โลภมากลาภหาย คุณปู่เย่และคุณย่าเย่เป็นคนแบบนั้นแน่นอน พวกเขาโลภมากเกินไปแล้ว อยากจะแย่งทุกอย่างที่อยู่บนโลกนี้มาให้หมด กลายเป็นของตัวเอง แต่ว่าพวกเขาไม่รู้ว่า การที่โลภเกินไปจะต้องเสียบางอย่างไปแน่นอน……
ทุกเรื่องที่ทำไปล้วนมีผลกรรม ทำอะไรไว้ก็จะได้รับผลตามน้ำ และถูกกำหนดแล้วว่าจะมีกรรมยังไง
คุณปู่เย่ไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่น้อยเลย รีบโทรหาคนให้ไปสืบธุรกิจของเย่ซือเฉิน
ครั้งที่แล้วเขาให้พ่อบ้านไปหา ทว่าตอนนี้เขาไม่เชื่อใจในตัวพ่อบ้านแล้ว เขารู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ที่พ่อบ้านจะโกหกเขา
เรื่องนี้คุณปู่เย่เข้าใจพ่อบ้านผิดไปแล้วจริงๆ นั่นเป็นฝีมือของมู่หรงดัวหยางล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับพ่อบ้านเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าพ่อบ้านจะสงสารคุณชายสามเย่ ทว่ากลับไม่เคยหักหลังคุณปู่เย่เลย
ครั้งนี้ คุณปู่เย่ได้เชิญคนที่เชี่ยวชาญไปสืบ คนคนนี้ก็เป็นคนที่คุณปู่เย่เชื่อใจมากที่สุด
“เด็กสองคนนั้นกับเวินลั่วฉิงจะทำยังไง?!” เห็นคุณปู่เย่กำชับวางสายแล้ว คุณย่าเย่ก็รีบถามต่อ
“คนพวกนั้นไร้ประโยชน์เกินไปแล้ว ตอนนี้พวกเขายังอยู่ในมือองค์กรยมบาลใช้ไม่ได้แล้ว” คุณปู่เย่พูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาทั้งคู่หรี่ตาขึ้น “ต่อจากนี้คนขององค์กรยมบาลต้องจับตามองเรื่องนี้ไว้แน่ๆ คนที่พวกเราตามหานั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ขององค์กรยมบาลดังนั้นเกรงว่าเรื่องนี้จะวุ่นวาย กู้หวูยังขู่ฉันอีกด้วย”
“องค์กรยมบาลเป็นของซือเฉิน พวกเขากล้าทำแบบนี้กับนายได้ยังไง?” สีหน้าของคุณย่าเย่หม่นหมองลง “ไม่มีขื่อไม่มีแปเลยจริงๆ!!”
“ซือเฉินพึ่งเปิดงานแถลงข่าวตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่ ดังนั้นคนขององค์กรยมบาลในตอนนี้ยังไม่ฟังพวกเรา รอให้ซือเฉินกลับมาบ้านเย่ องค์กรยมบาลก็คือของบ้านเย่เรา พอถึงเวลาค่อยจัดการยัยกู้หวูนั้นดีๆ พอถึงเวลาก็สามารถเปลี่ยนองค์กรยมบาลเป็นคนของเราแล้ว”
“งั้นเวินลั่วฉิงกับเด็กสองคนนั้นก็ปล่อยไปแบบนี้เหรอ? เรื่องนี้ห้ามชักช้าแล้ว หากถูกคนขององค์กรโกสต์ซิตี้รู้เข้าก็แย่แล้ว อีกอย่างนายก็รู้ว่าเวินลั่วฉิงเป็นคนคดในข้องอในกระดูก เรื่องนี้วันนี้ต้องเป็นเวินลั่วฉิงที่สั่งให้เด็กพวกนั้นทำแน่ๆ ใครจะไปรู้ว่าเวินลั่วฉิงจะสร้างเรื่องอะไรขึ้นมาอีก? ก็แค่กลัวว่าเวินลั่วฉิงจะมาทำลายงานแต่งของซือเฉินกับองค์หญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้” คุณย่าเย่ขมวดคิ้วขึ้น เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าไม่พอใจ
“ตอนนี้พวกเราตามหาเวินลั่วฉิงและเด็กสองคนนั้นไม่เจอ อีกอย่างหากพวกเราส่งคนไปตามตอนนี้ก็จะถูกคนขององค์กรยมบาลจับตา ไอ้หนอนก็ต้องตกอยู่ในมือขององค์กรยมบาลคนหาแล้วหาไม่เจอพวกเราจะทำยังไงได้? เธอมีวิธีอะไร?” คุณปู่เย่เองก็เครียดมาก เรื่องที่ง่ายมากๆ ในตอนแรกคิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะวุ่นวายขนาดนี้
“ฉันมีวิธีหนึ่ง สามารถให้เวินลั่วฉิงออกมาเองได้” นัยน์ตาของคุณย่าเย่เปล่งประกายขึ้น มุมปากเผยรอยยิ้มออกมาอ่อนๆ
“วิธีอะไร?” คุณปู่เย่ได้ยินว่ามีวิธี นัยน์ตาก็สว่างขึ้น เขาก็ยังมีความเสียใจเจ้าเด็กผู้ชายนั่น แต่ว่าเวินลั่วฉิงกับเด็กผู้หญิงนั่นต้องรีบจัดการ
ความเจ้าเล่ห์เจ้าวางแผนของเวินลั่วฉิงเขาเองก็เคยเจอมาก่อนแล้ว!!
