“ คุณผู้หญิงเย่คนนี้ ก่อนหน้านั้นถูกบริษัทส่งไปดูงานที่ต่างประเทศช่วงหนึ่ง สองสามวันก่อนเพิ่งกลับมาครับ ”
ในที่สุดก็ได้ยินข่าวดีเรื่องหนึ่ง อารมณ์หงุดหงิดของโม่เทียนยวี๋ค่อยคลายลงมาหน่อย “งั้น ยังต้องรออะไรอีก ทำตามแผนที่วางไว้”
“ครับ คุณชาย.”
โรงพยาบาลเจียงเฉิง
โม่เทียนยวี๋นอนอยู่ที่ห้องผู้ป่วยวีไอพี โดยมีพ่อบ้านยืนอยู่ข้างๆ ในมือของพ่อบ้านนั้นถือโทรศัพท์มือถือของผู้หญิงคนหนึ่งไว้ โทรศัพท์มือถือเครื่องนี้ กว่าจะให้คนไปขโมยมันมาจากเย่ซือเยวี่ยโดยที่ไม่ให้เธอรู้ตัว
เขาตั้งใจว่าจะใช้อุบายเจ็บกาย แน่นอนว่า อย่างแรกต้องให้โม่โยวปรากฏตัวก่อน
ไม่ใช่ว่าโม่เทียนยวี๋จะไม่เคยลองใช้เบอร์โทรศัพท์มือถืออื่นโทรหาโม่โยวมาก่อน แต่เขาไม่สามารถติดต่อได้เลย ทำให้เขาสงสัยว่าลับหลังเขาผู้หญิงคนนี้จะต้องเปลี่ยนเบอร์ไปแล้วแน่ๆ
ไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆ ถึงได้ออกอุบายนี้
หลังจากที่ได้โทรศัพท์มือถือของเย่ซือเยวี่ยมาดูแล้ว ถึงได้รู้ว่าเธอยังไม่ได้เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์
ฝั่งของโม่โยวนั้นรับสายอย่างรวดเร็ว ยังมีเสียงหัวเราะดังออกมา ” ซือเยวี่ย มีอะไรรึเปล่า”
โม่เทียนยวี๋ที่พิงอยู่บนเตียงผู้ป่วยนั้น สีหน้าคับแค้นใจ หายใจหนักหน่วง ไอ้หญิงบ้า ที่แท้มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่ไม่สามารถติดต่อเธอได้
พ่อบ้านรับโทรศัพท์ และเริ่มแสดงตามแผนที่ได้จัดเตรียมไว้ล่วงหน้า น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
” คุณโม่ครับ เป็นลุงฉินเองครับ”
โม่โยวที่อยู่บ้านรู้สึกประหลาดใจมาก เธอเหลือบตามองที่เบอร์โทรผู้โทรอีกครั้ง ขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ” ลุงฉิน ทำไมถึงเป็นคุณลุงคะ นี่ไม่ใช่โทรศัพย์ของซือเยวี่ยหรอกเหรอ ”
พ่อบ้านฉินข้ามคำถามข้อนี้ไปเลย ยิงตรงเข้าเรื่องเลย ” คุณโม่ครับ คุณชายอยู่ที่โรงพยาบาลครับ จะตายแล้วครับ คุณมีเวลารีบมาดูใจคุณชายหน่อยนะครับ ”
โม่โยวยิ่งประหลาดใจกันไปใหญ่ ” เดี๋ยวก่อนนะคะลุงฉิน คุณชายยวี๋เป็นอะไรนะคะ ”
” นี่ไม่ใช่คำสองคำก็สามารถพูดชัดเจนได้ครับ อย่างไรก็ตามคุณชายเกิดเรื่องแล้วครับ ถูกคนทำร้ายจนอาการสาหัสเลยครับ พักอยู่ที่ห้องผู้ป่วยหนักมานานหลายวันอาการพึ่งจะคงที่ครับ”
