“อีกฝ่ายเป็นถึงผู้สืบทอดของตระกูลหวง คุณหยางสร้างความอับอายกับเขาต่อหน้าผู้คนแบบนี้ จะมีอันตรายหรือเปล่านะ ?”
……
ผู้คนที่อยู่ในงานต่างก็มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ในขณะที่คนส่วนมากต่างก็เห็นชอบในตัวหยางเฉิน แต่ก็มีคนไม่น้อยเลยที่เกิดความกังวลขึ้นในใจ
บนใบหน้าของหวงเจิ้งในตอนนี้บีดเบี้ยวอย่างมาก
วันนี้ก็ขายหน้ามากพอแล้ว แต่หยางเฉินกลับยังกล้าขู่ว่าจะทำให้เขาอยู่ในเจียงโจวตลอดไปอีก
ถ้าหากหยางเฉินไม่ตาย วันข้างหน้าเขาจะมีหน้าที่ไหนกลับไปยังตระกูลหวงอีก ?
หรือต่อให้เขากลับไปแล้ว เกรงว่าตระกูลหวงคงจะไม่มีทางปล่อยเขาไปเป็นแน่ ?
“ไอ้หนุ่ม สิ่งที่นายทำไม่ใช่การท้าทาย แต่เป็นการรนหาที่ตาย !”
หวงเจิ้งพูดด้วยใบหน้าที่อึมครึม แววตาเต็มไปด้วยความชั่วร้าย
แต่หยางเฉินก็ยังคงไม่ได้สนใจ เพียงแต่ลุกขึ้นยืนมาประจันหน้ากับตงเชยด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ใจดวงน้อยของเย่เสี่ยวเตี๋ย กระโดดโลดเต้นอย่างบ้าคลั่ง แววตาที่จ้องมองไปยังหยางเฉินล้วนเต้มไปด้วยความหลงใหล
นี่เขาเพื่อเธอแล้ว ถึงได้ยอมต่อกรกับตระกูลหวงอย่างนั้นหรอ ?
และในเมื่อกี้ในตอนที่เขาให้เธอตกลงทำสัญญากับเขาอย่างหนึ่ง จะเป็นเรื่องที่เขาอยากครอบครองเธอหรือเปล่า ?
ถ้าหากเขาอยากจะครอบครองตัวเอง แบบนั้นตัวเธอควรจะทำอย่างไรดี?
ในเมื่อตอบตกลงไปแล้ว หากเขาอยากให้ฉันทำอะไร ฉันก็จะยอมทั้งนั้น !
เย่เสี่ยวเตี๋ยครุ่นคิดเหลวไหลไปมา เมื่อนึกถึงเรื่องที่ไม่สามารถพูดออกมาได้ ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำขึ้นมา ดูแล้วน่ารักเอามากๆ
เธอแอบชำเลืองมองหยางเฉิน และเห็นว่าหยางเฉินไม่ได้มองมาที่ตัวเอง ถึงค่อยถอนหายใจออกอย่างโล่งอก
“ตงเชย ในเมื่อเจ้าหมอนี้อยากหาที่ตาย อย่างนั้นก็สั่งสอนเขาก่อนแล้วกัน !”
หวงเจิ้งออกคำสั่งให้กับตงเชย
แต่แล้วตงเชยกลับเพิกเฉย เขาที่ยืนห่างจากหยางเฉินประมาณสองเมตรยืนนิ่งด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
ขณะที่หยางเฉินนยังคงนั่งอยู่กับที่ของตัวเอง มองไปยังตงเชยด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง
ไม่ขยับ!
สิ่งนี้กลับทำให้ตงเชยรับรู้ถึงภัยคุกคามที่รุนแรงแทน
“เจ้าหนุ่ม ตระกูลหวงแห่งเยี่ยนตู ไม่ใช่สิ่งที่คุณจะมาขัดแย้งด้วยได้ ผมขอเตือนว่าอย่ามายุ่งเรื่องของคนอื่นให้มากเลยจะดีกว่า”
ตงเชยลองใช้ชื่อตระกูลหวงมาใช้ในการโน้มน้าวหยางเฉิน
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาไม่ได้ต้องการที่จะลงมือกับหยางเฉิน เพราะเด็กหนุ่มที่ทำให้ตัวเขาไม่สามารถมองออกได้เลย ถือเป็นเรื่องที่น่าประหลาดอย่างมาก
ได้ยินมาว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ได้ฆ่าชายผู้เป็นอันดับที่เก้าของสมาคมบูโดมาแล้ว
แต่ความแข็งแกร่งของตัวเขาเองนั้นก็มีมากกว่าชายคนนั้นไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น
“ตงเชย จะไปพูดพร่ำอะไรกับเขานักหนา?จัดการเขาก่อนแล้วค่อยพูด!” หวงเงกัดฟันพูดออกมา
การฉีกหน้าของหยางเฉินและเย่เสี่ยวเตี๋ยก็ทำให้เขาหงุดหงิดมากพออยู่แล้ว ตอนนี้แม้แต่ตงเชยก็ยังไม่ลงมือทำตามคำสั่งของเขาในทันทีอีก
“ขอโทษด้วยครับ!”
