“เกมนี้สนุกมากเลยหรอ”หลังจากที่ทั้งสองคนคุยกันซังหลินจวินนานๆทีจะได้เอนบนโซฟาสบายๆพร้อมกับไถมือถือข้างเดียวพลางถามคำถามธรรมดา
“จริงๆก็ไม่ได้สนุกขนาดนั้น”เฉินเฉียวกอดอกและเห็นว่าเขาไม่สนใจเธอจ้องมองโทรศัพท์เป็นเวลานาน เหลือบมองไปที่เขาอย่างอยากรู้อยากเห็น
หลังจากพบว่าหลินจวินกำลังดาวน์โหลดเวอร์ชันเบต้าของเกมเซินซิงจิ่วเทียนเธอก็แอบหัวเราะกลั้นรอยยิ้มไว้ในใจและพูด
“ไม่สนุก ยังจะกอดมือถือไม่ปล่อย”ซังหลินจวินได้ยินคำพูดงอนๆของเฉินเฉียว เขาใช้มือจิ้มจมูกเธอ
แต่ในไม่ช้า เขาก็กลับไปสนใจโทรศัพท์เหมือนเดิม
เมื่อเห็นว่าซังหลินจวินเอาแต่สนใจโทรศัพท์ เฉินเฉียวจึงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเธอตบโต๊ะเบา ๆ และพูดว่า “วันนี้คุณอ่านเอกสารทั้งหมดแล้วหรือยัง?”
ซังหลินจวินมองเธอขบขันและพยักหน้า
เดิมที เฉินเฉียว ต้องการบอกว่าเขาถ้าทำงานไม่เสร็จ ไม่ให้เล่นเกม คิดไม่ถึงว่าเขาจัดการงานทั้งหมดแล้ว เลยหาข้ออ้างไม่ได้
ซังหลินจวินรู้ดีว่าเฉินเฉียวไม่พอใจที่เขาเอาแต่สนใจโทรศัพท์ เลยจงใจแกล้ง
เขาทำแบบนี้เพราะอยากให้เฉินเฉียวเข้าใจว่าสองสามวันนี่ที่เธอเมินเขาเป็นอย่างไร
อารมณ์ของเขาขึ้น ๆ ลง ๆแบบนี้ เพราะเป็นห่วงเธอมาก เป็นห่วงจนกระทั่งคิดอยากจะลบเซิฟเวอร์ทดลองนี้
แม้ว่าเขาจะระงับมันอย่างรวดเร็ว แต่ซังหลินจวินก็เข้าใจตัวเองเป็นอย่างดีว่าถ้าเฉินเฉียวไม่ใส่ใจเขา เขาจะทำอย่างนั้นแน่นอน
เพียงแค่สิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องให้เธอรู้
อาจเป็นเพราะเฉินเฉียวเบื่อกับเกมนี้แล้วความสนใจจางหายไปอย่างรวดเร็วทุกวันนอกจากการไปทำงานและเลิกงานเขายังคงอยู่กับซังหลินจวิน หรือไม่ก็พาลูกๆออกไปเดินเล่น
หลังจากนั้นวันหยุดฤดูหนาวก็ใกล้เข้ามา
ในช่วงปลายปีหยวนเซิ่งยุ่งมาก เพื่อเตรียมพร้อมงานปีใหม่ซังหลินจวินก็เริ่มจัดการกับงานสิ้นปีล่วงหน้า
ดังนั้นทุกวันนี้ซังหลินจวินมักจะเลิกงานดึกมาก
ในเวลานี้เฉินเฉียวรู้สึกไม่สบายใจเป็นพิเศษเกี่ยวกับร่างกายของเขาและจะกลับไปที่จิ้งหย่วน เพื่อทำซุปให้เขาและก็เอาไปส่ง
แม้ว่าซังหลินจวิน จะปฏิเสธเธอ แต่ เฉินเฉียวก็ยืนยันในความคิดนี้เขาไม่สามารถห้ามได้จริงๆ
หลังจากการทดสอบภายในไม่กี่เดือน เซินซิงจิ่วเทียนเวอร์ชันทางการจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
ในเวลานี้ความร่วมมือระหว่างหยวนเซิ่ง และเซินซิงจิ่วเทียนอยู่ในระดับต้นๆ
ในหลาย ๆ เมือง COS ที่เกี่ยวข้องกับเกมนี้ได้เริ่มโปรโมทและมีการจัดงานแถลงข่าวเล็ก ๆ
ในฐานะที่เป็นเมืองศูนย์กลางเป่ยเฉิงเป็นที่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ในฐานะนักลงทุนการปรากฏตัวของซังหลินจวินในงานแถลงข่าวอาจทำให้เกิดการขับเคลื่อนที่ยิ่งใหญ่ดังนั้นเขาจึงไม่ปฏิเสธแผนของซังอวิ๋น
เฉินเฉียวหาชุดสูทที่เหมาะสมสำหรับเข้าร่วมงานให้ซังหลินจวิน ซังหลินจวินจับมือเธอพลางพูด “มันไม่ใช่งานเลี้ยงใหญ่โตอะไรและผมก็ไม่ใช่คนหลักของงานนี้ ไม่ต้องแต่งอย่างนี้ก็ได้ ”
“ฉันรู้ แต่ฉันอยากให้คุณดูสมบรูณ์แบบ”เฉินเฉียวไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร อาจจะเพราะชินกับการเป็นจุดสนใจ