“คุณปู่เวินยังอยู่ในโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ? หากเกินเรื่องขึ้นกับคุณปู่เวิน เวินลั่วฉิงจะไม่ออกมาเหรอ?” คุณย่าเย่ค่อยๆ พูดแผนการของตัวเองออกมา ตรงมุมปากมีรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์อย่างเห็นได้ชัดเจน
“ถือว่าเป็นวิธีที่ดี” คุณปู่เย่รีบตื่นได้สติทันที เห็นด้วยกับคุณย่าเย่ “เราส่งคนจับตาการเคลื่อนไหวในโรงพยาบาลมาโดยตลอด แต่ว่าสองสามวันนี้เวินลั่วฉิงไม่ไปโรงพยาบาลเลย เห็นหมอบอกว่าถึงแม้คุณปู่เวินจะไม่ฟื้นสักที แต่ว่าอาการก็ถือว่าคงที งั้นพวกเราก็สร้างเรื่องให้คุณปู่เวินหน่อย พอถึงเวลาเวินลั่วฉิงต้องปรากฏตัวแน่นอน”
“เรื่องเล็กเกินไป เวินลั่วฉิงก็ยังไม่ออกมา ในเมื่อจะทำ ก็ทำใหญ่เลย พวกเราห้ามให้เกิดข้อผิดพลาดใดๆในครั้งนี้เด็ดขาด” หลายปีมานี้คุณย่าเย่ฝึกฝนจนจิตใจโหดเหี้ยมมากแล้ว
“ได้ เรื่องนี้เธอไปทำ ต้องระวังมากๆ ห้ามถูกคนจับจุดอ่อนได้เด็ดขาด” คุณปู่เย่ไม่มีข้อสงสัยใดๆ กับความคิดของคุณย่าเย่ เห็นด้วยเป็นอย่างมาก
“วางใจเถอะ” คุณย่าเย่พยักหน้าเล็กน้อย นัยน์ตาของเธอเปล่งประกายขึ้น “จู่ๆ ฉันก็นึกขึ้น พวกเราสามารถใช้วิธีเดียวให้ซือเฉินกลับบ้านเย่”
“หืม? วิธีอะไร?” ทันใดนั้นคุณปู่เย่ยังไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจความหมายของคุณย่าเย่
“ความหมายของฉันก็คือสามารถใช้โป๋เหวินให้ซือเฉินกลับมา ตอนนี้โป๋เหวินพักอยู่ในโรงพยาบาลรักษา หากเกิดอะไรขึ้นกับโป๋เหวิน ซือเฉินไม่มีทางไม่สนใจแน่นอน พอถึงเวลาขอแค่ซือเฉินกลับมา ขอแค่ซือเฉินสนใจเรื่องของโป๋เหวิน งั้นคำพูดก่อนหน้านี้ของซือเฉินก็นับไม่ได้แล้ว”
“ความหมายของเธอคือสร้างอุบัติเหตุให้โป๋เหวิน?” คุณปู่เย่ขมวดคิ้วขึ้น ไม่ง่ายเลยกว่าจะเห็นด้วยกับความคิดของคุณย่าเย่ทันที “เธอเองก็รู้จักซือเฉินดี ในเมื่อเขาเปิดงานแถลงข่าวตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่แล้ว งั้นก็ไม่กลับมาง่ายๆ แน่นอน นอกจากว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นกับโป๋เหวิน”
มองออกถึงความลังเลของคุณปู่เย่ ไม่ว่ายังไงแล้วเย่โป๋เหวินก็เป็นลูกชายแท้ๆ ของเขา หากเป็นเรื่องเล็กก็ช่างเถอะ ทว่าคุณปู่เย่เองก็รู้ดี หากเรื่องเล็กไป ไม่สามารถให้เย่ซือเฉินกลับมาแน่นอน
หากจะทำเรื่องให้ใหญ่? ต้องวุ่นวายถึงขั้นไหน ร่างกายของเย่โป๋เหวินไม่ดีอยู่แล้ว ถ้าหาก……
