CLS ตอนที่ 196: บีบบังคับ
ในป่าไผ่ หลังจากอี้เทียนหยุนจากไปก่อนที่จะกลับมาอย่างรวดเร็ว และเมื่อกลับมา เขาก็เห็นเริ่นจื่อโหรวกำลังนั่งอยู่ที่นั่น ทำให้เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่เมื่อเขากวาดสายตามองรอบๆ เขาก็พบว่ามีชายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามสองคนกำลังนอนอยู่ห่างไม่ไกลในสภาพบาดเจ็บสาหัส
ทำให้เขากลายเป็นพูดไม่ออกไปในทันที “นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“ท่านพี่ สองคนนี้บอกว่าจะมาพาตัวข้าไป บอกว่าข้าหลงทาง ดังนั้นจึงอยากจะพาข้าไปที่บ้านของพวกเขา…..” เริ่นจื่อโหรวเมื่อเห็นเขากลับมากำหมัดแล้วพูดขึ้น “พอข้าบอกว่าไม่ไป พวกเขาก็ใช้กำลังพาข้าไป…. ดังนั้นข้าจึงตอบโต้จนพวกเขากลายเป็นแบบนี้ ข้าไม่ผิดนะ….”
เธอส่งสายตาน่าสงสารออกมา แต่ก็น่าสงสารจริงๆ นั่นแหละ ไม่ใช่เธอนะ แต่เป็นพวกนั้น ใครจะคิดล่ะว่าจะมีคนบ้าพอที่จะมาหาเรื่องกับปรมาจารย์ระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 5 จริงๆ
“งั้นพวกนี้ก็เป็นอัธพาลงั้นสินะ….” อี้เทียนหยุนแสดงสีหน้าเห็นใจคนทั้งสอง หาเรื่องใครไม่ทำ ดันมาหาเรื่องเริ่นจื่อโหรว นี่เท่ากับแส่หาที่ตายชัดๆ สองคนนี้คงจะเห็นเธอเข้าแล้วเกิดอาการตื่นเต้น ดังนั้นจึงคิดจะบังคับพาเธอกลับบ้าน แต่ใครจะคิดว่าต้องมาเจอกับโศกนาฏกรรมอย่างนี้เข้า
“ช่างเถอะ พวกเราไปกัน” อี้เทียนหยุนพยักหน้าให้เธอ จากนั้นก็พาเธอไปยังที่ที่พวกอี้อวี่เหว่ยอยู่
เขาบอกกับพวกเธอว่าจะไปรับรางวัลที่ตำหนักซิงเฉิน และจะเข้าฝึกในสระเทียนหลิงยี่ 5 วัน ตอนนี้เมื่อกลับไป กลับมีคนเพิ่มขึ้นมา ไม่รู้ว่าพวกเธอจะคิดยังไง
“เจ้าคิดอะไรออกหรือยัง?” อี้เทียนหยุนถามขึ้น
“ยังคิดไม่ออกเลย….” เริ่นจื่อโหรวเอียงหัว พร้อมกับขมวดคิ้วสีดำมุ่น พร้อมกับทำท่าคิด แต่ก็คิดอะไรไม่ออก
“ไม่ต้องรีบร้อนหรอก ค่อยๆ คิดก็ได้” อี้เทียนหยุนไม่รู้ว่าจะช่วยยังไง จึงทำได้เพียงพาเริ่นจื่อโหรวมาด้วยกันก่อน
และเมื่อเขากลับมายังที่พักของตน เขาก็พบว่ามีอะไรไม่ถูกต้อง เพราะว่าเขาสัมผัสไม่ได้ถึงกลิ่นอายของอี้อวี่เหว่ยและอี้อวี่เสวียนเลยสักนิด ทำให้ในใจของเขารู้สึกหนักอึ้ง พร้อมกับรีบวิ่งตรงไปยังที่พักของพวกเธออย่างไว
และเมื่อไปถึง เขาก็พบว่าที่พักของพวกเขาอยู่ในสภาพเละเทะ ประตูถูกพังจนมีสภาพเสียหาย พร้อมกับร่องรอยของการต่อสู้อย่างชัดเจน!
สีหน้าของเขาพลันดิ่งลงในทันที กลายเป็นบิดเบี้ยวจนน่าเกลียด จากที่กวาดตาดู เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้ฝึกตนบุกมา พร้อมกับพาคนไป
และเมื่อเขาก้มหัวดู เขาก็พบว่าที่พื้นมีตัวอักษรแถวหนึ่งเขียนทิ้งไว้ว่า “ถ้าอยากจะช่วยคน ให้มาที่เขาอวี่ซานเพียงลำพัง!”
