CLS ตอนที่ 190: ตำหนักใหญ่
หลังจากจู้เทียนหงและพวกผู้จัดการหลิวเดินจากมา ที่มุม ผู้จัดการหลิวเอามือกุมปากพูดขึ้นว่า “ท่านเจ้าตำหนักจู้ ท่านจะปล่อยเจ้าหนูนั่นไปแบบนี้อย่างงั้นเหรอ? เขาเป็นถึงอาจารย์สลักอาคมชั้น 4 นี่ถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่เลยนะ……”
จู้เทียนหงสีหน้าเย็นชา ยกมือขึ้นตบหน้าเขาคราหนึ่ง “เพี๊ยะ” ผู้จัดการหลิวถูกตบจนตัวปลิว พร้อมกับฟันที่ร่วงจากปากหลายซี่
“เจ้ายังมีหน้ามาพูดอีกเหรอ?” จู้เทียนหงพูดอย่างเย็นชา “ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า เขาคงกลายเป็นแขกของพวกเราแล้ว! หรือเจ้าคิดจะใช้กำลังกับเขา? ถ้าเจ้าอยากตายก็อย่าดึงข้าไปเกี่ยวด้วย! ระดับอาจารย์สลักอาคมชั้น 4 เจ้าคิดว่าเบื้องหลังเขาจะธรรมดาอย่างงั้นเหรอ? ไม่ใช่ว่ามีปรมาจารย์ลึกลับหนุนหลังเขาอยู่หรือไง ปรมาจารย์คนนั้นถึงขนาดที่ว่าสามารถทำลายวังชิงเซวียนได้ แม้ว่าเขาอาจจะทำลายตำหนักซิงเฉินจนราบคาบไม่ได้ แต่แค่ตระกูลจู้ของพวกเรา เขาทำได้อย่างสบาย เจ้าเข้าใจหรือเปล่า!”
สำหรับจู้เทียนหงแล้ว ตระกูลคือสิ่งสำคัญที่สุด เขาสามารถสังเวยใครก็ได้เพื่อตระกูล แต่เขาจะไม่ไปหาเรื่องคนอื่น ไม่ยื่นคอออกไป นี่เป็นวิธีจัดการเรื่องราวที่ดีที่สุด
ผู้จัดการหลิวลุกขึ้นมา ร่างกายสั่นเทา ทำได้เพียงก้มหัวลง สักครึ่งคำก็ไม่หลุดออกมาจากปาก
“แต่ไม่ว่ายังไง อย่างน้อยเรื่องนี้ก็ถือว่าจบแล้ว หวังว่าพวกเราคงจะมีโอกาสได้ร่วมมือกันอีก” เจ้าตระกูลจู้ส่ายหัว รู้สึกเสียใจอยู่ไม่น้อย “พวกเธอได้ติดตามคนที่ดีแล้ว…… แม้ตอนแรกจะเป็นบุตรบุญธรรม แต่ก็ทำงานเยี่ยงสาวใช้ ไม่คิดจริงๆ ว่าตระกูลจู้ของพวกเราต้องจ่ายออกไปมากมายเพียงนั้น ข้ารู้สึกละอายต่อพวกเธอจริงๆ ถ้าจะเกลียด ก็อยากจะให้เอาความเกลียดชังทั้งหมดมาลงที่ข้าคนนี้……”
เขาพาผู้จัดการหลิวกับพวกจากไป ไม่อยู่ทำอะไรที่นี่ต่อ
นี่ถือเป็นโชคดีของพวกเขา ที่มุมๆ หนึ่ง หลังจากพวกเขาจากไปก็ได้มีร่างคนโผล่ออกมา คนๆ นี้ก็คืออี้เทียนหยุน เขาอยากจะมาสืบดู ดูว่าพวกเขามีความคิดอะไรอื่นไหม เจ้าตระกูลจู้คนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นคนตรงๆ คนหนึ่ง ไม่ใช่คนชั่วร้ายอย่างบางคน แต่ในใจของเขาก็เด็ดขาดเพียงพอ เพราะสามารถสังเวยใครก็ได้เพื่อตระกูล
“ติ๊ง ท่านทำภารกิจ “ติด 1 ใน 3 ในการประลองสลักอาคมเพื่อช่วยสองพี่น้อง” สำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 1 ล้าน, สิทธิ์ในการสุ่มลอตเตอรี่แบบเพิ่มประสิทธิภาพ 1 ครั้ง, ค่าความชำนาญในการสลักอาคม 5,000, ค่าความชอบของจู้อวี่เหว่ยและจู้อวี่เสวียนเพิ่มขึ้น 100!”
“ติ๊ง ยินดีด้วย ระดับการสลักอาคมของผู้เล่นอี้เทียนหยุนได้เลื่อนจากขั้นกลางขึ้นสู่ขั้นสูง!”