คุณย่าเย่ตะลึงไปเล็กน้อย ไม่ว่ายังไงแล้วก็เป็นลูกชายแท้ๆ ของตัวเอง ต้องไม่อยากแน่นอน “พวกเราสามารถคุยกับคุณหมอที่โรงพายบาลรักษาก่อน”
“ความสามารถของซือเฉินเธอรู้ดี ความสามารถที่แท้จริงของซือเฉินเกรงว่าเก่งกาจกว่าที่เราเห็น อีกอย่างซือเฉินทำอะไรก็รอบคอบ ระมัดระวังมาโดยตลอด ซือเฉินไม่ได้หลอกง่ายขนาดนั้น” คุณปู่เย่ส่ายหัวเบาๆ ความสามารถของเย่ซือเฉินเก่งกาจเกินไปแล้ว ไม่ได้หลอกง่ายขนาดนั้นแน่นอน เรื่องนี้ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นแน่นอน
“แล้วจะทำยังไง? นายมีวิธีที่ดีกว่าไหม?” คุณย่าเย่มองไปทางคุณปู่เย่ นัยน์ตาคู่หนึ่งเปล่งประกายขึ้น “หากซือเฉินไม่กลับมา การแต่งกับองค์หญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้ก็จะไม่สำเร็จ ตอนที่ซือเฉินเปิดงานแถลงข่าวได้ประกาศแล้วว่าจะยุ่งเกี่ยวกับบริษัทตระกูลเย่กรุ้ป หากซือเฉินไม่กลับมา ก็จะไม่มีคนดูแลบริษัทตระกูลเย่กรุ้ป แล้วก็ธุรกิจพวกนั้นของบริษัทตระกูลเย่กรุ้ป หากซือเฉินไม่กลับมา ก็ยากมากที่ธุรกิจพวกนั้นจะกลายเป็นของบ้านเย่”
“แล้วเธออยากทำยังไง? จะทำยังไงกับโป๋เหวิน?” คุณปู่เย่สูดหายใจลึก นัยน์ตาหม่นหมองลง สุดท้ายก็ทำการตัดสินใจ
หลังจากเรื่องเมื่อยี่สิบปีก่อน เย่โป๋เหวินก็กลายเป็นอัมพาต ไม่สนใจเรื่องใดๆ และไม่สนใจใครเลย ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น อย่าว่าแต่เรื่องบ้านและเรื่องบริษัทเลย แม้กระทั่งลูกชายของตัวเองเย่โป๋เหวินก็ไม่สนใจ เห็นพวกผู้อาวุโสทั้งสองเป็นเหมือนอากาศ
สามารถพูดได้เลยว่า ตลอดยี่สิบปีมานี้ เย่โป๋หวินไม่เคยสร้างคุณค่าใดๆให้กับบ้านเย่เลย
แล้วเมื่อสองปีก่อน เย่โป๋เหวินเกิดอุบัติเหตุทางรถขึ้น กลายเป็นคนอัมพาต ตั้งแต่นั้นมาก็ขังตัวเองไว้ในโรงพยาบาลรักษา ไม่พบใครทั้งนั้น มีลูกชายแบบนี้สู้ไม่มีดีกว่า
“ตลอดหลายปีมานี้โป๋เหวินผ่านมาอย่างลำบากเกินไปแล้ว เรื่องเมื่อยี่สิบปีก่อนทรมานเข้ามาโดยตลอด ทำให้เขาเจ็บปวดทรมาน ต่อมาเกิดอุบัติเหตุทางรถกลายเป็นอัมพาต ยิ่งเหมือนดั่งตายทั้งเป็น ตลอดหลายปีมานี้ฉันเห็นเขาเป็นแบบนี้ก็สงสาร บางทีฉันกลับอยากให้เขารีบปล่อยวางก็ดี” คุณย่าเย่ถอนหายใจเบาๆ เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าบนใบหน้ามีความเจ็บปวดอยู่ “มีชีวิตอยู่แบบนี้ นอกจากได้รับการทรมานแล้วยังมีความหมายอะไรอีก?”
