CLS ตอนที่ 405: กองทัพเข้าจู่โจม!
“น้องอี้ นี่เจ้าสามารถควบคุมสมบัติลับเทียนหลงได้ด้วย?” ในสายตาของเริ่นหลงเผยให้เห็นถึงความตกใจ ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นจากบัลลังก์มังกร พร้อมกับสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข!
ตราบเท่าที่คนของฝั่งตนสามารถควบคุมสมบัติลับเทียนหลงได้ นั่นก็เท่ากับช่วยเพิ่มโอกาสอย่างมากให้กับพวกเขา นั่นหมายความว่าพวกเขาสามารถปลดปล่อยพลังที่แข็งแกร่งขึ้นได้ ทั่วทั้งสมบัติลับเทียนหลงล้วนแต่เต็มไปด้วยชีพจรวิญญาณ ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าจะขาดแคลนพลังวิญญาณ แต่ว่าปัญหาที่ใหญ่ที่สุดก็คือว่าจะทำยังไงถึงจะปลดปล่อยพลังของมันออกมาให้ได้มากที่สุด ทั้งยังต้องให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วย
“เรื่องนี้…..” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม “นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่ข้าจะออกไปข้างนอก ข้าก็ไม่คิดว่าจื่อโหรวจะยังไม่บอกเรื่องนี้กับท่าน”
“น้องสาว เจ้า…..” เริ่นหลงถลึงตาใส่เธอคราหนึ่ง เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมไม่บอกเขา
“ข้าก็แค่อยากจะรอก่อน หลังจากนั้นค่อยบอกทีหลัง ไม่ได้คิดว่าจะต้องมาพูดตรงนี้ นี่เป็นไพ่เด็ดของเรา แต่ใครจะรู้ว่าคนพวกนี้จะไม่ยอมรับในความแข็งแกร่งของพี่อี้?” เริ่นจื่อโหรวพูดด้วยรอยยิ้ม
จากนั้น คนทั้งหลายก็ค่อยๆ ฟื้นคืนจากความตกใจ ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะถูกจัดการด้วยการแสดงการควบคุมสมบัติลับเทียนหลงในครั้งนี้ นี่ทำให้พวกเขารู้สึกตกใจจริงๆ พวกเขารู้ถึงความแข็งแกร่งของสมบัติลับเทียนหลงเป็นอย่างดี ยิ่งมีผู้ที่สามารถใช้มันได้มากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งแสดงพลังที่ออกมาได้มากเท่านั้น
ในเมื่อเงื่อนไขที่สำคัญที่สุดได้ถูกแก้ไปแล้ว ก็ถือว่าผ่าน หลังจากนี้เขาจะกลายเป็นหนึ่งในผู้สืบทอด แม้ว่าหลังจากนี้จะไม่สามารถกลายเป็นจักรพรรดิ แต่อย่างน้อยการจะขึ้นเป็นแม่ทัพหรืออื่นๆ ล้วนไม่ใช่ปัญหา
เมื่อเรื่องทุกอย่างได้มาถึงตอนนี้ การที่อี้เทียนหยุนจะขึ้นเป็นองค์ชาย แน่นอนว่าไม่มีปัญหา ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นเรื่องที่สะดวกสบายอย่างมาก
“นี่…. หรือว่าเขาก็มีสายเลือดตระกูลเริ่นเหมือนกัน?”
“ใช่ หรือว่าเขาจะมีสายเลือดมังกรสวรรค์?”
“จริงเหรอ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง การที่เขาจะเป็นองค์ชาย ย่อมไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน…..”
พวกเขากลายเป็นพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี ตอนนี้ในใจของพวกเขาต่างก็พากันคาดเดา หรือว่าอี้เทียนหยุนจะเป็นคนของตระกูลเริ่น? อาจจะเป็นลูกนอกสมรส หรือไม่ก็เป็นญาติของตระกูลเริ่น
ตั้งแต่แรกเริ่มเดิมที นี่ก็เป็นสิ่งที่มีเฉพาะตระกูลเริ่นเท่านั้นที่จะควบคุมได้ คนอื่นอย่าได้หวัง ดังนั้น พวกเขาจึงได้มีการคาดเดาเรื่องนี้ขึ้นมา แต่ไม่ว่าเรื่องจะเป็นยังไง เสียงที่คัดค้านก็ไม่มีดังออกมาอีก ถือเป็นการยอมรับอีกทางหนึ่ง เพราะเรื่องนี้ หากให้เทียบกับอำนาจบารมีอะไรนั่น ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า
เพราะคนที่สามารถควบคุมสมบัติลับเทียนหลงได้ ยังจำเป็นต้องถามหาคุณความดีอยู่อีกเหรอ? แค่สามารถควบคุมสมบัติลับเทียนหลงได้ ก็ถือว่าเป็นคุณความดีที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง
ตอนแรกนั้น คุณความดีของเริ่นหลงเมื่อเทียบกับอัครเสนาบดีหลงแล้ว ถือว่าต่างกันมาก แต่ว่าหลังจากที่เขาสามารถควบคุมสมบัติลับเทียนหลงได้ การนั่งในตำแหน่งจักรพรรดิก็กลายเป็นเรื่องที่ราบรื่นอย่างมาก ก็เหมือนกับบททดสอบเพื่อเป็นราชาวิญญาณ หากไม่ผ่าน ต่อให้จะมีความสามารถหรือพรสวรรค์ดีเด่นแค่ไหน ก็เป็นได้เพียงระดับผู้อาวุโส ไม่สามารถกลายเป็นราชาวิญญาณได้
“ไม่ทราบว่าน้องอี้เต็มใจที่จะเป็นองค์ชายของอาณาจักรเทียนหลงของข้าหรือไม่?” เริ่นหลงพูดพร้อมกับยิ้มคลุมเครือ
“พี่ใหญ่เริ่น นี่นับเป็นเกียรติของข้า!” อี้เทียนหยุนแน่นอนว่าย่อมดีใจ สามารถกลายเป็นองค์ชายของอาณาจักรเทียนหลง นับว่าทำให้เขาได้เปรียบอย่างมาก แล้วเขาจะไม่ดีใจได้ยังไง?