ราบรื่นมาก การเลื่อนขั้นของการสลักอาคมจากขั้นกลางขึ้นสู่ขั้นสูงไม่มีความยากแม้แต่น้อย เพียงแต่ค่าความชำนาญที่ต้องการในระดับต่อไปสูงถึง 100,000 นี่จึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเจ็บปวด
“สิทธิ์ในการสุ่มลอตเตอรี่แบบเพิ่มประสิทธิภาพเอาไว้ใช้คราวหน้าแล้วกัน” อี้เทียนหยุนให้ความสำคัญกับสิ่งนี้มาก นี่เทียบได้กับค่าความคลั่ง 500,000 ของที่ได้แต่ละครั้งแน่นอนว่าไม่แย่ แล้วอย่างนี้เขาจะไม่ตื่นเต้นได้ยังไง
หลังจากตรวจสอบอีกเล็กน้อย เขาก็หมุนตัวเดินจากไป เตรียมจะไปกับจู้อวี่เหว่ย แต่ยังไงก็ตาม เพิ่งจะหันมาก็เจอเข้ากับคนคุ้นเคยที่กำลังเดินมา
“เจอคุณชายแล้ว เมื่อกี้ต้องขอบคุณมาก ค่ายกลนั้น ถ้าไม่ได้ท่าน ข้าคงทำไม่สำเร็จ” เหอเชียนหานเดินมา พูดด้วยรอยยิ้ม “เกือบจะลืมแนะนำตัวไปเลย ข้ามาจากวังเทียนจี๋ชื่อว่าเหอเชียนหาน ไม่ทราบชื่อที่ทรงเกียรติของคุณชายคืออะไร?”
“ชื่อที่ทรงเกียรติอะไรกัน ข้าชื่ออี้เทียนหยุน มาจากนิกายเทียนเฉวียน” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “ข้าแค่บังเอิญพูดไปงั้นเอง ที่คุณหนูเหอข้าถือว่าเป็นเกียรติแล้ว และที่สำคัญที่สุดคือคุณหนูเหอมีความสามารถมากพอ ไม่อย่างนั้น ต่อให้ข้าพูดอะไรไปก็เปล่าประโยชน์”
“ถึงจะพูดอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณคุณชายอี้อยู่ดี….. ไม่คิดเลยว่าขุมอำนาจชั้น 2 จะมีบุคคลอัจฉริยะอย่างคุณชายอี้อยู่ด้วย ช่างคาดไม่ถึงจริงๆ” เหอเชียนหานเผยรอยยิ้มคลุมเครือออกมา “ไม่ทราบว่าคุณชายอี้มีเวลาว่างพอที่จะมาที่วังเทียนจี๋ของพวกเราหรือไม่?”
“เรื่องนี้ไม่จำเป็น ข้ายังมีเรื่องสำคัญต้องไปทำ หลังจากมีเวลา ข้าจะต้องไปที่สำนักท่านอย่างแน่นอน” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าอย่างนั้น ข้าในฐานะตัวแทนวังเทียนจี๋ จะตั้งตาคอยคุณชายอี้มาเยือน นี่เป็นตราแนะนำ เมื่อท่านไปที่วังเทียนจี๋ ท่านสามารถใช้สิ่งนี้หาข้าได้” หลังจากเหอเชียนหานส่งตรานี้ให้เขา เธอก็เขย่ามือเขาเบาๆ จากนั้นก็ส่งยิ้มให้เขาแล้วจากไป ทำเรื่องของใครของมัน
เมื่ออี้เทียนหยุนกลับมา จู้อวี่เหว่ยกับจู้อวี่เสวียนที่กำลังแลกเปลี่ยนบางอย่างอยู่ เมื่อเห็นเขาก็ยิ้มออกมา
“อะไร ทำไมถึงมองข้าแบบนี้ หรือว่าหน้าข้ามีอะไรอยู่?” อี้เทียนหยุนยกมือลูบหน้าตนเอง แต่ก็เหมือนว่าไม่มีอะไร
“ผู้อาวุโสอี้ พวกเราขอใช้แซ่อี้กับท่านได้หรือเปล่า?” จู้อวี่เหว่ยถามขึ้น
“นี่….” อี้เทียนหยุนตกใจ นี่มันจะไม่เกินไปหน่อยเหรอ?