ดวงตาของคุณปู่เย่เบิกตากว้างขึ้น มองไปทางคุณย่าเย่หนึ่งที คุณปู่เย่ขยับมุมปากเล็กน้อย เหมือนอยากพูดอะไรบางอย่าง ทว่าสุดท้ายกลับพูดไม่ออกสักคำ
“ครั้งที่แล้วโป๋เหวินกลับมานอนที่บ้านคืนหนึ่งแล้วกลับไปที่โรงพยาบาลรักษา ต่อมาฉันไปเยี่ยมเขา เขาไม่ยอมเจอฉันเลย ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง แต่ว่าฉันรู้ว่าในใจของเขาต้องเจ็บปวดมากแน่ๆ เขาไม่เพียงแต่เจ็บปวดในใจ ร่างกายก็คงเจ็บปวดทรมาน ฉันได้ยินหมอบอกว่า เพราะว่าเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ กล้ามเนื้อบนร่างกายต่างก็หดตัวหมดแล้ว ตอนนี้เขามีชีวิตอยู่ก็เหมือนกับคนที่ใช้ชีวิตไปวันๆ” คุณย่าเย่เห็นคุณปู่เย่ไม่ได้พูดอะไร ก็พูดเสริมไปอีกประโยคว่า “เห็นเขาในสภาพแบบนี้แล้วนายไม่รู้สึกสงสารเหรอ?”
“แล้วแต่เธอละกัน เธออยากทำยังไงก็ทำแบบนั้น” คุณปู่เย่คือคนที่ฉลาด เป็นสามีภรรยากับคุณย่าเย่มาตลอดหลายปี แน่นอนว่าคุณปู่เย่เข้าในความหมายของคุณย่าเย่ ทว่าเขาเองก็เห็นด้วยกับวิธีการของคุณย่าเย่!!
โลภมากลาภหาย คุณปู่เย่และคุณย่าเย่เป็นคนแบบนั้นแน่นอน พวกเขาโลภมากเกินไปแล้ว อยากจะแย่งทุกอย่างที่อยู่บนโลกนี้มาให้หมด กลายเป็นของตัวเอง แต่ว่าพวกเขาไม่รู้ว่า การที่โลภเกินไปจะต้องเสียบางอย่างไปแน่นอน……
ทุกเรื่องที่ทำไปล้วนมีผลกรรม ทำอะไรไว้ก็จะได้รับผลตามน้ำ และถูกกำหนดแล้วว่าจะมีกรรมยังไง
คุณปู่เย่ไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่น้อยเลย รีบโทรหาคนให้ไปสืบธุรกิจของเย่ซือเฉิน
ครั้งที่แล้วเขาให้พ่อบ้านไปหา ทว่าตอนนี้เขาไม่เชื่อใจในตัวพ่อบ้านแล้ว เขารู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ที่พ่อบ้านจะโกหกเขา
เรื่องนี้คุณปู่เย่เข้าใจพ่อบ้านผิดไปแล้วจริงๆ นั่นเป็นฝีมือของมู่หรงดัวหยางล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับพ่อบ้านเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าพ่อบ้านจะสงสารคุณชายสามเย่ ทว่ากลับไม่เคยหักหลังคุณปู่เย่เลย
ครั้งนี้ คุณปู่เย่ได้เชิญคนที่เชี่ยวชาญไปสืบ คนคนนี้ก็เป็นคนที่คุณปู่เย่เชื่อใจมากที่สุด
“เด็กสองคนนั้นกับเวินลั่วฉิงจะทำยังไง?!” เห็นคุณปู่เย่กำชับวางสายแล้ว คุณย่าเย่ก็รีบถามต่อ
“คนพวกนั้นไร้ประโยชน์เกินไปแล้ว ตอนนี้พวกเขายังอยู่ในมือองค์กรยมบาลใช้ไม่ได้แล้ว” คุณปู่เย่พูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาทั้งคู่หรี่ตาขึ้น “ต่อจากนี้คนขององค์กรยมบาลต้องจับตามองเรื่องนี้ไว้แน่ๆ คนที่พวกเราตามหานั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ขององค์กรยมบาลดังนั้นเกรงว่าเรื่องนี้จะวุ่นวาย กู้หวูยังขู่ฉันอีกด้วย”
“องค์กรยมบาลเป็นของซือเฉิน พวกเขากล้าทำแบบนี้กับนายได้ยังไง?” สีหน้าของคุณย่าเย่หม่นหมองลง “ไม่มีขื่อไม่มีแปเลยจริงๆ!!”
