CLS ตอนที่ 249: อวดดีแล้วทำไม
วิชาครวญวิญญาณถือเป็นวิชาที่อำมหิตอย่างมาก เป็นการฝืนบังคับเพื่อตรวจสอบความทรงของคนอื่น แต่จะค้นได้มากน้อยแค่ไหนนั้นสุดจะรู้ได้ แต่ก็มั่นใจได้เล็กน้อย ส่วนผู้ที่ถูกวิชาครวญวิญญาณเข้าไป สุดท้ายแล้วล้วนแต่กลายเป็นคนปัญญาอ่อนไปเสียฉิบ และต่อให้ไม่กลายเป็นคนปัญญาอ่อน ก็จะต้องประสบกับอาการบาดเจ็บทางวิญญาณ ซึ่งจะส่งผลต่อการฝึกตนในภายภาคหน้า
เมื่อจิตวิญญาณไม่สมบูรณ์ ความเร็วในการฝึกฝนย่อมตกลงเป็นธรรมดา รวมถึงความตระหนักรู้ด้วย สามารถพูดได้ว่าเป็นวิชามารแขนงหนึ่ง ส่วนที่อาณาจักรใต้พิภพรู้จักวิชาครวญวิญญาณนี้นั้นถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะว่ามีหลักฐานปรากฏอยู่หลายครั้งแล้ว
พวกผู้อาวุโสใหญ่พากันหน้าเปลี่ยนสี ไม่ว่าเจ้าจะรู้หรือไม่ เมื่อถูกวิชาครวญวิญญาณเข้าไปเดี๋ยวก็รู้เอง
สีหน้าของอี้เทียนหยุนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง การที่พวกเขาจะใช้วิธีที่ชั่วร้ายอย่างนี้ สำหรับเขาไม่ถือว่าผิดปกติ
“ข้าจะมอบให้!” อี้เทียนหยุนพลันเอ่ยขึ้นมา
คำพูดของอี้เทียนหยุนทำให้ทุกคนตกใจ กระทั่งพวกผู้อาวุโสเองก็ด้วย ไม่คิดว่าเขาเลือกที่จะมอบให้ในจังหวะนี้
“ฮ่าๆๆ…. ไม่ใช่ว่าเจ้ามันหัวดื้ออย่างงั้นเหรอ ก่อนหน้านี้ยังเลือกที่จะปฏิเสธอยู่เลย ทำไมตอนนี้ถึงได้ยอมง่ายๆ อย่างนี้ล่ะ?” หนานเฟิงหยุนหัวเราะ ในสายตาเต็มไปด้วยความดูถูก
“แต่ว่าตอนนี้มันสายไปแล้ว!” ประมุขคนอื่นก็พากันหัวเราะ หัวเราะจนน้ำตาเล็ดออกมา
พวกเขาเห็นคนโง่มามาก แต่ไม่เคยเห็นคนโง่อย่างนี้มาก่อน! ก่อนหน้านี้ยังมีคนอยู่ด้วยหลายคน แต่ตอนนี้ไม่มีพยานแล้ว ประมุขหนุ่มคนนี้ช่างไม่มีหลักการเลยจริงๆ ก่อนหน้านี้พูดอย่างหนึ่ง พอคราวนี้กลับพูดอีกอย่างหนึ่ง
“ไม่ นี่เรียกว่าผู้รู้สถานการณ์เป็นยอดคน ถ้าเจ้ายอมมอบให้จริงๆ ข้าก็จะปล่อยวังเทียนจี๋ของเจ้าไป!” หลินห้าวยิ้ม ในที่สุดก็มีเรื่องให้เขาพอใจเสียที แต่ในสายตายังคงมีประกายเย็นชาวาบผ่าน พร้อมกับจิตสังหาร เห็นได้ชัดว่าพูดไม่ตรงกับใจ
“นี่คือเคล็ดวิชาเซวียนเทียน อยากได้ก็เอาไป!” อี้เทียนหยุนพลันส่งคัมภีร์ยุทธ์ออกไป แต่ยังไม่ทันถึงตัวหลินห้าวก็ตกลงพื้นเสียก่อน “ขอโทษที มันหล่น”
“ไปหยิบมา!” หลินห้าวถูมืออย่างตื่นเต้น ไม่สนใจท่าทางของอี้เทียนหยุน แต่กับสั่งให้ผู้คุ้มกันที่อยู่ใกล้ๆ ไปหยิบมา
“หลินต้าเหริน ให้ข้าช่วยท่าน” หนานเฟิงหยุนยิ้ม จากนั้นก็เดินเข้าไปหยิบ จากนั้นก็ส่งคัมภีร์นี้ออกไป
เมื่อหลินห้าวได้คัมภีร์มา ก็ออกคำสั่งทันทีว่า “ฆ่าพวกมันซะ อย่าให้หนีรอดออกไปได้!” เขารับมาโดยที่ยังไม่ทันได้ดูว่าเป็นหนังสืออะไร ก็พลันแสดงสีหน้าชั่วร้ายออกมา พร้อมกับออกคำสั่งให้จัดการพวกอี้เทียนหยุนในทันที