“พวกเราเป็นกำพร้าตั้งแต่เด็ก เมื่อติดตามตระกูลจู้จึงใช้แซ่จู้ ตอนนี้ติดตามท่านแล้ว พวกเราก็ไม่ใช่คนตระกูลจู้อีกต่อไป ดังนั้นจึงไม่อยากจะใช้แซ่จู้อีก” สีหน้าของพวกเธอยืนกราน มองมายังอี้เทียนหยุน
“เอาอย่างนั้นก็ได้ ข้าไม่ว่าหรอก…..” อี้เทียนหยุนไม่สนใจเรื่องนี้จริงๆ แต่ในเมื่อพวกเธออยากจะทำอย่างนี้ เขาก็ไม่ว่าอะไร
“เยี่ยม นับแต่นี้ไป ข้าชื่ออี้อวี่เหว่ย!”
“ข้าชื่ออี้อวี่เสวียน!”
“จากไปนี้ พวกเราจะเชื่อฟังคำสั่งของผู้อาวุโสอี้ ผู้อาวุโสอี้คือเจ้านายของพวกเรา”
พวกเธอยิ้ม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความร่าเริง ในที่สุดพวกเธอก็หลุดพ้นแล้ว
“ได้ ได้…. แล้วแต่พวกเจ้าเลย” อี้เทียนหยุนรู้สึกช่วยไม่ได้ แต่ก็มีรอยยิ้มประดับที่ใบหน้า
หลังจากจัดการเรื่องของสองพี่น้องนี้ อี้เทียนหยุนก็นำตราไปยังตำหนักใหญ่ ตอนนี้เขาต้องการเข้าไปยังสระเทียนหลิงยี่ เพราะว่าเขายุ่งมาก ไม่รู้ว่าจะกลับมายังตำหนักใหญ่นี่เมื่อไหร่ ดังนั้นใช้ๆ มันไปให้หมดเลยดีกว่า
หลังจากมาถึงตำหนักใหญ่นี้ ระดับการตกแต่งเมื่อเทียบกับตำหนักสาขาแล้ว ต่างกันราวกับสวรรค์และโลก การประดับตกแต่งดูแล้วมีท่วงทำนอง ทั้งระดับยังถือว่าใหญ่มาก เทียบได้กับเมืองๆ หนึ่ง สมกับเป็นสาขาใหญ่ของตำหนักซิงเฉิน
ดังนั้น ที่ลานประลองนี้ จึงถือว่าเป็นเมืองๆ หนึ่ง ชื่อว่าเมืองชิงเฉิน! เมืองนี้เป็นตำหนักชิงเฉินสร้างขึ้น ดูแล้วคล้ายกับสำนักขนาดใหญ่
ที่นี่เต็มไปด้วยผู้คน ไม่ได้แตกต่างไปจากเมืองอื่นๆ แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือ ที่นี่มีตำหนักซิงเฉินเป็นผู้ดูแล
และเมื่อมาถึงตำหนักใหญ่ อี้เทียนหยุนก็หยิบตราออกมา เมื่อยามเห็นตรานี้ สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป พร้อมกับรีบเชิญเขาเข้าไปในทันที
“ข้ามาแลกของรางวัล ไม่ทราบว่าสระเทียนหลิงยี่อยู่ที่ไหน?” อี้เทียนหยุนถาม
“นี่ต้องให้ผู้อาวุโสพาท่านไป อยากให้ท่านคอยตรงนี้สักเดี๋ยว”
จากนั้น ยามก็ไปหาผู้อาวุโสอย่างไว ไม่นาน ผู้อาวุโสก็เดินมา พร้อมกับมองเขาตั้งแต่บนจรดล่าง ในสายตาเผยให้เห็นความประหลาดใจอยู่หลายส่วน “เจ้าคือผู้ชนะอันดับ 1 อย่างงั้นเหรอ?”
แม้ว่าการประลองครั้งนี้จะทำให้อี้เทียนหยุนกลายเป็นคนมีชื่อเสียง แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะได้ดู ทำให้มีหลายคนที่ไม่รู้ว่าเขามีหน้าตาที่แท้จริงยังไง
“ใช่แล้ว ข้าเป็นผู้ชนะอันดับ 1” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ
“ยังเด็กมากจริงๆ……” ผู้อาวุโสพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง “เมื่อเทียบกับข่าวลือที่ได้ยินแล้ว ดูเหมือนจะเด็กกว่ามาก….. มากับข้า เจ้าตำหนักหลี่บอกข้าเป็นพิเศษแล้ว ถ้าคุณชายอี้มา ให้ต้อนรับให้ดี ไม่อย่างนั้นจะถือว่าพวกเราเสียมารยาท”
อี้เทียนหยุนพยักหน้า สามารถได้รับการรับรองอย่างนี้ เป็นเพราะพลังที่เขาแสดงออกมานั้นน่าตื่นตะลึงโดยสมบูรณ์ ถ้าเป็นหลินหลี่ คงถูกปฏิบัติด้วยอย่างเย็นชา
โลกนี้ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่ง เมื่อขาดพลัง ก็ไม่มีสิทธิ์เสนอหน้า!