ทุกครั้งที่เขาไปร่วมงานเลี้ยงหรือไปงานอะไรก็ตามเฉินเฉียว ก็เแต่งตัวให้เขาเป็นปกติ
ด้วยเหตุนี้หลายคนในหยวนเซิ่งจึงเริ่มคุยกันว่าเป็นเพราะประธานโตขึ้นแล้วใช่ไหม ถึงสนใจกับการแต่งตัวมากขึ้น
สำหรับในใจของ เฉียวเฉียวเขาสมบูรณ์แบบมาก ซังหลินจวิน มีความสุขแต่เขาก็ยังไม่ลืมที่จะเตือน: “เฉียวเฉียว คุณแต่งตัวให้ผมหล่อขนาดนี้ ไม่กลัวคนฉวยโอกาสผมหรอ ”
เฉินเฉียวมองทันที: “ถ้าฉวยโอกาสง่ายๆขนาดนั้น น่าจะเป็นคุณนะ”
อย่าคิดว่าเธอไม่รู้ คนรอบๆเขาเยอะแยะ ถ้ามีคนมาเข้าใกล้เขาได้แล้วล่ะก็ก็ไม่อยากจะแยกจากเขาแน่นอน
“ เฉียวเฉียว นับวันยิ่งเข้าใจดีเหลือเกินนะ”ทั้งสองอยู่ด้วยกันมานานและความสัมพันธ์ก็ค่อยๆเปลี่ยนจากความรักไปสู่ความใกล้ชิดแน่นอนว่าในใจของซังหลินจวินเฉินเฉียวยังคงเป็นคนที่เขาห่วงใยมากที่สุด ทั้งสองจะไม่ทำให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดเหมือนตอนแรกแน่นอน
เพราะเธอเชื่อในตัวเขาเช่นเดียวกับที่เขาเชื่อในตัวเธอ
เมื่อเฉินเฉียวพาซังหลินจวินไปขึ้นรถ ซังหลินจวินไม่ต้องการไป
ถ้าไม่ใช่เพราะเฉินเฉียวต้องอยู่บ้านเตรียมของ ซังหลินจวินก็อยากจะพาเธอไปด้วย
เป็นช่วงปลายปี ถึงแม้ครอบครัวซังจะมีไม่กี่คนก็ต้องรวมกลุ่มสังสรรค์กัน
ในฐานะภรรยาของประธานของหยวนเซิ่ง เฉินเฉียวต้องการจัดระเบียบบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
เธอได้ยินว่าลุงและป้าขอหลินจวินจะมาเป็นแขกในครั้งนี้ด้วย
หลังจากอยู่ใน บริษัท มานาน เฉินเฉียวก็รู้ดีถึงความไม่ลงรอยกันระหว่างพวกเขา
ยังไงซะก็เป็นคนในครอบครัว เรื่องที่ควรทำก็ต้องทำ
เฉินเฉียวเก็บดอกกุหลาบและดอกลิลลี่จำนวนมากจากสวนมาประดับในแจกัน
เฉินเฉียวเอาดอกกุหลาบไปที่ชั้นสองแม้ว่าเขาจะแต่งงานมาเกือบปีแล้ว แต่เขาก็ยังคงต้องรักษาความโรแมนติกที่ควรจะมี
ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งมันจะเสียเปล่าถ้าไม่มีความพิถีพิถันในชีวิต
สำหรับการเด็ดดอกไม้ที่ซังหลินจวินหวงแหน เฉินเฉียวไม่ใส่ใจเลยสักนิด
ยังไงซะก็ปลูกเอาไว้ดู นอกห้อง ในห้อง มันไม่เหมือนกัน
เฉินเฉียวเอาหนามที่เหลืออยู่ออก แล้วชมผลงานของตัวเอง หลังจากนนั้นก็นำไปไว้ที่ที่เธอเตรียม
เมื่อเฉินเฉียวกำลังจะขึ้นไปชั้นบนเพื่ออาบน้ำจู่ๆออดก็ดังขึ้นนอกประตูป้ามั่วที่อยู่ในครัวเช็ดมือทันทีและกำลังจะออกไปเปิด
เฉินเฉียวโบกมือทันทีและพูดว่า “ป้ามั่ว เดี๋ยวฉันเปิดเองค่ะ ฉันอยู่ใกล้ๆพอดี”
มันใกล้จริงๆและหลังจากนั้นเพียงไม่กี่ก้าวเฉินเฉียวก็เปิดประตูออกไป
ยืนอยู่นอกประตูเป็นผู้หญิงที่มีนิสัยอ่อนโยนเธออายุประมาณสามสิบปี
เธอสวมเสื้อคลุมขนมิงค์สีเบจและไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ห่วงสวยจนแสแสร้งทำเป็นไม่กลัวหนาว
เฉินเฉียวมองอย่างพิจารณาแล้วก็ยังนึกไม่ออกว่าเป็นใคร
เฉินเฉียวไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร แต่เธอถามอย่างสุภาพว่า: “คุณผู้หญิง มาหาใครคะ”
เฉียว….เฉินเฉียว ฉันเป็นภรรยาของพ่อของหลินจวิน “เฉียวอวี้หมิ่นมองไปที่ผู้หญิงตรงหน้าเธอที่สายตามองไม่ออกว่าเธอเป็นใคร สายตาเต็มไปด้วยความซับซ้อนและเจ็บปวดที่บรรยายออกมาไม่ได้
เฉินเฉียวเคยพบกับคุณผู้หญิงคนนี้ แต่เธอก็รู้ด้วยว่าเธอหย่าแล้ว