นอกนั้นก็ไม่มีอะไรอีกแล้ว ไม่มีข้อมูลมากกว่านี้ แต่ในสมองของเขาพอจะเดาได้หลายส่วน เห็นได้ชัดว่าต้องศัตรูของเขา และแน่นอนว่าไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหลินหลี่กับเจ้าตระกูลหวังนั่นเอง
“เจ้าตระกูลหวัง, หลินหลี่!” อี้เทียนหยุนสีหน้าเย็นชา พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ถ้าพวกเธอเป็นอะไรไปแม้แต่น้อยล่ะก็ ข้าจะกลบฝังตระกูลหวังของพวกเจ้าทั้งตระกูล!!”
เขากำลังโกรธสุดๆ ถึงกับไม่เลือกวิธีการจับพวกอี้อวี่เหว่ยไป ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะต้องเป็นหลินหลี่อย่างแน่นอน นอกจากมันแล้ว จะมีใครกล้วพอที่จะจับพวกอี้อวี่เหว่ยเพื่อบีบบังคับเขากัน!
ดูจากร่องรอยการต่อสู้นี้ เห็นได้ชัดว่ายังผ่านไปได้ไม่นาน นี่หมายความว่าเพิ่งจะเกิดขึ้น
“ท่านพี่ เป็นอะไร?” เริ่นจื่อโหรวเห็นสีหน้าอี้เทียนหยุนกลายเป็นเย็นชา พร้อมกับมีจิตสังหารเล็ดรอดออกมา
“ข้าจะไปฆ่าคน เจ้าจะไปไหม?” อี้เทียนหยุนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไป! ไม่ว่าท่านพี่จะไปที่ไหน ข้าก็จะไปด้วย!” เริ่นจื่อโหรวเผยรอยยิ้มคลุมเครือออกมา
“ดี งั้นไปกัน!”
จากนั้น เขาก็สวมปีกฟีนิกซ์ พร้อมกับพาเริ่นจื่อโหรวทะยานขึ้นฟ้า บินไปยังเขาอวี่ซานอย่างรวดเร็ว พริบตา ความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นมาถึงขีดจำกัด เพื่อช่วยเหลือพวกอี้อวี่เหว่ยแล้ว เขาไม่ยอมเสียเวลาไปแม้แต่น้อย
ยิ่งกว่านั้น ที่นี่ยังไม่มีใครอยู่ จึงไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ที่นี่
อี้เทียนหยุนบินมาด้วยความเร็วสูงสุด จากนั้นก็ร่อนลงตรงบริเวณสันเขา เมื่อลงมาถึงพื้น เขาก็เก็บปีกฟีนิกซ์
หลังจากมาถึง เขาก็ส่งพลังวิญญาณสำรวจเขาลูกนี้ในทันที ภายใต้ความโกรธ พลังวิญญาณของเขาถูกเปิดออกโดยสมบูรณ์ สำรวจทุกซอกทุกมุมของเขาอวี่ซานลูกนี้ อย่างรวดเร็ว เขาก็พบสถานที่ที่พวกอี้อวี่เหว่ยถูกจับไปอย่างรวดเร็ว พวกเธอถูกขังไว้ในถ้ำ พร้อมกับมีคนสามคนเฝ้าอยู่ และหนึ่งในนั้น แน่นอนว่าอี้เทียนหยุนจำมันได้ นั่นก็คือ หลินหลี่!
