เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี – ตอนที่ 80 – 2 บอกให้โลกรู้ว่าข้ารักเจ้า

 “อ๊ะ เจ้าหลอกข้า” จิ่งเหิงปัวพึมพำออกมาอย่างหงุดหงิด หยิกข้อศอกเขาครั้งหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ข้าจะถามคำถามที่เ**้ยมโหดกับเจ้าแน่”

 

 

กงอิ้นยกถ้วยขึ้น แล้วเอ่ยว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะเลือกเอ่ยความจริง?”

 

 

จิ่งเหิงปัวยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ กล่าวว่า “เจ้าจะเลือกรับคำท้าหรือ? ดีเลย เช่นนั้นเจ้าก็เลือกสิ!”

 

 

กงอิ้นเชยสายตามองดูนาง ก่อนตัดสินใจว่าอย่างไรเสียก็อย่าเลือกรับคำท้าจะดีกว่า

 

 

หากว่านางเสนอให้เขาร่ายรำในป่านี้นั่นจะทำอย่างไร?

 

 

“เอ่ยความจริง” เขาเอ่ยว่า “ให้ถามเพียงหนึ่งคำถาม”

 

 

จิ่งเหิงปัวเบ้ปากแล้วกล่าวว่า “คนที่รับมือยากก็ไม่น่าสนุกเช่นนี้ล่ะ ช่างเถอะ…บอกมาสิ เจ้าจะรักสตรีนางหนึ่งอย่างไร”

 

 

มือของกงอิ้นหยุดชะงัก

 

 

เถี่ยซิงเจ๋อที่กำลังอมยิ้มหันข้างมองทิวทัศน์ก็หันหน้าไป

 

 

เหมิงหู่ที่ยืนอยู่ไม่ไกลพลันหดเกร็งไหล่ เสียงหายใจแผ่วเบา

 

 

มีเพียงจิ่งเหิงปัวที่ยังคงรอคอยคำตอบนี้ด้วยท่าทางยิ้มแย้มสบายใจ

 

 

ไม่ได้ฟังเจ้าคนเก็บตัวสารภาพรักอย่างกล้าหาญ นางเปลี่ยนวิธีก็ได้

 

 

ใบหงเฟิงดังกระทบซู่ซ่าท่ามกลางแสงอาทิตย์ลายพร้อย สาดส่องเงาหงเฟิงสีแดงอ่อนลงบนแก้มหนุ่มสาว ทว่าในนัยน์ตาของจิ่งเหิงปัวนั้นมีสิ่งร้อนผะผ่าวเสียยิ่งกว่าหงเฟิง เปล่งประกายแวววาวดั่งจะลุกโชนในพริบตาต่อมา

 

 

ทว่ากงอิ้นหลุบตาต่ำ คล้ายเคลิบเคลิ้มกับน้ำสุรา

 

 

ขณะนี้จิ่งเหิงปัวกลับมีความอดทน ไม่ได้เร่งเร้าแต่อย่างใด แต่ยกถ้วยสุราขึ้นโดยสำนึก ดื่มต่อไปเรื่อยเปื่อย

 

 

ผ่านไปเนิ่นนาน ในที่สุดก็ได้ยินกงอิ้นเอ่ยวาจา น้ำเสียงนั้นเชื่องช้านัก แผ่วเบานัก ทว่าทำให้คนรู้สึกว่าแต่ละคำหล่อหลอมระหว่างดวงใจ ทั้งมีพลังทั้งจริงจัง

 

 

“หากข้ารักคนผู้หนึ่ง ข้าจะไม่อาศัยความรักความเกลียดของนางเป็นที่พึ่งพิงเพียงหนึ่งเดียว”

 

 

จิ่งเหิงปัวเงยหน้าอย่างงงงัน

 

 

“หากข้ารักนาง ข้าก็จะไม่ร้องขอให้เคียงคู่ชั่วนิรันดร์ในชาตินี้”

 

 

จิ่งเหิงปัวเบิกตาโพลง

 

 