“งั้นตั้งแต่วันนี้ไป น้องอี้ก็คือองค์ชายของอาณาจักรเทียนหลงของข้า มอบตำหนักทางเหนือของเมืองหลวงใต้พิภพให้เป็นที่พำนักขององค์ชายอี้!” เริ่นหลงประกาศขึ้นมาทันที นอกจากจะมอบตำแหน่งให้แล้ว ยังมอบที่พักให้อีกด้วย
“คารวะองค์ชายอี้!”
พวกเขาพากันร้องออกมา แม้ว่าจะเหมือนช่วยไม่ได้ แต่ตอนนี้ก็ทำได้เพียงเชื่อฟังเท่านั้น เมื่อพลังอำนาจได้รับการพิสูจน์ ตำแหน่งก็ได้ถูกแต่งตั้ง เรื่องกฎพวกเขาก็รับรู้ จึงทำได้เพียงตอบรับเท่านั้น
“เรื่องนี้ถือว่าได้ข้อสรุปแล้ว ตอนนี้องค์ชายอี้ก็สามารถควบคุมสมบัติลับเทียนหลงได้แล้ว เมื่อถึงคราวที่อัครเสนาบดีหลงโจมตีมา พวกเขาก็มีโอกาสที่จะป้องกันสำเร็จสูงขึ้น อย่างน้อยก็ไม่ตกอยู่ในตำแหน่งที่ด้อยกว่า!” เริ่นหลงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เหล่าขุนนางที่รวมตัวกัน รวมถึงเจ้าตระกูลทั้งหลายต่างก็พากันสงสัย
“อัครเสนาบดีหลงจะโจมตีเข้ามาจริงๆ? เขาเป็นพระปิตุลาขององค์จักรพรรดิ เขาจะทำเรื่องนี้ได้ยังไง?”
“แล้วยังร่วมมือกับอาณาจักรใต้พิภพด้วย นี่เป็นไปได้เหรอ? ใครๆ ก็รู้ว่าอัครเสนาบดีหลงมีชื่อเสียงว่าเป็นมือสังหารอาณาจักรใต้พิภพ เขาได้สังหารผู้รุกรานไปเป็นจำนวนมาก”
ปราศจากหลักฐานที่แน่นหนา พวกเขาย่อมคิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้ อย่างดีก็แค่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“หกพี่น้องมังกรเฟิงแน่นอนว่าย่อมเป็นคนของอัครเสนาบดีหลง ต่อให้เขาจะไม่ร่วมมือกับอาณาจักรใต้พิภพ แต่เพียงแค่จุดนี้ ก็มากพอที่เขาจะเป็นอาชญากรของอาณาจักร!” เริ่นหลงพูดอย่างเย็นชา “แม้ว่าเขาจะได้ชื่อว่าเป็นลุงของข้า แต่ก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด หรือต่อให้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด อาชญากรรมที่ใหญ่หลวงนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาดิ้นไม่หลุด!”
ขุนนางทั้งหลายต่างก็พากันมองหน้ากันด้วยสีหน้าว่างเปล่า หกพี่น้องมังกรเฟิงเป็นลูกน้องภายใต้อัครเสนาบดีหลงจริงๆ เรื่องนี้ พูดได้เพียงว่า เป็นการกระทำที่ชั่วร้ายจริงๆ
และในขณะที่พวกเขากำลังถกเถียงกันอยู่นั้น ก็ได้มียามรีบวิ่งเข้าจากด้านนอกอย่างรีบร้อน พร้อมกับตะโกนเสียงดังว่า “แย่แล้ว แย่แล้ว…. อัครเสนาบดีหลงนำกองทัพมาแล้ว แถมยังมีราชครูของอาณาจักรใต้พิภพด้วย!”