ต่อให้กลายเป็นเถ้าธุลี อี้เทียนหยุนก็รู้ว่านี่คือหลินหลี่
หลังจากรู้สถานที่แล้ว เขาก็วิ่งไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อมาถึงหน้าถ้ำ เขาก็พลันได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากข้างใน
“ยังคิดจะหนีอีก? ช่างน่ารำคาญจริงๆ ข้าล่ะอยากฆ่าพวกมันทิ้งไปซะเดี๋ยวนี้เลย!” หวังสุ่ยพูดอย่างไม่พอใจ
“รอเจ้าเด็กนั่นมาก่อน เมื่อจัดการมันได้แล้ว สองคนนี้เจ้าอยากจะทำอะไรกับพวกเธอก็ได้ทั้งนั้น!” เสียงของหลินหลี่ดังมาจากข้างใน
“คุณชายหลี่ เจ้าเด็กนั่นอ่อนแอจะตาย ไม่ใช่ว่าท่านให้ค่ามันสูงเกินไปหรอกเหรอ ถึงกับใช้พวกเราถึงสองคน?” หวังชิงพูดขึ้นมาอย่างดูถูก คิดว่าแค่จัดการอี้เทียนหยุน คนเดียวก็เหลือเฟือแล้ว
“ข้าคิดว่าเจ้าเด็กนั่นจะต้องมีผู้ช่วยอย่างแน่นอน มีความสามารถขนาดนั้น จะขาดคนคุ้มกันได้ยังไง!” เห็นได้ชัดว่าหลินหลี่ค่อนข้างระวังตัว แต่ความโกรธก็เหมือนจะไม่ได้ลดลงเลย
“เจ้าเด็กนั่นมีผู้ช่วย? แล้วยังไง มีพวกเราอยู่ที่นี่ ทั้งยังจำคนของมันมาอีก ข้าไม่เชื่อว่ามันจะไม่มา!” หวังสุ่ยแค่นเสียงออกมา
“เจ้าจำทำอะไรผู้อาวุโสอี้!” น้ำเสียงเย็นชาของอี้อวี่เหว่ยดังออกมา
“แล้วเจ้าคิดว่าพวกข้าจะทำอะไรกับมันล่ะ? ผู้อาวุโสอย่างงั้นเหรอ ยังเด็กขนาดนั้นแต่ก็เป็นถึงผู้อาวุโส แต่แล้วยังไง สุดท้ายมันก็ต้องตายในเงื้อมมือพวกข้าอยู่ดี…..” หวังสุ่ยยิ้มชั่วร้ายออกมา “เจ้าเด็กนั่นช่างโชคดีจริงๆ ถึงกับได้ดอกไม้แฝดของตระกูลจู้ไปครอบครอง”
“พวกเราไม่ใช่คนของตระกูลจู้อีกต่อไปแล้ว พวกเราแซ่อี้!” อี้อวี่เหว่ยเอ่ยแก้กับพวกเขา จากนั้นก็พูดอย่างเย็นชาว่า “ผู้อาวุโสอี้ไม่มาหรอก พวกเจ้าจงผิดหวังจนตายซะ! จะฆ่าก็ฆ่า อย่ามัวแต่พูดมาก!” อี้อวี่เหว่ยเด็ดขาดมาก ไม่ยอมอ่อนข้อให้เด็ดขาด
“ถ้ามันไม่มา ข้าก็จะยิ่งมีความสุข อยากจะรู้นัก ว่าผู้หญิงที่มันชอบ รสชาติจะเป็นยังไง!” หลินหลี่มีน้ำเสียงเย็นชา ความอดทนของเขาได้มาถึงขีดสุดแล้ว เพราะไม่สามารถสู้กับเขาได้ตรงๆ ดังนั้นจึงได้เล่นสกปรกอย่างนี้
อี้อวี่เหว่ยกับพวกพากันหน้าซีดในทันที เมื่อคิดว่าตนจะต้องถูกทำให้มัวหมอง ตายไปก็สามารถลบล้างได้
“ใช่แล้ว ข้าอยากจะเห็นจริงๆ ว่าเจ้าจะมีชีวิตที่มีความสุขยังไง!” ร่างของอี้เทียนหยุนปรากฏขึ้นอย่างเงียบงัน
ทำให้พวกเขาตกใจจนตัวโยน นี่มันอะไรกัน อยู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นโดยไม่มีสัญญาณบ่งบอก
“ผู้อาวุโสอี้!” เมื่ออี้อวี่เหว่ยเห็นอี้เทียนหยุนมา ในใจก็ทั้งดีใจและกังวล พวกมันมีกันถึง 3 คน ทั้งพลังยังแข็งแกร่งมากอีกด้วย
อี้เทียนหยุนมองไปยังพวกเธอ เมื่อเห็นว่าบนแขนที่ขาวเนียนของอี้อวี่เหว่ยกับพวกปรากฏรอยเขียวช้ำเล็กๆ ที่เกิดจากการถูกมัน แต่ไม่พบรอยแผลอื่น เขาก็พลันวางใจ แต่คำพูดของหลินหลี่กับพวกนั้นทำให้เขาโกรธจนแทบคลั่ง ไม่เสียทีที่เป็นพี่น้องกัน นกจากรังเดียวกันย่อมมีสีเหมือนกัน!
“มาเร็วดีนี่ หวังว่าครั้งนี้เจ้าไม่ได้พาผู้ช่วยมาด้วยหรอกนะ? ถ้าพาผู้ช่วยมาล่ะก็ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน!” หวังสุ่ยยิ้ม พร้อมกับหยิบมีดสั้นออกมา พร้อมกับเล็งไปยังแก้มของพวกอี้อวี่เหว่ย มีความหมายว่า ถ้าอี้เทียนหยุนเคลื่อนไหวบุ่มบ่ามล่ะก็ มีดนี้จะเฉือนพวกเธออย่างแน่นอน
“ดีมาก ถึงกับกล้าบีบบังคับข้า ตายซะ!” ในสายตาของอี้เทียนหยุนเต็มไปด้วยจิตสังหาร