” คุณโม่ครับ ไม่ว่าระหว่างคุณกับคุณชายจะมีเรื่องอะไรขัดแย้งกัน แต่ว่าในใจของคุณชายยังเป็นห่วงคุณตลอด ถือว่าลุงฉินขอร้องนะครับ มาเยี่ยมคุณชายฉินหน่อยนะครับ ”
โม่โยว “… ”
หลังจากที่เธอวางสายโทรศัพท์ หัวใจเธอสับสนไปหมด จู่ๆเธอก็รู้สึกงุนงง ถ้าไม่ใช่เพราะสายโทรศัพย์นี้ เธอดูเหมือน … ไม่ได้คิดถึงโม่เทียนยวี๋มานานแล้ว ราวกับว่าไม่มีคนคนนี้อยู่บนโลก
เมื่อคิดแบบนี้ โม่โยวอดรู้สึกผิดเล็กน้อยไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ในช่วงห้าปีที่ตัวเองสูญเสียความทรงจำ โม่เทียนยวี๋ได้ให้ความช่วยเหลือและดูแลเธอไม่น้อยเลย สามารถพูดได้ว่า ถ้าไม่มีโม่เทียนยวี๋ ตอนนี้ตัวเองจะเป็นยังไงก็ไม่รู้
ตอนนี้มาลองคิดดูแล้ว หลังจากที่โม่เทียนยวี๋ขอเธอแต่งงาน ดูเหมือนว่าเขาก็ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เป็นเพราะได้รับบาดเจ็บรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเหรอ
ไม่ว่า ระหว่างตัวเองกับโม่เทียนยวี๋นั้นจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันหรือไม่ โม่เทียนยวี๋ได้รับบาดเจ็บ เธอก็ควรไปเยี่ยมเขาหน่อย ดูสิว่าเขามีอะไรที่ต้องการให้เธอช่วยเหลือหรือเปล่า
วันถัดไป.
วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์พอดี และไม่จำเป็นต้องลางาน โม่โยวมีเรื่องไม่สบายใจ เลยตื่นขึ้นมาแต่เช้าซื้ออาหารเสริมแล้วตรงไปที่โรงพยาบาลทันที
เป็นผลให้ลู่อันหรานที่หยุดเรียนเหมือนกัน เสียเวลาเปล่า
ลู่อันหรานเห็นประตูที่ปิดอยู่ งงเลย กำลังจะเซอร์ไพรส์ให้แม่ซะหน่อย ขมวดคิ้วเล็กของเขาขึ้นมา
บอดี้การ์ดลุ่อีเห็นแบบนี้ พูดอย่างคลุมเครือ ” ต้องการตรวจเช็คการเดินทางของคุณโม่ไหมครับ”
ลู่อันหรานกระพริบตาแล้วพยักหน้าทันที ” ต้องการ รีบตรวจเลย”
ลู่อีพยักหน้า หันหลังลงไปชั้นล่าง
เขาไม่จำเป็นต้องตรวจเช็คเลย ก็แค่ติดต่อกับเพื่อนร่วมงานของโม่โยวสองสามคนก็รู้แล้ว
แน่นอนว่า ข้างกายของโม่โยวนั้นมีบอดี้การ์ดอยู่ ไม่เพียงแต่โม่โยวไม่รู้ แม้แต่ลู่อันหรานก็ไม่รู้ ดังนั้นการตรวจเช็คนี้ จำเป็นต้องหลบๆหน่อย
ลู่อีกลับมาเร็วมาก สีหน้ายุ่งเหยิงเล็กน้อย
“อยู่ที่ไหน” ลู่อันหรานถาม
” อยู่ที่โรงพยาบาลเจียงเฉิงครับ ”
“ อะไรนะ โรงพยาบาล แม่ไม่สบายหรือเปล่า ” จู่ๆลู่อันหรานก็เป็นห่วงขึ้นมาอย่างร้อนรนใจ