“ข้าเพียงหวังให้นางอยู่รอดอย่างสุขสบาย เงียบสงบหรือโดดเด่นเป็นสง่าบนโลกนี้ หากบนโลกนี้เหลือเพียงเส้นทางหนึ่งให้นางเดินเหินได้ผู้เดียว ข้าจะเลือกส่งนางเดินขึ้นไป หากเส้นทางนั้นต้องใช้ซากศพของทุกผู้คนมารองฐาน เช่นนั้นเริ่มจากข้าก่อนก็ย่อมได้”

 

 

“ให้เอ่ยถึงความรัก เหตุใดเจ้าถึงเอ่ยอย่างชุ่มโชกโลหิตเปี่ยมด้วยไอสังหารขนาดนี้เล่า…” จิ่งเหิงปัวร่างสั่นเทิ้ม กล่าวอย่างผิดหวังอยู่บ้างว่า “แล้วถ้าหากอีกฝ่ายไม่ต้องการเดินบนเส้นทางเช่นนั้นเล่า?”

 

 

กงอิ้นเอ่ยอย่างเฉื่อยเนือยว่า “ขอเพียงข้าคิดว่าจำเป็น เช่นนั้นย่อมต้องกระทำ”

 

 

“บ้าคลั่ง!” จิ่งเหิงปัวพึมพำออกมาเสียงหนึ่ง มือกอดไหล่ไว้

 

 

คำตอบนี้ไม่อาจกล่าวว่าผิดหวังเช่นกัน เมื่อครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว ย่อมมีความสะเทือนอารมณ์โหดร้ายส่วนหนึ่งดำรงอยู่ ความเด็ดเดี่ยวและความเคร่งขรึมระหว่างบรรทัดของอักษร ทำให้คนรู้สึกเพียงว่าแสงรุ่งโรจน์หนักแน่น ทำให้คนไร้สถานที่หลบหลีก

 

 

แต่นางหวาดกลัวการตัดเยื่อใยแบบนี้

 

 

นางเกียจคร้าน ใฝ่หาความเรียบง่ายและความสบายใจ แม้กระทั่งมีปณิธานอันยิ่งใหญ่แค่บางครั้งบางคราว แต่ยังเฝ้ารอเพียงเคียงบ่าเคียงไหล่กับคนที่ชื่นชอบเพื่อไปเก็บเกี่ยวดวงเดือนดวงดาวบนท้องฟ้า

 

 

หากไม่อาจเคียงคู่ชั่วนิรันดร์ในชาตินี้ แล้วการประทับราชบัลลังก์เพียงลำพังจะมีความอภิรมย์อะไร? ไม่ว่าพนักพิงทางซ้ายหรือทางขวาของบัลลังก์ทองคำจะเงาวับภายในตำหนักอวี้จ้าวเพียงใด แต่เมื่อเข้าใกล้ทิศทางไหนต่างสัมผัสไม่ได้ถึงอ้อมแขนอันอบอุ่น

 

 

“จักรพรรดิเย็นชาก็เป็นแบบนี้สินะ…” นางพึมพำเสียงเบาแล้วกล่าวว่า “ไม่ว่าเรื่องใดพอถึงมือเจ้าแล้วก็ต้องเคร่งขรึมจริงจังเป็นพิเศษ เจ้าจะผ่อนคลายลงสักหน่อยไม่ได้หรือ? เอ่ยว่าข้าจะทานข้าวด้วยกันกับนาง เที่ยวเล่นด้วยกันกับนาง สร้างครอบครัวด้วยกันกับนาง ภักดีต่อนางชั่วชีวิต มีบุตรสักสามสี่คน อยู่ด้วยกันจนแก่จนเฒ่าเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดียิ่งนักหรอกหรือ?”