“เจ้า ไม่ใช่ว่าเจ้าได้เคล็ดวิชาเซวียนเทียนของพวกเราไปแล้วเหรอ ทำไมถึงได้ลงมืออีก!” ผู้อาวุโสใหญ่ไม่รู้ว่าทำไมสุดท้ายแล้วอี้เทียนหยุนถึงได้เลือกยอมแพ้ แต่เขาก็เคารพในการตัดสินใจของอี้เทียนหยุน แต่ตอนนี้กลับต้องมาถูกฆ่า มันจะโหดร้ายเกินไปแล้ว
“ข้าบอกว่าจะไว้ชีวิตวังเทียนจี๋ แต่ไม่ได้บอกว่าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า!” หลินห้าวหัวเราะ จากนั้นก็ออกคำสั่งให้ผู้คุ้มกันเงาออกโจมตี
ผู้คุ้มกันเงาทั้งสามพลันโถมเข้าไปอย่างไม่ลังเล พวกเขาเร็วมาก หายไปจากสายตาในทันที ยังไงก็ตาม ขณะที่พวกเขากระโจนมา ร่างของพวกเขาก็พลันถูกหวดเข้าพร้อมๆ กันอย่างโหดเหี้ยม
“ปัง ปัง ปัง!”
ผู้คุ้มกันเงาทั้งสามถูกถีบกระเด็นไป ก่อนที่จะกระแทกกับพื้นจนตัวอ่อนยวบ
“ติ๊ง ท่านสังหารผู้คุ้มกันเงาสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 260,000, ค่าความคลั่ง 3,200, ค่าความชั่ว 50, ได้รับก้าวเท้าเงา, กริชเงา!”
“ติ๊ง ท่านสังหารผู้คุ้มกันเงาสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 280,000, ค่าความคลั่ง 3,300, ค่าความชั่ว 60, ได้รับก้าวเท้าเงา, กริชเงา, ชุดคลุมหลบเร้น!”
“ติ๊ง ท่านสังหาร….”
ผู้คุ้มกันเงาทั้งสามถูกเท้าของอี้เทียนหยุนเตะกระเด็นจนตาย ไม่สามารถต่อต้านได้แม้แต่น้อย พวกเขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจของผู้คุ้มกันเงาพวกนี้ สีหน้าของประมุขทั้งหลาพากันเปลี่ยนสี นี่คือผู้ฝึกตนระดับก่อแกนวิญญาณเลยนะ ทำไมถึงได้ถูกเตะทีเดียวก็ตายแล้วล่ะ?
นี่ไม่ใช่หมายความว่าประมุขหนุ่มคนนี้มีพลังฝึกตนสูงกว่าระดับก่อแกนวิญญาณไปแล้วหรอกเหรอ ยิ่งกว่านั้นยังเป็นระดับก่อแกนวิญญาณช่วงท้ายอีกด้วย
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะต้องกลับคำ ทำไมไม่ลองดูของในมือล่ะ ว่าที่เจ้าได้ไปนั้นมันคืออะไร!” อี้เทียนหยุนพูดเยาะ
หลินห้าวพลันมองลงไปยังของที่อยู่ในมือ แต่หลังจากเห็นกระจ่างชัดแล้ว เขาก็พลันฉีกคัมภีร์ในมือทิ้งด้วยความโกรธ ก่อนจะโยนมันทิ้งลงพื้น บนนั้นยังเห็นตัวอักษรสลักไว้ว่า “วิชาหมัดพื้นฐาน!”
นี่เป็นขยะที่พบได้ทุกหัวถนน ซึ่งในช่องเก็บของของอี้เทียนหยุนนั้นไม่มี แต่เขาก็ซื้อมันมาเป็นพิเศษจากร้านค้า โดยจ่ายไปถึง 100 ค่าความคลั่ง
“เจ้ากล้าล้อเล่นกับข้าอย่างงั้นเหรอ!” หลินห้าวโมโห เขาคิดว่าฝั่งตรงข้ามมอบเคล็ดวิชาเซวียนเทียนให้กับเขาจริงๆ แต่ใครจะคิดว่าอี้เทียนหยุนจะไม่กลัว ทั้งยังกล้าล้อเล่นกับเขาอีก
หลังจากพวกผู้อาวุโสใหญ่เห็นอย่างนี้ก็พลันยิ้มออกมา ประมุขก็ยังคงเป็นประมุข ไม่ยอมก้มหัวให้ใครจริงๆ!