ลู่อีกระตุกมุมปาก ” คุณชายน้อยไม่ต้องเป็นห่วงครับ ดูเหมือนว่าคุณโม่จะไปเยี่ยมผู้ป่วยครับ ”
ลู่อันหรานถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วพูดอย่างเป็นกันเองว่า “โอ้ เยี่ยมใคร”
“ โม่เทียนยวี๋”
ลู่อันหราน “… ”
ลู่อันหรานคาดคิดไม่ถึงมาก่อนว่า สิ่งที่ตัวเองได้ยินนั้นจะป็นชื่อนี้ ใบหน้าที่ขาวเนียนและอ่อนโยนแข่งทื่อขึ้นมาทันที จากนั้นค่อยๆบิดเบี้ยวขึ้นมา
โม่เทียนยวี๋
ในสมองเล็ก ๆ ของเขา ใบหน้าของบุคคลนั้นก็ปรากฏขึ้น ยังมีรอยยิ้มเยาะเย้ยและคิ้วที่โด่ง ให้ตายสิ ทำไมคนคนนี้ยังกล้ามาวุ่นวายแถวนี้ ตัวเองเกือบจะลืมคนคนนี้ไปแล้ว แล้วทำไมตอนนี้ยังออกมาหลอกหลอนคนแบบนี้
ลู่อีเห็นการแสดงออกของนายน้อยของตัวเอง ก็รู้ได้อย่างชัดเจน เมื่อคิดถึงตอนที่เขาติดต่อไปหาเพื่อนร่วมงานของโม่โยว น้ำเสียงของคนฝั่งโน้นพูดอย่างตื่นตระหนก
คิดๆดูแล้วก็ใช่ เจ้านายนั้นพยายามหาร้อยพันวิธีเพื่อกีดขวางคนตระกูลโม่คนนี้ แต่คิดไม่ถึงว่าพวกเขาก็เจอหน้ากันจนได้ ยังเป็นที่โรงพยาบาลอีก
เขายังสามารถจินตนาการได้เลยว่า หลังจากที่เจ้านายรู้เรื่องนี้ สีหน้าจะน่าเกลียดเพียงใด ความเยื่อกเย็นในตัวของเจ้านายนั้นน่ากล้วแค่ไหน ใจนั้นรู้สึกเป็นห่วงคนพวกนั้นขึ้นมาทันที
“หืม ไปกันเถอะ ไม่ว่าจะยังไงในฐานะคนเคยรู้จัก ในเมื่อเขาเข้าโรงพยาบาล พวกเราก็ไปเยี่ยมเขาหน่อย “ลู่อันหรานพูดด้วยใบหน้าที่เย็นชา
ลู่จิ้นยวนก็ได้รับข่าวทันที ในขณะนี้เขากำลังประชุมทางวิดีโอคอลอยู่ ฟังการรายงานจากผู้จัดการแผนกต่างๆที่สำนักงานใหญ่
เมื่อเห็นข้อความนี้ ใบหน้านั้นมืดลงทันทีแทบจะสามารถบีบออกมาเป็นหยดน้ำหมึกได้แล้ว จนทำให้ผู้จัดการฝ่ายขายที่กำลังพูดอยู่ในวิดีโอคอลกลัวแทบจะกัดโดนลิ้นตัวเอง เหงื่อเย็นๆก็ไหลออกมาทันที
ผู้จัดการฝ่ายขายยังคงไตร่ตรองอยู่ในใจว่า ท่านประธานเป็นอะไร
หรือว่าไม่พอใจกับยอดขายในช่วงครึ่งปีแรก แต่ทั้งๆที่ยอดขายเพิ่มขึ้นถึงศูนย์จุดห้า ก่อนประชุมนั้นเขายังค่อนข้างที่จะภูมิใจอยู่ แต่คิดไม่ถึง ขนาดศูนย์จุดห้าท่านประธานก็ยังรู้สึกไม่พอใจ
ผู้จัดการฝ่ายขายอดไม่ได้ที่จะน้ำตาหลั่ง
“ช่วยสรุปเนื้อหาที่ประชุมวันนี้เป็นอีเมลแล้วส่งให้ฉัน” หลังจากที่ลู่จิ้นยวนพูดท้ายไปอย่างนั้น ก็ทำการตัดสายวิดีโอคอลทันที