“ซือเฉินพึ่งเปิดงานแถลงข่าวตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่ ดังนั้นคนขององค์กรยมบาลในตอนนี้ยังไม่ฟังพวกเรา รอให้ซือเฉินกลับมาบ้านเย่ องค์กรยมบาลก็คือของบ้านเย่เรา พอถึงเวลาค่อยจัดการยัยกู้หวูนั้นดีๆ พอถึงเวลาก็สามารถเปลี่ยนองค์กรยมบาลเป็นคนของเราแล้ว”
“งั้นเวินลั่วฉิงกับเด็กสองคนนั้นก็ปล่อยไปแบบนี้เหรอ? เรื่องนี้ห้ามชักช้าแล้ว หากถูกคนขององค์กรโกสต์ซิตี้รู้เข้าก็แย่แล้ว อีกอย่างนายก็รู้ว่าเวินลั่วฉิงเป็นคนคดในข้องอในกระดูก เรื่องนี้วันนี้ต้องเป็นเวินลั่วฉิงที่สั่งให้เด็กพวกนั้นทำแน่ๆ ใครจะไปรู้ว่าเวินลั่วฉิงจะสร้างเรื่องอะไรขึ้นมาอีก? ก็แค่กลัวว่าเวินลั่วฉิงจะมาทำลายงานแต่งของซือเฉินกับองค์หญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้” คุณย่าเย่ขมวดคิ้วขึ้น เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าไม่พอใจ
“ตอนนี้พวกเราตามหาเวินลั่วฉิงและเด็กสองคนนั้นไม่เจอ อีกอย่างหากพวกเราส่งคนไปตามตอนนี้ก็จะถูกคนขององค์กรยมบาลจับตา ไอ้หนอนก็ต้องตกอยู่ในมือขององค์กรยมบาลคนหาแล้วหาไม่เจอพวกเราจะทำยังไงได้? เธอมีวิธีอะไร?” คุณปู่เย่เองก็เครียดมาก เรื่องที่ง่ายมากๆ ในตอนแรกคิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะวุ่นวายขนาดนี้
“ฉันมีวิธีหนึ่ง สามารถให้เวินลั่วฉิงออกมาเองได้” นัยน์ตาของคุณย่าเย่เปล่งประกายขึ้น มุมปากเผยรอยยิ้มออกมาอ่อนๆ
“วิธีอะไร?” คุณปู่เย่ได้ยินว่ามีวิธี นัยน์ตาก็สว่างขึ้น เขาก็ยังมีความเสียใจเจ้าเด็กผู้ชายนั่น แต่ว่าเวินลั่วฉิงกับเด็กผู้หญิงนั่นต้องรีบจัดการ
ความเจ้าเล่ห์เจ้าวางแผนของเวินลั่วฉิงเขาเองก็เคยเจอมาก่อนแล้ว!!