 

 

กงอิ้นมองนางปราดเดียว

 

 

“หากย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน ข้าอาจจะเอ่ยวาจาโง่เขลาเช่นนี้ออกมาก็ได้”

 

 

จิ่งเหิงปัวถอนหายใจ ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่คล้ายคิดออกด้วยตนเอง ก่อนจะพยักหน้าแล้วส่ายหน้า

 

 

“ข้าเข้าใจความหมายของเจ้า ทว่าข้ารู้สึกว่านะ…” นางหัวเราะ หันข้างมองเขา กล่าวว่า “อย่าได้ทำเช่นนั้นเลย นางอาจจะไม่ใช่คนอ่อนแออย่างที่เจ้านึกเอาไว้ สตรีนั้นก็สามารถค้ำยันท้องฟ้าได้ครึ่งผืนเชียวนะ บางครั้งหากเจ้าปล่อยมือ นางอาจจะแข็งแกร่งมีกำลังกว่าที่เจ้าจินตนาการไว้ เพราะอย่างนั้นอย่าได้เอ่ยว่าจะใช้ซากศพมารองรับอย่างง่ายๆ เชียว นางอาจจะบุกเบิกเส้นทางด้วยตนเองก็ได้ หรือไม่นางอาจจะหวังเพียงการใช้ชีวิตธรรมดาๆ กับคนที่นางรักไปตลอดชาติ บางครั้งในความคิดของนาง การสูญเสียเจ้าถึงเป็นสิ่งที่นางไม่อยากมองเห็นมากที่สุด การทะนุถนอมตนเองเพื่อคนที่รักถึงเป็นสิ่งที่คนรักทุกคนควรกระทำ”

 

 

กงอิ้นจ้องมองนาง แววตานุ่มนวล ทิวทัศน์ฤดูใบไม้ร่วงสวยสดคล้ายเจือจางสูญสลายกลางหน้าผากแพรวพราวของเขา

 

 

“นั่นสินะ” เขาเอ่ย

 

 

สายลมพัดม้วนใบไม้แดงที่ร่วงโรยล่องลอยจากบริเวณผมดำขลับ รุ่งเรืองเลิศล้ำนัก สุราเข้มข้นผกาหอมหวน ทว่าไม่อาจลดทอนแววตาที่จ้องมองกันด้วยความรู้สึกลึกล้ำในครู่หนึ่งนี้

 

 

เถี่ยซิงเจ๋อเอนกายพิงไปข้างหลัง กระซิบกระซาบว่า “ช่างรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนเกินยิ่งนัก…”

 

 

จิ่งเหิงปัวหัวเราะออกมาดัง “พรืด” ในใจพลันรู้สึกแปลกประหลาด คล้ายมีอารมณ์ไร้ขอบเขตใกล้จะทะลักออกมา อยากจะทั้งดื่มสุราทั้งร้องเพลงให้เต็มที่

 

 

นางยืนมือออกหมุนช้อน ร้องขึ้นว่า “ต่อไปๆ!”

 

 

บุรุษสองคนคล้ายต่างกำลังเหม่อลอย คราวนี้ไม่ได้โกง ด้ามช้อนหยุดลงตรงหน้าจิ่งเหิงปัว

 

 

“ฮ่าๆๆ” นางดื่มสุราในถ้วยจนหมดอย่างกระตือรือร้น แววตาเปล่งประกาย ประกาศเสียงสูงว่า “รับคำท้า!”

 

 

กงอิ้นขัดขวางโดยพลัน ร้องขึ้นว่า “เอ่ยความจริง!”

 

 

“รับคำท้า!”

 

 

“เอ่ยความจริง!”

 

 

“รับคำท้า!” ยามที่จิ่งเหิงปัวดื้อรั้นขึ้นมาก็เปรียบได้กับลาตัวหนึ่งที่ไล่ไม่ไป โดนตีก็แค่ถอยหลัง กล่าวว่า “หากเจ้าก่อกวนข้าอีก ข้าจะเต้นระบำฮาวาย!”