ตงเชยไม่มีความลังเลใดๆ อีกต่อไป เพียงชั่วพริบตา เขาก็ฟาดเท้าขึ้นมาพุ่งเข้าหาตัวหยางเฉินทันที
เขาในฐานะคนตระกูลหวง ทั้งยังถูกจัดให้มาคอยคุ้มกันหวงเจิ้ง ไม่ต้องพูดก็เข้าใจได้อย่างชัดเจน
สำหรับคำสั่งของหวงเจิ้งแล้ว เขาเลือกได้เพียงต้องทำตามเท่านั้น
“คุณหยางระวังด้วยค่ะ!”
เย่เสี่ยวเตี๋ยร้องตะโกนตกใจออกมา
ถึงแม้เธอจะรู้ว่าหยางเฉินนั้นมีความแข็งแกร่ง แต่ชื่อเสียงของตงเชย เธอเองก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งเหมือนกัน ซึ่งในตอนนี้เธอยังต้องแอบกังวลแทนหยางเฉินเสียแล้ว
ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงการประมูลต่างพากันตื่นตกใจ ยังไม่ทันได้พูดคุยกันก็ลงมือใช้กำลังเลยหรอ?
ใบหน้าของหวงเจิ้งเต็มไปด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย: “กล้ามาท้าทายฉัน ก็ต้องจบแบบนี้แหละ!รอให้แกตายแล้ว เจียงผิงและหนันหยังทั้งสองเมืองจะยังมีใครกล้าหืออีก?”
นี่เป็นโอกาสเดียวของเขาแล้ว!
เรื่องราคาประมูลที่สูงเสียดฟ้าเมื่อกี้นี้ เขาไม่มีเงินที่จ่ายด้วยซ้ำ และหากเรื่องนี้ดังไปถึงหูตระกูลหวง เขาก็คงจะต้องกลายเป็นหวงจงคนที่สองแน่นอน
ตระกูลหวงเป็นตระกูลที่ให้ความสำคัญเรื่องเกียรติยศศักดิ์ศรีมากยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด แล้วจะยอมปล่อยให้ผู้สืบทอดตระกูลสร้างความอับอายแก่ตระกูลได้อย่างไร?
ในเมื่อเป็นแบบนี้ อย่างนั้นก็ลงมือกับหยางเฉินน่าจะดีกว่า เพียงแค่หยางเฉินตาย เมืองเจียงผิงแลเมืองหนานหยังก็ตกอยู่ในกำมือเขาแล้วไม่ใช่หรือ?
“ฮ่าๆๆ เจ้าหนุ่มตอนนี้รู้จักกลัวแล้วล่ะสิ?ตกใจจนไม่ขยับแล้ว ขาอ่อนหรือยังล่ะ ?คงไม่ใช่ว่าฉี่แตกไปแล้วนะ?ฮ่าๆๆ ……”
หวงเจิ้งที่เห็นว่าหยางเฉินยังคงนั่งอยู่กับที่ จึงหัวเราะร่าเสียงดังออกมา
แต่เพียงชั่ววินาที ใบหน้ายิ้มแย้มของเขาก็หุบลงอย่างกะทันหัน ใบหน้าแข็งทื่อไปในทันที
“ปัง!”
หวงเจิ้งได้ยินเพียงเสียงกระแทกดังขึ้นมา ก่อนที่จะมองเห็นว่าหมัดของตงเชยถูกหยางเฉินที่นั่งนิ่งไม่ขยับไปไหน เอื้อมมือออกมาสกัดเอาไว้
ภายในห้องโถงงานประมูลนิ่งสงัดลง สายตาของทุกคนรวมกันไปมองยังร่างของชายหนุ่มที่ยังคงนั่งนิ่งมาตั้งแต่ต้อนจนจบโดยไม่ลุกคนนั้น
เย่เสี่ยวเตี๋ยที่ตกใจถึงกับใช้มืออันอวบอิ่มปิดปากน้อยๆ เอาไว้
ถึงแม้ว่าจะคาดการณ์ถึงผลสรุปนี้เอาไว้อยู่แล้ว แต่เขาก็ยังไม่สามารถควบคุมความตกตะลึงในใจของตัวเองได้เลย
ตงเชย เป็นถึงผู้แกร่งหนึ่งในผู้คุ้มกันส่วนตัวของเหล่าผู้นำตระกูลหวง
และยังเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับสามของตระกูลหวงอีกด้วย
แต่เท่าที่เคยได้รู้มาเกี่ยวกับเรื่องความแข็งแกร่งที่แท้จริงของตงเชยนั้นว่ามีมากมายขนาดไหน เหมือนว่านอกจากผู้นำตระกูลหวงแล้ว คนอื่นๆ ก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย ?
