูกสะกดเอาไว้
พวกเขาพากันเข้าไปใกล้รูปปั้นฟีนิกซ์นี้อย่างรวดเร็ว ในตอนนี้พลังของวิญญาณร้ายได้อ่อนแอลงมาก ดังนั้นจึงไม่สามารถสร้างการโจมตีที่เป็นอันตรายใดใดต่อพวกเขาได้อีก
“ในตอนนี้ เจ้าจะต้องถูกพวกเราสะกดไว้อีกครั้งอย่างแน่นอน….” ในใจพวกผู้อาวุโสใหญ่พากันมีความสุข ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้อย่างราบรื่นเลยทีเดียว
“เจ้าพวกขยะ หยุดความคิดที่จะสะกดข้าซะ จงหยุดความคิดทุกอย่างลง!” ร่างเงาของวิญญาณร้ายโผล่ขึ้นมากลางอากาศ พร้อมกับส่งความรู้สึกที่น่าสะพรึงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ออกมา
ไม่คิดว่าในจังหวะสุดท้ายนี้ เขาจะยังสามารถโผล่ออกมาได้อีก แถมยังปลดปล่อยพลังที่น่าสะพรึงออกมาด้วย ทำให้พวกผู้อาวุโสใหญ่พากันสั่นสะท้านในใจ นี่มันพลังระดับราชาเซียน ต่อให้ถูกสะกดไว้ แต่เงาร่างนี้ก็ยังคงสามารถปลดปล่อยพลังที่น่าสะพรึงขนาดนี้ออกมาได้อยู่ดี
“ข้าเลือกเจ้า…. จงกลายมาเป็นร่างของข้าซะ!”
วิญญาณร้ายกระโจนเข้าใส่อี้เทียนหยุนในทันที ความเร็วของมันนั้นเร็วมาก ราวกับเป็นแผนการที่คิดมาแล้ว ขณะที่พวกเขาคิดว่ามันอ่อนแอ มันก็ทำการกระโจนเข้าใส่ในทันที หวังจะสิงร่างมนุษย์ผู้นี้แล้วหนีออกไป หรือไม่ก็ส่งต่อจิตวิญญาณบางส่วนไป
อี้เทียนหยุนสีหน้าเย็นชา แต่ในขณะที่กำลังจะใช้เคล็ดวิชากลืนสวรรค์กับวิญญาณร้ายตนนี้ ฉายาผู้ส่งวิญญาณก็ได้ปลดปล่อยลำแสงสีทองออกมาครอบตัวเขาไว้เสียก่อน
“เปรี้ยง!”
วิญญาณร้ายตนนี้พลันกระแทกเข้าใส่กับลำแสงสีทองในทันใด พร้อมกับส่งเสียงกรีดร้องออกมา ก่อนที่จะกระเด็นกลับไปอย่างน่าสมเพช จนกระแทกใส่กำแพงเป็นหลุมขนาดใหญ่! จากนั้นก็กรีดร้องออกมา ก่อนที่จะกลายเป็นหมอกมุดลงไปในดิน เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บหนัก!
“ฉายาผู้ส่งวิญญาณนี้ ช่างใช้งานได้ดีจริงๆ!” อี้เทียนหยุนไม่จำเป็นต้องสวนกลับ ก็สามารถสยบวิญญาณร้ายนี้ได้!