 

 

กงอิ้นจินตนาการถึงระบำฮาวายเล็กน้อย มองดูเถี่ยซิงเจ๋อ ก่อนหุบปากก้มหน้าดื่มสุรา

 

 

จิ่งเหิงปัวพอใจแล้ว มองบุรุษสองคนด้วยท่าทางหัวเราะฮ่าๆ ร้องว่า “รับคำท้า พวกเจ้าให้ข้าทำอะไรก็ได้เรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องยากก็ได้ หลังจากข้าทำได้แล้ว จะขอให้หนึ่งในพวกเจ้าทำเรื่องหนึ่งได้เช่นกัน”

 

 

นางเปลี่ยนกฎเกณฑ์โดยพลการ อย่างไรเสียคนโบราณสองคนนี้ก็คงไม่รู้หรอก

 

 

เถี่ยซิงเจ๋อยิ้มแย้มพลางโบกมือ แล้วเอ่ยว่า “กระหม่อมไม่มีคุณสมบัติที่จะร้องขอให้ราชินีทรงกระทำสิ่งใด เช่นนั้นต้องลำบากราชครูแล้ว”

 

 

ถ้วยสุราของกงอิ้นหยุดชะงัก เขามองจิ่งเหิงปัวปราดหนึ่งคล้ายกำลังไตร่ตรอง

 

 

จิ่งเหิงปัวยิ้มแย้มทำปากจู๋ใส่เขา ชี้ไปยังริมฝีปากแดงที่เชิดขึ้นมาของตนเอง

 

 

เจ้าขอให้พี่มอบจุมพิตต่อหน้าผู้อื่นได้นะ พี่จะเคารพกฎเกณฑ์อย่างแน่นอน พลาดคราวนี้ก็ไม่มีคราวหน้าอีกแล้วนะ

 

 

บนแก้มของกงอิ้นมีรอยสีแดงจางๆ เฉียดผ่าน เขาพลันเบนสายตาออกไป

 

 

“เย็บอาภรณ์ที่สวมใส่ได้หนึ่งชุด” เขาเอ่ย

 

 

“หา?” จิ่งเหิงปัวงงงัน

 

 

โคตรโหดเลย!

 

 

นางเตรียมร่ายรำเอย ร้องเพลงเอยอะไรเอยเรียบร้อยแล้ว อย่างไรเสียมหาเทพก็คงไม่บอกให้นางทำเรื่องแบบหาผู้ชายมาชวนคุยชวนหอมแก้มมั่วซั่วอะไรแบบนั้นเด็ดขาด นางยังคิดว่ามหาเทพจะให้นางสารภาพรักต่อหน้า สำหรับเรื่องนี้นางก็จะรีบชูสองมือสองเท้าแสดงว่าเห็นด้วยเลย แม้แต่สถานที่สารภาพรักที่ไหนนางก็เลือกไว้แล้ว เหนือยอดสะพานเย่ว์โกว บนสระบัวข้างหน้าสระเซิ่งหวา ตะโกนลั่นต่อทั่วทั้งตำหนักอวี้จ้าว!

 

 

สุดท้ายคนคุ้นเคยเช่นเขาดันใช้ไม้นี้!

 

 

“เรื่องนี้ๆ…” ดวงตานางแข็งทื่อ กล่าวว่า “หากตอนนี้ยังทำไม่ได้จะทำเช่นไร?”

 

 

“เช่นนั้นติดค้างไว้ก่อน” มุมปากกงอิ้นมีรอยยิ้มเจือจางคล้ายดีอกดีใจยิ่งนัก เอ่ยว่า “เจ้าเพียงต้องบอกข้าว่าเจ้าทำได้หรือไม่ก็พอ”

 

 

“ได้!” จิ่งเหิงปัวตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว…แฟนหนุ่มจะเอากางเกงชั้นในแห่งรักแล้ว! เข็มทิ่มจนนิ้วทะลุก็ต้องทำให้ได้! ก็แค่เย็บกางเกงในเอง!