“ถ้าข้าไม่ล้อเจ้าเล่น แล้วจะเห็นการกระทำนี้ของเจ้าอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนหัวเราะเยาะ “ยังไม่ทันเห็นชัดเลยว่าเป็นเคล็ดวิชาเซวียนเทียนจริงหรือเปล่าก็สั่งให้คนมาฆ่าพวกเราแล้ว….. ช่างเป็นแผนการที่ดีจริงๆ!”
“สามหาว!” หนานเฟิงหยุนหัวเราะเยาะ “แค่มีความสามารถนิดหน่อยก็คิดว่าต่อเองไร้เทียมทานแล้วหรือยังไง? หลินต้าเหริน ข้าขอช่วยท่านเป็นคนจัดการมันเอง!”
“ต้าเหริน ข้าด้วย!”
“หลินต้าเหริน ข้าอีกคน!”
เหล่าประมุขต่างพากันเสนอหน้า เพิ่งจะเข้าร่วมจำเป็นต้องสร้างผลงานกันหน่อย ทำให้พวกเขาพากันมองไปที่อี้เทียนหยุนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร เหมือนกับว่าใครฆ่าเขาได้จะได้ความชอบครั้งใหญ่!
สามารถสังหารผู้คุ้มกันเงาที่มีระดับก่อแกนวิญญาณได้ แสดงให้เห็นว่าระดับของอี้เทียนหยุนต้องเหนือกว่าระดับก่อแกนวิญญาณ ดังนั้น การส่งผู้เชี่ยวชาญระดับก่อแกนวิญญาณทั่วไปออกไป ก็เท่ากับส่งไปตาย ดังนั้น หนานเฟิงหยุนจึงอาสา ขอเป็นคนจับอี้เทียนหยุนคนนี้เอง
“ดี ไปจับมันให้ข้า ข้าอยากให้เจ้าหนูนี่มีชีวิตอยู่ไม่สู้ตาย หรือไม่ก็สังหารมันซะ!” ในสายตาของหลินห้าวเต็มไปด้วยความโกรธ ในเมื่อมีคนอาสาช่วยจัดการให้ งั้นก็ให้พวกเขาจัดการไป
หนานเฟิงหยุนเดินเข้ามา พลังระดับก่อแกนวิญญาณขั้นที่ 3 พลันระเบิดออก ส่งแรงกดดันอันหนักหน่วงเข้าใส่ร่างของอี้เทียนหยุนในพริบตา นอกจากเขาแล้ว ประมุขคนอื่นๆ อีกหลายคนก็ได้ปลดปล่อยพลังระดับก่อแกนวิญญาณออกมาเช่นกัน พลังที่อ่อนแอที่สุดยังอยู่ที่ระดับก่อแกนวิญญาณ ต่างพากันล้อมรอบเขาไว้ในทันที
“เจ้าหนู คราวนี้ดูสิว่าเจ้าจะยังไม่ตายอีกไหม กล้าฆ่าศิษย์รักของข้า ข้าจะสังหารคนของวังเทียนจี๋ของเจ้าทิ้งให้หมด!” หนานเฟิงหยุนหัวเราะเยาะ “ต่อหน้าข้า ให้ข้าดูหน่อยว่าเจ้าร้ายกาจแค่ไหน ทำไมถึงได้อวดดีขนาดนั้น!”
“ปัง!”
ทันใดนั้นอี้เทียนหยุนก็ระเบิดพลัง กลายเป็นแสงสีแดงพุ่งวาบเข้าใส่ หนานเฟิงหยุนไม่ทันได้ตอบสนองก็ถูกอี้เทียนหยุนเตะกระเด็นไป
“ปัง” หนานเฟิงหยุนราวกับลูกหนัง ถูกลูกเตะของอี้เทียนหยุนจนกระเด็นไปติดกำแพง กระทั่งกำแพงยังไม่สามารถทนต่อพลังที่กดขี่นี้ได้ ทำให้ร่างของเขาทะลุกำแพงออกไปจนไม่เห็นแม้แต่เงา
“อวดดีแล้วทำไม?” อี้เทียนหยุนชักเท้ากลับ พร้อมกับมองไปที่พวกเขาอย่างเย็นชา