อันเฉินที่อยู่ด้านข้างก็ประหลาดใจเช่นกัน” โม่เทียนยวี๋เข้าโรงพยาบาลเหรอ แต่เขาติดต่อกับคุณโม่ได้อย่างไร ประธานลู่ ต้องการให้ผมตรวจสอบดูไหมครับ ”
ต้องตรวจสอบอยู่แล้ว
ลู่จิ้นยวนพยักหน้า ” เรียกดูกล้องวงจรปิดที่อยู่ในห้องผู้ป่วยของเขาออกมาหน่อย “คำพูดประโยคนี้ พูดออกมาง่ายเหมือนกับดื่มน้ำกินข้าวอย่างงััน แน่นอนว่าสำหรับเขามันง่ายมาก
หลังจากที่อันเฉินได้สื่อสารกับใต้บังคับบัญชาขอเขาไม่กี่คำ ก็ได้ยื่นแท็บเล็ตออกไปให้ ” นายน้อยก็ทราบรู้แล้วครับ กำลังเดินทางไปโรงพยาบาลครับ ”
ลู่จิ้นยวนเลิกคิ้ว ความรู้สึกอึดอัดคลายลงเล็กน้อย ลูกชายของบ้านตัวเองก็ไปแล้ว แบบนี้ก็ต้องมีเรื่องสนุกๆแน่นอน
ภายในห้องผู้ป่วยโรงพยาบาล.
โม่โยวถือของเยี่ยมขึ้นไป ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็ต้องตกใจกับใบหน้าของโม่เทียนยวี๋มาก
“โม่โยว คุณมาแล้วเหรอ ”
โม่เทียนยวี๋มองไปที่เธอ แล้วทำเป็นไอออกมาสองสามทีอย่างไม่มีแรง แล้วทักทายเธออย่างอ่อนแรง ลุงฉินที่อยู่ข้างๆได้เข้ามารับของในมือเธอ แล้วยังได้เลื่อนเก้าอี้ให้เธอนี่ง
ใบหน้าของโม่เทียนยวี๋นั้น ทำให้คนที่เห็นรู้สึกว่าอาการหนักไม่เปล่าจริงๆ
“ คุณผู้หญิงเย่คนนี้ ก่อนหน้านั้นถูกบริษัทส่งไปดูงานที่ต่างประเทศช่วงหนึ่ง สองสามวันก่อนเพิ่งกลับมาครับ ”
ในที่สุดก็ได้ยินข่าวดีเรื่องหนึ่ง อารมณ์หงุดหงิดของโม่เทียนยวี๋ค่อยคลายลงมาหน่อย “งั้น ยังต้องรออะไรอีก ทำตามแผนที่วางไว้”
“ครับ คุณชาย.”
โรงพยาบาลเจียงเฉิง
โม่เทียนยวี๋นอนอยู่ที่ห้องผู้ป่วยวีไอพี โดยมีพ่อบ้านยืนอยู่ข้างๆ ในมือของพ่อบ้านนั้นถือโทรศัพท์มือถือของผู้หญิงคนหนึ่งไว้ โทรศัพท์มือถือเครื่องนี้ กว่าจะให้คนไปขโมยมันมาจากเย่ซือเยวี่ยโดยที่ไม่ให้เธอรู้ตัว
เขาตั้งใจว่าจะใช้อุบายเจ็บกาย แน่นอนว่า อย่างแรกต้องให้โม่โยวปรากฏตัวก่อน
ไม่ใช่ว่าโม่เทียนยวี๋จะไม่เคยลองใช้เบอร์โทรศัพท์มือถืออื่นโทรหาโม่โยวมาก่อน แต่เขาไม่สามารถติดต่อได้เลย ทำให้เขาสงสัยว่าลับหลังเขาผู้หญิงคนนี้จะต้องเปลี่ยนเบอร์ไปแล้วแน่ๆ
ไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆ ถึงได้ออกอุบายนี้
หลังจากที่ได้โทรศัพท์มือถือของเย่ซือเยวี่ยมาดูแล้ว ถึงได้รู้ว่าเธอยังไม่ได้เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์
ฝั่งของโม่โยวนั้นรับสายอย่างรวดเร็ว ยังมีเสียงหัวเราะดังออกมา ” ซือเยวี่ย มีอะไรรึเปล่า”