“คุณปู่เวินยังอยู่ในโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ? หากเกินเรื่องขึ้นกับคุณปู่เวิน เวินลั่วฉิงจะไม่ออกมาเหรอ?” คุณย่าเย่ค่อยๆ พูดแผนการของตัวเองออกมา ตรงมุมปากมีรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์อย่างเห็นได้ชัดเจน
“ถือว่าเป็นวิธีที่ดี” คุณปู่เย่รีบตื่นได้สติทันที เห็นด้วยกับคุณย่าเย่ “เราส่งคนจับตาการเคลื่อนไหวในโรงพยาบาลมาโดยตลอด แต่ว่าสองสามวันนี้เวินลั่วฉิงไม่ไปโรงพยาบาลเลย เห็นหมอบอกว่าถึงแม้คุณปู่เวินจะไม่ฟื้นสักที แต่ว่าอาการก็ถือว่าคงที งั้นพวกเราก็สร้างเรื่องให้คุณปู่เวินหน่อย พอถึงเวลาเวินลั่วฉิงต้องปรากฏตัวแน่นอน”
“เรื่องเล็กเกินไป เวินลั่วฉิงก็ยังไม่ออกมา ในเมื่อจะทำ ก็ทำใหญ่เลย พวกเราห้ามให้เกิดข้อผิดพลาดใดๆในครั้งนี้เด็ดขาด” หลายปีมานี้คุณย่าเย่ฝึกฝนจนจิตใจโหดเหี้ยมมากแล้ว
“ได้ เรื่องนี้เธอไปทำ ต้องระวังมากๆ ห้ามถูกคนจับจุดอ่อนได้เด็ดขาด” คุณปู่เย่ไม่มีข้อสงสัยใดๆ กับความคิดของคุณย่าเย่ เห็นด้วยเป็นอย่างมาก
“วางใจเถอะ” คุณย่าเย่พยักหน้าเล็กน้อย นัยน์ตาของเธอเปล่งประกายขึ้น “จู่ๆ ฉันก็นึกขึ้น พวกเราสามารถใช้วิธีเดียวให้ซือเฉินกลับบ้านเย่”
“หืม? วิธีอะไร?” ทันใดนั้นคุณปู่เย่ยังไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจความหมายของคุณย่าเย่
“ความหมายของฉันก็คือสามารถใช้โป๋เหวินให้ซือเฉินกลับมา ตอนนี้โป๋เหวินพักอยู่ในโรงพยาบาลรักษา หากเกิดอะไรขึ้นกับโป๋เหวิน ซือเฉินไม่มีทางไม่สนใจแน่นอน พอถึงเวลาขอแค่ซือเฉินกลับมา ขอแค่ซือเฉินสนใจเรื่องของโป๋เหวิน งั้นคำพูดก่อนหน้านี้ของซือเฉินก็นับไม่ได้แล้ว”
“ความหมายของเธอคือสร้างอุบัติเหตุให้โป๋เหวิน?” คุณปู่เย่ขมวดคิ้วขึ้น ไม่ง่ายเลยกว่าจะเห็นด้วยกับความคิดของคุณย่าเย่ทันที “เธอเองก็รู้จักซือเฉินดี ในเมื่อเขาเปิดงานแถลงข่าวตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่แล้ว งั้นก็ไม่กลับมาง่ายๆ แน่นอน นอกจากว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นกับโป๋เหวิน”
มองออกถึงความลังเลของคุณปู่เย่ ไม่ว่ายังไงแล้วเย่โป๋เหวินก็เป็นลูกชายแท้ๆ ของเขา หากเป็นเรื่องเล็กก็ช่างเถอะ ทว่าคุณปู่เย่เองก็รู้ดี หากเรื่องเล็กไป ไม่สามารถให้เย่ซือเฉินกลับมาแน่นอน
หากจะทำเรื่องให้ใหญ่? ต้องวุ่นวายถึงขั้นไหน ร่างกายของเย่โป๋เหวินไม่ดีอยู่แล้ว ถ้าหาก……
คุณย่าเย่ตะลึงไปเล็กน้อย ไม่ว่ายังไงแล้วก็เป็นลูกชายแท้ๆ ของตัวเอง ต้องไม่อยากแน่นอน “พวกเราสามารถคุยกับคุณหมอที่โรงพายบาลรักษาก่อน”
“ความสามารถของซือเฉินเธอรู้ดี ความสามารถที่แท้จริงของซือเฉินเกรงว่าเก่งกาจกว่าที่เราเห็น อีกอย่างซือเฉินทำอะไรก็รอบคอบ ระมัดระวังมาโดยตลอด ซือเฉินไม่ได้หลอกง่ายขนาดนั้น” คุณปู่เย่ส่ายหัวเบาๆ ความสามารถของเย่ซือเฉินเก่งกาจเกินไปแล้ว ไม่ได้หลอกง่ายขนาดนั้นแน่นอน เรื่องนี้ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นแน่นอน