 

 

เฮ้อ น่าเสียดายแต่ว่าตอนทะลุมิติยัดจักรเย็บผ้าใส่กระเป๋ามาไม่ได้ อีกทั้งยังพาเค้กน้อยมาด้วยไม่ได้ เหมือนว่าเค้กน้อยจะทำถุงมือเป็นนะ…

เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี – ตอนที่ 80 – 2 บอกให้โลกรู้ว่าข้ารักเจ้า

เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี – ตอนที่ 80 – 2 บอกให้โลกรู้ว่าข้ารักเจ้า

 “อ๊ะ เจ้าหลอกข้า” จิ่งเหิงปัวพึมพำออกมาอย่างหงุดหงิด หยิกข้อศอกเขาครั้งหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ข้าจะถามคำถามที่เ**้ยมโหดกับเจ้าแน่”

 

 

กงอิ้นยกถ้วยขึ้น แล้วเอ่ยว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะเลือกเอ่ยความจริง?”

 

 

จิ่งเหิงปัวยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ กล่าวว่า “เจ้าจะเลือกรับคำท้าหรือ? ดีเลย เช่นนั้นเจ้าก็เลือกสิ!”

 

 

กงอิ้นเชยสายตามองดูนาง ก่อนตัดสินใจว่าอย่างไรเสียก็อย่าเลือกรับคำท้าจะดีกว่า

 

 

หากว่านางเสนอให้เขาร่ายรำในป่านี้นั่นจะทำอย่างไร?

 

 

“เอ่ยความจริง” เขาเอ่ยว่า “ให้ถามเพียงหนึ่งคำถาม”

 

 

จิ่งเหิงปัวเบ้ปากแล้วกล่าวว่า “คนที่รับมือยากก็ไม่น่าสนุกเช่นนี้ล่ะ ช่างเถอะ…บอกมาสิ เจ้าจะรักสตรีนางหนึ่งอย่างไร”

 

 

มือของกงอิ้นหยุดชะงัก

 

 

เถี่ยซิงเจ๋อที่กำลังอมยิ้มหันข้างมองทิวทัศน์ก็หันหน้าไป

 

 

เหมิงหู่ที่ยืนอยู่ไม่ไกลพลันหดเกร็งไหล่ เสียงหายใจแผ่วเบา

 

 

มีเพียงจิ่งเหิงปัวที่ยังคงรอคอยคำตอบนี้ด้วยท่าทางยิ้มแย้มสบายใจ

 

 

ไม่ได้ฟังเจ้าคนเก็บตัวสารภาพรักอย่างกล้าหาญ นางเปลี่ยนวิธีก็ได้

 

 

ใบหงเฟิงดังกระทบซู่ซ่าท่ามกลางแสงอาทิตย์ลายพร้อย สาดส่องเงาหงเฟิงสีแดงอ่อนลงบนแก้มหนุ่มสาว ทว่าในนัยน์ตาของจิ่งเหิงปัวนั้นมีสิ่งร้อนผะผ่าวเสียยิ่งกว่าหงเฟิง เปล่งประกายแวววาวดั่งจะลุกโชนในพริบตาต่อมา

 

 

ทว่ากงอิ้นหลุบตาต่ำ คล้ายเคลิบเคลิ้มกับน้ำสุรา

 

 

ขณะนี้จิ่งเหิงปัวกลับมีความอดทน ไม่ได้เร่งเร้าแต่อย่างใด แต่ยกถ้วยสุราขึ้นโดยสำนึก ดื่มต่อไปเรื่อยเปื่อย

 

 

ผ่านไปเนิ่นนาน ในที่สุดก็ได้ยินกงอิ้นเอ่ยวาจา น้ำเสียงนั้นเชื่องช้านัก แผ่วเบานัก ทว่าทำให้คนรู้สึกว่าแต่ละคำหล่อหลอมระหว่างดวงใจ ทั้งมีพลังทั้งจริงจัง

 

 

“หากข้ารักคนผู้หนึ่ง ข้าจะไม่อาศัยความรักความเกลียดของนางเป็นที่พึ่งพิงเพียงหนึ่งเดียว”

 

 

จิ่งเหิงปัวเงยหน้าอย่างงงงัน

 

 

“หากข้ารักนาง ข้าก็จะไม่ร้องขอให้เคียงคู่ชั่วนิรันดร์ในชาตินี้”

 

 

จิ่งเหิงปัวเบิกตาโพลง

 