เมื่อได้ฟังอย่างนั้น ทุกคนก็พากันตกใจ
“ราชครูของอาณาจักรใต้พิภพมา นี่เจ้าไม่ได้ดูผิดไปหรอกนะ?” เริ่นหลงถาม
“ไม่ได้ดูผิดอย่างแน่นอนพะยะค่ะ เป็นราชครูของอาณาจักรใต้พิภพจริงๆ ธงของเขายังโบกสะบัดอยู่ทางด้านนั้น แถมยังเคียงบ่าเคียงไหล่มาพร้อมกับอัครเสนาบดีหลงด้วย! แถมกองทัพทั้งหมดยังมุ่งมาที่นี่ พวกเขาเตรียมที่จะกรีฑาทัพเพื่อโจมตีอาณาจักรของเรา…..”
ข้อมูลของหน่วยสอดแนมนี้พิเศษมาก กระทั่งได้ข่าวของราชครูของอาณาจักรใต้พิภพมา
“เจ้าสารเลวนั่น มันร่วมมือกับอาณาจักรใต้พิภพจริงๆ ถึงกับกล้าชักศึกเข้าบ้าน!” เริ่นหลงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว “เตรียมตัวรับศึก!”
“พะยะค่ะ!”
เหล่าขุนนางทั้งหลายขานรับเป็นเสียงเดียวกัน ในสายตาเต็มไปด้วยความโกรธ บางคนที่สงสัยเมื่อก่อนหน้ากลายเป็นโกรธ บางคนยังมีความหวังต่ออัครเสนาบดีหลงอยู่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะดูผิดไป อัครเสนาบดีหลง ที่แท้เขาก็เป็นกบฏตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“พวกเราไปที่นอกประตูเมือง ไปรอต้อนรับพวกเขา!” เริ่นหลงพยักหน้าให้พวกเขา จากนั้นก็พาคนบินไปยังด้านนอก
อี้เทียนหยุนและเริ่นจื่อโหรวก็บินตามไปด้วยกัน อย่างรวดเร็ว พวกเขาก็บินออกไปนอกกำแพงเมืองที่ตั้งตระหง่าน พร้อมกับพากันมองไปยังข้างหน้าที่ห่างไกล กระทั่งมองเห็นกลุ่มคนที่บินตรงมาที่นี่อย่างคลุมเครือ จำนวนผู้เชี่ยวชาญที่บินมามีจำนวนนับไม่ถ้วน เห็นได้ชัดว่าเป็นทางกองทัพส่งมา
ครั้งนี้แน่นอนว่าเป็นสงครามเป็นตาย ไม่อาณาจักรเทียนหลงตกไปอยู่ในเงื้อมมือของศัตรู ก็ต้องเป็นทางฝั่งอัครเสนาบดีหลงถูกกลบฝังอยู่ที่นี่!
“เปิดใช้งานค่ายกลมังกรสวรรค์!”
เริ่นหลงเริ่มใช้พลังสมบัติลับเทียนหลง อย่างรวดเร็ว ทั่วทั้งเมืองหลวงก็สั่นสะเทือน ลำแสงพวยพุ่งออกมาจากพื้น อย่างรวดเร็วก็ปกคลุมทั่วทั้งเมืองหลวงไว้ข้างใน กลายเป็นหมวกเกราะขึ้นปกป้อง ไม่สามารถทำลายได้
“คำเยิ่นเย้อคงไม่ต้องพูด น้องอี้ ครั้งนี้คงต้องรบกวนพลังของเจ้า ช่วยพวกเราจัดการกับกองทัพกบฏพวกนี้ด้วยกัน!” ในสายตาของเริ่นหลงเต็มไปด้วยประกายไฟแห่งการต่อสู้
“พี่ใหญ่ ท่านลืมข้าไปแล้วเหรอ?” เริ่นจื่อโหรวพูดด้วยรอยยิ้มสว่างไสว
“แน่นอนว่าไม่ลืม แต่น้องอี้เพิ่งเข้าร่วมอาณาจักรเทียนหลงเรา ก็ต้องมาเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างนี้ หากตกไปอยู่ในเงื้อมมือศัตรู น้องอี้…. เจ้าพาน้องสาวหนีไปเถอะ” เริ่นหลงพูดอย่างจริงจัง
“พี่ใหญ่…..” ในขณะที่เริ่นจื่อโหรวอยากจะพูดอะไรนั้น อี้เทียนหยุนก็ได้พูดแทรกขึ้นมา
“คำพูดนี้ยังคงเร็วเกินไป มีพวกเราทั้งสามคนอยู่ พวกเขาทำอะไรไม่ได้หรอก!” อี้เทียนหยุนมองไปยังศัตรูที่กำลังใกล้เข้ามา เขาเห็นพวกนั้นเป็นเพียงค่าประสบการณ์กองใหญ่เท่านั้น