“แล้วจะทำยังไง? นายมีวิธีที่ดีกว่าไหม?” คุณย่าเย่มองไปทางคุณปู่เย่ นัยน์ตาคู่หนึ่งเปล่งประกายขึ้น “หากซือเฉินไม่กลับมา การแต่งกับองค์หญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้ก็จะไม่สำเร็จ ตอนที่ซือเฉินเปิดงานแถลงข่าวได้ประกาศแล้วว่าจะยุ่งเกี่ยวกับบริษัทตระกูลเย่กรุ้ป หากซือเฉินไม่กลับมา ก็จะไม่มีคนดูแลบริษัทตระกูลเย่กรุ้ป แล้วก็ธุรกิจพวกนั้นของบริษัทตระกูลเย่กรุ้ป หากซือเฉินไม่กลับมา ก็ยากมากที่ธุรกิจพวกนั้นจะกลายเป็นของบ้านเย่”
“แล้วเธออยากทำยังไง? จะทำยังไงกับโป๋เหวิน?” คุณปู่เย่สูดหายใจลึก นัยน์ตาหม่นหมองลง สุดท้ายก็ทำการตัดสินใจ
หลังจากเรื่องเมื่อยี่สิบปีก่อน เย่โป๋เหวินก็กลายเป็นอัมพาต ไม่สนใจเรื่องใดๆ และไม่สนใจใครเลย ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น อย่าว่าแต่เรื่องบ้านและเรื่องบริษัทเลย แม้กระทั่งลูกชายของตัวเองเย่โป๋เหวินก็ไม่สนใจ เห็นพวกผู้อาวุโสทั้งสองเป็นเหมือนอากาศ
สามารถพูดได้เลยว่า ตลอดยี่สิบปีมานี้ เย่โป๋หวินไม่เคยสร้างคุณค่าใดๆให้กับบ้านเย่เลย
แล้วเมื่อสองปีก่อน เย่โป๋เหวินเกิดอุบัติเหตุทางรถขึ้น กลายเป็นคนอัมพาต ตั้งแต่นั้นมาก็ขังตัวเองไว้ในโรงพยาบาลรักษา ไม่พบใครทั้งนั้น มีลูกชายแบบนี้สู้ไม่มีดีกว่า
“ตลอดหลายปีมานี้โป๋เหวินผ่านมาอย่างลำบากเกินไปแล้ว เรื่องเมื่อยี่สิบปีก่อนทรมานเข้ามาโดยตลอด ทำให้เขาเจ็บปวดทรมาน ต่อมาเกิดอุบัติเหตุทางรถกลายเป็นอัมพาต ยิ่งเหมือนดั่งตายทั้งเป็น ตลอดหลายปีมานี้ฉันเห็นเขาเป็นแบบนี้ก็สงสาร บางทีฉันกลับอยากให้เขารีบปล่อยวางก็ดี” คุณย่าเย่ถอนหายใจเบาๆ เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าบนใบหน้ามีความเจ็บปวดอยู่ “มีชีวิตอยู่แบบนี้ นอกจากได้รับการทรมานแล้วยังมีความหมายอะไรอีก?”
ดวงตาของคุณปู่เย่เบิกตากว้างขึ้น มองไปทางคุณย่าเย่หนึ่งที คุณปู่เย่ขยับมุมปากเล็กน้อย เหมือนอยากพูดอะไรบางอย่าง ทว่าสุดท้ายกลับพูดไม่ออกสักคำ
“ครั้งที่แล้วโป๋เหวินกลับมานอนที่บ้านคืนหนึ่งแล้วกลับไปที่โรงพยาบาลรักษา ต่อมาฉันไปเยี่ยมเขา เขาไม่ยอมเจอฉันเลย ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง แต่ว่าฉันรู้ว่าในใจของเขาต้องเจ็บปวดมากแน่ๆ เขาไม่เพียงแต่เจ็บปวดในใจ ร่างกายก็คงเจ็บปวดทรมาน ฉันได้ยินหมอบอกว่า เพราะว่าเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ กล้ามเนื้อบนร่างกายต่างก็หดตัวหมดแล้ว ตอนนี้เขามีชีวิตอยู่ก็เหมือนกับคนที่ใช้ชีวิตไปวันๆ” คุณย่าเย่เห็นคุณปู่เย่ไม่ได้พูดอะไร ก็พูดเสริมไปอีกประโยคว่า “เห็นเขาในสภาพแบบนี้แล้วนายไม่รู้สึกสงสารเหรอ?”
“แล้วแต่เธอละกัน เธออยากทำยังไงก็ทำแบบนั้น” คุณปู่เย่คือคนที่ฉลาด เป็นสามีภรรยากับคุณย่าเย่มาตลอดหลายปี แน่นอนว่าคุณปู่เย่เข้าในความหมายของคุณย่าเย่ ทว่าเขาเองก็เห็นด้วยกับวิธีการของคุณย่าเย่!!