 

“ข้าเพียงหวังให้นางอยู่รอดอย่างสุขสบาย เงียบสงบหรือโดดเด่นเป็นสง่าบนโลกนี้ หากบนโลกนี้เหลือเพียงเส้นทางหนึ่งให้นางเดินเหินได้ผู้เดียว ข้าจะเลือกส่งนางเดินขึ้นไป หากเส้นทางนั้นต้องใช้ซากศพของทุกผู้คนมารองฐาน เช่นนั้นเริ่มจากข้าก่อนก็ย่อมได้”

 

 

“ให้เอ่ยถึงความรัก เหตุใดเจ้าถึงเอ่ยอย่างชุ่มโชกโลหิตเปี่ยมด้วยไอสังหารขนาดนี้เล่า…” จิ่งเหิงปัวร่างสั่นเทิ้ม กล่าวอย่างผิดหวังอยู่บ้างว่า “แล้วถ้าหากอีกฝ่ายไม่ต้องการเดินบนเส้นทางเช่นนั้นเล่า?”

 

 

กงอิ้นเอ่ยอย่างเฉื่อยเนือยว่า “ขอเพียงข้าคิดว่าจำเป็น เช่นนั้นย่อมต้องกระทำ”

 

 

“บ้าคลั่ง!” จิ่งเหิงปัวพึมพำออกมาเสียงหนึ่ง มือกอดไหล่ไว้

 

 

คำตอบนี้ไม่อาจกล่าวว่าผิดหวังเช่นกัน เมื่อครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว ย่อมมีความสะเทือนอารมณ์โหดร้ายส่วนหนึ่งดำรงอยู่ ความเด็ดเดี่ยวและความเคร่งขรึมระหว่างบรรทัดของอักษร ทำให้คนรู้สึกเพียงว่าแสงรุ่งโรจน์หนักแน่น ทำให้คนไร้สถานที่หลบหลีก

 

 

แต่นางหวาดกลัวการตัดเยื่อใยแบบนี้

 

 

นางเกียจคร้าน ใฝ่หาความเรียบง่ายและความสบายใจ แม้กระทั่งมีปณิธานอันยิ่งใหญ่แค่บางครั้งบางคราว แต่ยังเฝ้ารอเพียงเคียงบ่าเคียงไหล่กับคนที่ชื่นชอบเพื่อไปเก็บเกี่ยวดวงเดือนดวงดาวบนท้องฟ้า

 

 

หากไม่อาจเคียงคู่ชั่วนิรันดร์ในชาตินี้ แล้วการประทับราชบัลลังก์เพียงลำพังจะมีความอภิรมย์อะไร? ไม่ว่าพนักพิงทางซ้ายหรือทางขวาของบัลลังก์ทองคำจะเงาวับภายในตำหนักอวี้จ้าวเพียงใด แต่เมื่อเข้าใกล้ทิศทางไหนต่างสัมผัสไม่ได้ถึงอ้อมแขนอันอบอุ่น

 

 

“จักรพรรดิเย็นชาก็เป็นแบบนี้สินะ…” นางพึมพำเสียงเบาแล้วกล่าวว่า “ไม่ว่าเรื่องใดพอถึงมือเจ้าแล้วก็ต้องเคร่งขรึมจริงจังเป็นพิเศษ เจ้าจะผ่อนคลายลงสักหน่อยไม่ได้หรือ? เอ่ยว่าข้าจะทานข้าวด้วยกันกับนาง เที่ยวเล่นด้วยกันกับนาง สร้างครอบครัวด้วยกันกับนาง ภักดีต่อนางชั่วชีวิต มีบุตรสักสามสี่คน อยู่ด้วยกันจนแก่จนเฒ่าเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดียิ่งนักหรอกหรือ?”