และเมื่อมีข่าวลือนี้ ความแข็งแกร่งของตงเชยจึงกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลหวง
ผู้แข็งแกร่งมากระดับนี้ เขากลับถูกหยางเฉินสกัดกั้นการโจมตีอันรุนแรงของเขาได้อย่างง่ายดายเสียอย่างนั้น
รูม่านตาของตงเชยหดเล็กลง แววตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
ในฐานะผู้ลงมือ พลังในการโจมตีครั้งนี้มีมากเท่าไหร่ เขานั้นรู้เป็นอย่างดี
การลงมือของตงเชย เป็นการโจมตีเดียวที่หนักถึงชีวิต เพียงการโจมตีเดียวก็คือพลังสังหารที่แข็งแกร่งที่สุด เขาจะไม่มีความเมตตาใดๆ ต่อคู่ต่อสู้เพียงเพราะว่าอีกฝ่ายนั้นอ่อนแอกว่า
ถึงจะไม่ใช่กำลังทั้งหมด แต่การโจมตีครั้งนี้ก็นับว่าเป็นพลังที่สูงถึงแปดสิบถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นของพลังทั้งหมด
และนานมากแล้วที่ไม่มีใครสามารถสกัดการโจมตีของเขาได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาคนนั้นยังเป็นชายหนุ่มที่อายุยังไม่ถึงสามสิบด้วยซ้ำ
“ตงเชย ใครใช้ให้คุณออมมือ?จัดการเขาซะ!ฆ่าเขาซะ!ทำให้เขารู้ว่าการท้าทายต่อผู้สืบทอดของตระกูลหวงจะมีจุดจบอย่างไร!”
หลังจากที่นิ่งงงไปครู่หนึ่ง หวงเจิ้งก็ร้องคำรามขึ้นมา
เขาจะยอมรับเรื่องจริงที่ว่าตงเชยด้อยกว่าหยางเฉินได้อย่างไร?
เขาจึงคิดเพียงว่าเป็นตงเชยที่ออมมือ ถึงได้ถูกหยางเฉินสกัดการโจมตีของตงเชยเอาไว้ได้
สีหน้าของหวงเจิ้งนิ่งชาเล็กน้อย มองไปยังใบหน้าที่ยังคงนิ่งเฉยของหยางเฉิน ภายในใจก็ปะทุความกลัวขึ้นมา
“บูม!”
ในขณะที่ตงเชยกำลังตกใจอยู่นั้น หยางเฉินที่นั่งอยู่ตรงนั้นรับหมัดของเขาเอาไว้ จู่ๆ ก็เริ่มโต้ตอบแล้ว
เขาที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ถูกโจมตีที่ท้องด้วยพลังที่มหาศาล ก่อนที่ร่างของเขาจะถอยหลังไปเจ็ดแปดก้าวกว่าจะหยุดนิ่ง
ซึ่งเวลานี้ ทุกอย่างในงานก็นิ่งสงัดลง ทุกคนรู้สึกราวกับถูกรัดคอเอาไว้จนแม้แต่หายใจยังรู้สึกว่ายากเย็น
“ในเมื่อ ตระกูลหวงอยากได้หน้าขนาดนี้ อย่างนั้นผมก็จะเหยียบหน้าของตระกูลให้จมลงไปในดินอย่างหนักแล้วกัน!”
ในที่สุดหยางเฉินก็ลุกขึ้นยืน พลางมุ่งหน้าเดินไปยังทางของหวงเจิ้งทีละก้าว พร้อมกับเดินไปพูดไป
แววตาของหวงเจิ้งในตอนนี้เต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
จนถึงตอนนี้แล้ว เขาถึงได้รู้ตัวสักทีว่าตัวเองได้ทำเรื่องโง่เขลามากขนาดไหน
เมื่อนึกถึงหวงจง เขาก็รู้สึกสิ้นหวังขึ้นมาทันที
“ตึกตัก!ตึกตัก!ตึกตัก!”
ทุกๆ ย่างก้าวของหยางเฉิน เหมือนกับกำลังเหยียบย่ำหัวใจของเขาอย่างรุนแรง จนทำให้เขารู้สึกกลัวอย่างไร้ที่ติ
“แก……อย่ามาทำอะไรมั่วซั่นะ ฉัน……ฉันเป็นถึงผู้สืบทอดของตระกูลหวงเชียวนะ แกร็ไหมว่านี่มันหมายความว่าอย่างไร?ในอนาคตฉันจะกลายเป็นผู้นำของตระกูลหวง หนึ่งในแปดตระกูลใหญ่แห่งเยี่ยนตู !”
ในใจของหวงเจิ้งหวาดกลัวจนถึงขีดสุด เขาพูดวกวนซ้ำไปมาอยู่ครั้ง จนท้ายที่สุดก็หันไปตะคอกใส่ตงเชย : “ตงเชย รีบหยุดเขาเอาไว้ !อย่าให้เขาเข้ามา!”
ตงเชยกัดฟันแน่น ต่อต้านต่อความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นถายในร่างกาย แล้วเข้าไปขวางหน้าหวงเจิ้งเอาไว้ พลางมองไปยังหยางเฉินเขม็ง : “เจ้าหนุ่ม เป็นคนต้องรู้จักขอบเขต จะได้เกิดผลดีในวันข้างหน้า!”