โม่เทียนยวี๋ที่พิงอยู่บนเตียงผู้ป่วยนั้น สีหน้าคับแค้นใจ หายใจหนักหน่วง ไอ้หญิงบ้า ที่แท้มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่ไม่สามารถติดต่อเธอได้
พ่อบ้านรับโทรศัพท์ และเริ่มแสดงตามแผนที่ได้จัดเตรียมไว้ล่วงหน้า น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
” คุณโม่ครับ เป็นลุงฉินเองครับ”
โม่โยวที่อยู่บ้านรู้สึกประหลาดใจมาก เธอเหลือบตามองที่เบอร์โทรผู้โทรอีกครั้ง ขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ” ลุงฉิน ทำไมถึงเป็นคุณลุงคะ นี่ไม่ใช่โทรศัพย์ของซือเยวี่ยหรอกเหรอ ”
พ่อบ้านฉินข้ามคำถามข้อนี้ไปเลย ยิงตรงเข้าเรื่องเลย ” คุณโม่ครับ คุณชายอยู่ที่โรงพยาบาลครับ จะตายแล้วครับ คุณมีเวลารีบมาดูใจคุณชายหน่อยนะครับ ”
โม่โยวยิ่งประหลาดใจกันไปใหญ่ ” เดี๋ยวก่อนนะคะลุงฉิน คุณชายยวี๋เป็นอะไรนะคะ ”
” นี่ไม่ใช่คำสองคำก็สามารถพูดชัดเจนได้ครับ อย่างไรก็ตามคุณชายเกิดเรื่องแล้วครับ ถูกคนทำร้ายจนอาการสาหัสเลยครับ พักอยู่ที่ห้องผู้ป่วยหนักมานานหลายวันอาการพึ่งจะคงที่ครับ”
” คุณโม่ครับ ไม่ว่าระหว่างคุณกับคุณชายจะมีเรื่องอะไรขัดแย้งกัน แต่ว่าในใจของคุณชายยังเป็นห่วงคุณตลอด ถือว่าลุงฉินขอร้องนะครับ มาเยี่ยมคุณชายฉินหน่อยนะครับ ”
โม่โยว “… ”
หลังจากที่เธอวางสายโทรศัพท์ หัวใจเธอสับสนไปหมด จู่ๆเธอก็รู้สึกงุนงง ถ้าไม่ใช่เพราะสายโทรศัพย์นี้ เธอดูเหมือน … ไม่ได้คิดถึงโม่เทียนยวี๋มานานแล้ว ราวกับว่าไม่มีคนคนนี้อยู่บนโลก
เมื่อคิดแบบนี้ โม่โยวอดรู้สึกผิดเล็กน้อยไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ในช่วงห้าปีที่ตัวเองสูญเสียความทรงจำ โม่เทียนยวี๋ได้ให้ความช่วยเหลือและดูแลเธอไม่น้อยเลย สามารถพูดได้ว่า ถ้าไม่มีโม่เทียนยวี๋ ตอนนี้ตัวเองจะเป็นยังไงก็ไม่รู้
ตอนนี้มาลองคิดดูแล้ว หลังจากที่โม่เทียนยวี๋ขอเธอแต่งงาน ดูเหมือนว่าเขาก็ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เป็นเพราะได้รับบาดเจ็บรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเหรอ
ไม่ว่า ระหว่างตัวเองกับโม่เทียนยวี๋นั้นจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันหรือไม่ โม่เทียนยวี๋ได้รับบาดเจ็บ เธอก็ควรไปเยี่ยมเขาหน่อย ดูสิว่าเขามีอะไรที่ต้องการให้เธอช่วยเหลือหรือเปล่า
วันถัดไป.
วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์พอดี และไม่จำเป็นต้องลางาน โม่โยวมีเรื่องไม่สบายใจ เลยตื่นขึ้นมาแต่เช้าซื้ออาหารเสริมแล้วตรงไปที่โรงพยาบาลทันที
เป็นผลให้ลู่อันหรานที่หยุดเรียนเหมือนกัน เสียเวลาเปล่า
ลู่อันหรานเห็นประตูที่ปิดอยู่ งงเลย กำลังจะเซอร์ไพรส์ให้แม่ซะหน่อย ขมวดคิ้วเล็กของเขาขึ้นมา
บอดี้การ์ดลุ่อีเห็นแบบนี้ พูดอย่างคลุมเครือ ” ต้องการตรวจเช็คการเดินทางของคุณโม่ไหมครับ”
ลู่อันหรานกระพริบตาแล้วพยักหน้าทันที ” ต้องการ รีบตรวจเลย”
ลู่อีพยักหน้า หันหลังลงไปชั้นล่าง
เขาไม่จำเป็นต้องตรวจเช็คเลย ก็แค่ติดต่อกับเพื่อนร่วมงานของโม่โยวสองสามคนก็รู้แล้ว
แน่นอนว่า ข้างกายของโม่โยวนั้นมีบอดี้การ์ดอยู่ ไม่เพียงแต่โม่โยวไม่รู้ แม้แต่ลู่อันหรานก็ไม่รู้ ดังนั้นการตรวจเช็คนี้ จำเป็นต้องหลบๆหน่อย
ลู่อีกลับมาเร็วมาก สีหน้ายุ่งเหยิงเล็กน้อย
“อยู่ที่ไหน” ลู่อันหรานถาม
” อยู่ที่โรงพยาบาลเจียงเฉิงครับ ”
“ อะไรนะ โรงพยาบาล แม่ไม่สบายหรือเปล่า ” จู่ๆลู่อันหรานก็เป็นห่วงขึ้นมาอย่างร้อนรนใจ
ลู่อีกระตุกมุมปาก ” คุณชายน้อยไม่ต้องเป็นห่วงครับ ดูเหมือนว่าคุณโม่จะไปเยี่ยมผู้ป่วยครับ ”
ลู่อันหรานถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วพูดอย่างเป็นกันเองว่า “โอ้ เยี่ยมใคร”
“ โม่เทียนยวี๋”
ลู่อันหราน “… ”
ลู่อันหรานคาดคิดไม่ถึงมาก่อนว่า สิ่งที่ตัวเองได้ยินนั้นจะป็นชื่อนี้ ใบหน้าที่ขาวเนียนและอ่อนโยนแข่งทื่อขึ้นมาทันที จากนั้นค่อยๆบิดเบี้ยวขึ้นมา
โม่เทียนยวี๋
ในสมองเล็ก ๆ ของเขา ใบหน้าของบุคคลนั้นก็ปรากฏขึ้น ยังมีรอยยิ้มเยาะเย้ยและคิ้วที่โด่ง ให้ตายสิ ทำไมคนคนนี้ยังกล้ามาวุ่นวายแถวนี้ ตัวเองเกือบจะลืมคนคนนี้ไปแล้ว แล้วทำไมตอนนี้ยังออกมาหลอกหลอนคนแบบนี้
ลู่อีเห็นการแสดงออกของนายน้อยของตัวเอง ก็รู้ได้อย่างชัดเจน เมื่อคิดถึงตอนที่เขาติดต่อไปหาเพื่อนร่วมงานของโม่โยว น้ำเสียงของคนฝั่งโน้นพูดอย่างตื่นตระหนก
คิดๆดูแล้วก็ใช่ เจ้านายนั้นพยายามหาร้อยพันวิธีเพื่อกีดขวางคนตระกูลโม่คนนี้ แต่คิดไม่ถึงว่าพวกเขาก็เจอหน้ากันจนได้ ยังเป็นที่โรงพยาบาลอีก
เขายังสามารถจินตนาการได้เลยว่า หลังจากที่เจ้านายรู้เรื่องนี้ สีหน้าจะน่าเกลียดเพียงใด ความเยื่อกเย็นในตัวของเจ้านายนั้นน่ากล้วแค่ไหน ใจนั้นรู้สึกเป็นห่วงคนพวกนั้นขึ้นมาทันที
“หืม ไปกันเถอะ ไม่ว่าจะยังไงในฐานะคนเคยรู้จัก ในเมื่อเขาเข้าโรงพยาบาล พวกเราก็ไปเยี่ยมเขาหน่อย “ลู่อันหรานพูดด้วยใบหน้าที่เย็นชา
ลู่จิ้นยวนก็ได้รับข่าวทันที ในขณะนี้เขากำลังประชุมทางวิดีโอคอลอยู่ ฟังการรายงานจากผู้จัดการแผนกต่างๆที่สำนักงานใหญ่
เมื่อเห็นข้อความนี้ ใบหน้านั้นมืดลงทันทีแทบจะสามารถบีบออกมาเป็นหยดน้ำหมึกได้แล้ว จนทำให้ผู้จัดการฝ่ายขายที่กำลังพูดอยู่ในวิดีโอคอลกลัวแทบจะกัดโดนลิ้นตัวเอง เหงื่อเย็นๆก็ไหลออกมาทันที
ผู้จัดการฝ่ายขายยังคงไตร่ตรองอยู่ในใจว่า ท่านประธานเป็นอะไร
หรือว่าไม่พอใจกับยอดขายในช่วงครึ่งปีแรก แต่ทั้งๆที่ยอดขายเพิ่มขึ้นถึงศูนย์จุดห้า ก่อนประชุมนั้นเขายังค่อนข้างที่จะภูมิใจอยู่ แต่คิดไม่ถึง ขนาดศูนย์จุดห้าท่านประธานก็ยังรู้สึกไม่พอใจ
ผู้จัดการฝ่ายขายอดไม่ได้ที่จะน้ำตาหลั่ง
“ช่วยสรุปเนื้อหาที่ประชุมวันนี้เป็นอีเมลแล้วส่งให้ฉัน” หลังจากที่ลู่จิ้นยวนพูดท้ายไปอย่างนั้น ก็ทำการตัดสายวิดีโอคอลทันที
อันเฉินที่อยู่ด้านข้างก็ประหลาดใจเช่นกัน” โม่เทียนยวี๋เข้าโรงพยาบาลเหรอ แต่เขาติดต่อกับคุณโม่ได้อย่างไร ประธานลู่ ต้องการให้ผมตรวจสอบดูไหมครับ ”
ต้องตรวจสอบอยู่แล้ว
ลู่จิ้นยวนพยักหน้า ” เรียกดูกล้องวงจรปิดที่อยู่ในห้องผู้ป่วยของเขาออกมาหน่อย “คำพูดประโยคนี้ พูดออกมาง่ายเหมือนกับดื่มน้ำกินข้าวอย่างงััน แน่นอนว่าสำหรับเขามันง่ายมาก
หลังจากที่อันเฉินได้สื่อสารกับใต้บังคับบัญชาขอเขาไม่กี่คำ ก็ได้ยื่นแท็บเล็ตออกไปให้ ” นายน้อยก็ทราบรู้แล้วครับ กำลังเดินทางไปโรงพยาบาลครับ ”
ลู่จิ้นยวนเลิกคิ้ว ความรู้สึกอึดอัดคลายลงเล็กน้อย ลูกชายของบ้านตัวเองก็ไปแล้ว แบบนี้ก็ต้องมีเรื่องสนุกๆแน่นอน
ภายในห้องผู้ป่วยโรงพยาบาล.
โม่โยวถือของเยี่ยมขึ้นไป ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็ต้องตกใจกับใบหน้าของโม่เทียนยวี๋มาก
“โม่โยว คุณมาแล้วเหรอ ”
โม่เทียนยวี๋มองไปที่เธอ แล้วทำเป็นไอออกมาสองสามทีอย่างไม่มีแรง แล้วทักทายเธออย่างอ่อนแรง ลุงฉินที่อยู่ข้างๆได้เข้ามารับของในมือเธอ แล้วยังได้เลื่อนเก้าอี้ให้เธอนี่ง
ใบหน้าของโม่เทียนยวี๋นั้น ทำให้คนที่เห็นรู้สึกว่าอาการหนักไม่เปล่าจริงๆ