 

 

กงอิ้นมองนางปราดเดียว

 

 

“หากย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน ข้าอาจจะเอ่ยวาจาโง่เขลาเช่นนี้ออกมาก็ได้”

 

 

จิ่งเหิงปัวถอนหายใจ ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่คล้ายคิดออกด้วยตนเอง ก่อนจะพยักหน้าแล้วส่ายหน้า

 

 

“ข้าเข้าใจความหมายของเจ้า ทว่าข้ารู้สึกว่านะ…” นางหัวเราะ หันข้างมองเขา กล่าวว่า “อย่าได้ทำเช่นนั้นเลย นางอาจจะไม่ใช่คนอ่อนแออย่างที่เจ้านึกเอาไว้ สตรีนั้นก็สามารถค้ำยันท้องฟ้าได้ครึ่งผืนเชียวนะ บางครั้งหากเจ้าปล่อยมือ นางอาจจะแข็งแกร่งมีกำลังกว่าที่เจ้าจินตนาการไว้ เพราะอย่างนั้นอย่าได้เอ่ยว่าจะใช้ซากศพมารองรับอย่างง่ายๆ เชียว นางอาจจะบุกเบิกเส้นทางด้วยตนเองก็ได้ หรือไม่นางอาจจะหวังเพียงการใช้ชีวิตธรรมดาๆ กับคนที่นางรักไปตลอดชาติ บางครั้งในความคิดของนาง การสูญเสียเจ้าถึงเป็นสิ่งที่นางไม่อยากมองเห็นมากที่สุด การทะนุถนอมตนเองเพื่อคนที่รักถึงเป็นสิ่งที่คนรักทุกคนควรกระทำ”

 

 

กงอิ้นจ้องมองนาง แววตานุ่มนวล ทิวทัศน์ฤดูใบไม้ร่วงสวยสดคล้ายเจือจางสูญสลายกลางหน้าผากแพรวพราวของเขา

 

 

“นั่นสินะ” เขาเอ่ย

 

 

สายลมพัดม้วนใบไม้แดงที่ร่วงโรยล่องลอยจากบริเวณผมดำขลับ รุ่งเรืองเลิศล้ำนัก สุราเข้มข้นผกาหอมหวน ทว่าไม่อาจลดทอนแววตาที่จ้องมองกันด้วยความรู้สึกลึกล้ำในครู่หนึ่งนี้

 

 

เถี่ยซิงเจ๋อเอนกายพิงไปข้างหลัง กระซิบกระซาบว่า “ช่างรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนเกินยิ่งนัก…”

 

 

จิ่งเหิงปัวหัวเราะออกมาดัง “พรืด” ในใจพลันรู้สึกแปลกประหลาด คล้ายมีอารมณ์ไร้ขอบเขตใกล้จะทะลักออกมา อยากจะทั้งดื่มสุราทั้งร้องเพลงให้เต็มที่

 

 

นางยืนมือออกหมุนช้อน ร้องขึ้นว่า “ต่อไปๆ!”

 

 

บุรุษสองคนคล้ายต่างกำลังเหม่อลอย คราวนี้ไม่ได้โกง ด้ามช้อนหยุดลงตรงหน้าจิ่งเหิงปัว

 

 

“ฮ่าๆๆ” นางดื่มสุราในถ้วยจนหมดอย่างกระตือรือร้น แววตาเปล่งประกาย ประกาศเสียงสูงว่า “รับคำท้า!”

 

 

กงอิ้นขัดขวางโดยพลัน ร้องขึ้นว่า “เอ่ยความจริง!”

 

 

“รับคำท้า!”

 

 

“เอ่ยความจริง!”

 

 

“รับคำท้า!” ยามที่จิ่งเหิงปัวดื้อรั้นขึ้นมาก็เปรียบได้กับลาตัวหนึ่งที่ไล่ไม่ไป โดนตีก็แค่ถอยหลัง กล่าวว่า “หากเจ้าก่อกวนข้าอีก ข้าจะเต้นระบำฮาวาย!”

 

 

กงอิ้นจินตนาการถึงระบำฮาวายเล็กน้อย มองดูเถี่ยซิงเจ๋อ ก่อนหุบปากก้มหน้าดื่มสุรา

 

 

จิ่งเหิงปัวพอใจแล้ว มองบุรุษสองคนด้วยท่าทางหัวเราะฮ่าๆ ร้องว่า “รับคำท้า พวกเจ้าให้ข้าทำอะไรก็ได้เรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องยากก็ได้ หลังจากข้าทำได้แล้ว จะขอให้หนึ่งในพวกเจ้าทำเรื่องหนึ่งได้เช่นกัน”

 

 

นางเปลี่ยนกฎเกณฑ์โดยพลการ อย่างไรเสียคนโบราณสองคนนี้ก็คงไม่รู้หรอก

 

 

เถี่ยซิงเจ๋อยิ้มแย้มพลางโบกมือ แล้วเอ่ยว่า “กระหม่อมไม่มีคุณสมบัติที่จะร้องขอให้ราชินีทรงกระทำสิ่งใด เช่นนั้นต้องลำบากราชครูแล้ว”

 

 

ถ้วยสุราของกงอิ้นหยุดชะงัก เขามองจิ่งเหิงปัวปราดหนึ่งคล้ายกำลังไตร่ตรอง

 

 

จิ่งเหิงปัวยิ้มแย้มทำปากจู๋ใส่เขา ชี้ไปยังริมฝีปากแดงที่เชิดขึ้นมาของตนเอง

 

 

เจ้าขอให้พี่มอบจุมพิตต่อหน้าผู้อื่นได้นะ พี่จะเคารพกฎเกณฑ์อย่างแน่นอน พลาดคราวนี้ก็ไม่มีคราวหน้าอีกแล้วนะ

 

 

บนแก้มของกงอิ้นมีรอยสีแดงจางๆ เฉียดผ่าน เขาพลันเบนสายตาออกไป

 

 

“เย็บอาภรณ์ที่สวมใส่ได้หนึ่งชุด” เขาเอ่ย

 

 

“หา?” จิ่งเหิงปัวงงงัน

 

 

โคตรโหดเลย!

 

 

นางเตรียมร่ายรำเอย ร้องเพลงเอยอะไรเอยเรียบร้อยแล้ว อย่างไรเสียมหาเทพก็คงไม่บอกให้นางทำเรื่องแบบหาผู้ชายมาชวนคุยชวนหอมแก้มมั่วซั่วอะไรแบบนั้นเด็ดขาด นางยังคิดว่ามหาเทพจะให้นางสารภาพรักต่อหน้า สำหรับเรื่องนี้นางก็จะรีบชูสองมือสองเท้าแสดงว่าเห็นด้วยเลย แม้แต่สถานที่สารภาพรักที่ไหนนางก็เลือกไว้แล้ว เหนือยอดสะพานเย่ว์โกว บนสระบัวข้างหน้าสระเซิ่งหวา ตะโกนลั่นต่อทั่วทั้งตำหนักอวี้จ้าว!

 

 

สุดท้ายคนคุ้นเคยเช่นเขาดันใช้ไม้นี้!

 

 

“เรื่องนี้ๆ…” ดวงตานางแข็งทื่อ กล่าวว่า “หากตอนนี้ยังทำไม่ได้จะทำเช่นไร?”

 

 

“เช่นนั้นติดค้างไว้ก่อน” มุมปากกงอิ้นมีรอยยิ้มเจือจางคล้ายดีอกดีใจยิ่งนัก เอ่ยว่า “เจ้าเพียงต้องบอกข้าว่าเจ้าทำได้หรือไม่ก็พอ”

 

 

“ได้!” จิ่งเหิงปัวตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว…แฟนหนุ่มจะเอากางเกงชั้นในแห่งรักแล้ว! เข็มทิ่มจนนิ้วทะลุก็ต้องทำให้ได้! ก็แค่เย็บกางเกงในเอง!

 

 

เฮ้อ น่าเสียดายแต่ว่าตอนทะลุมิติยัดจักรเย็บผ้าใส่กระเป๋ามาไม่ได้ อีกทั้งยังพาเค้กน้อยมาด้วยไม่ได้ เหมือนว่าเค้กน้อยจะทำถุงมือเป็นนะ…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset