ตอนที่ 79 ข้าแค่เดินผ่านมา
เจียงป่าวชิงเก็บฟืนจำนวนมากจากในป่าด้านนอกและหอบกลับมาที่บ้าน ในตอนเที่ยง นางก็เช็ดหม้อให้สะอาด จากนั้นก็ก่อไฟและเตรียมทำต้มซี่โครงเผือก
เผือกนี้ นางไปซื้อมาจากตลาดนัดในอำเภอเมื่อครั้งที่แล้ว ด้วยเพราะมันเก็บได้นาน นางจึงซื้อกลับมาเป็นจำนวนมาก
นางหยิบเผือกออกมาสองหัว จากนั้นก็ทำการปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้น ๆ และแช่ลงไปในน้ำ หลังจากล้างซี่โครงที่เพิ่งซื้อมาเสร็จแล้ว นางก็เอาไปลวกน้ำเล็กน้อย จากนั้นก็เอาออกมาและนำไปต้มอีกครั้ง
ซี่โครงที่ผ่านการลวกน้ำมาแล้วส่งกลิ่นหอมโชย เสี่ยงหวงรีบกระโดดมาที่ด้านล่างขาของเจียงป่าวชิงราวกับประทัด มันเดินรอบ ๆ ขาของนางอยู่อย่างนั้น
เสี่ยวหวงคือชื่อของเจ้าหมาสีเหลืองที่เจียงป่าวชิงเพิ่งเอากลับมาจากหมู่บ้านลั่วโถว นางไม่เก่งเรื่องตั้งชื่อ จึงตั้งชื่อให้เจ้าหมาสีเหลืองอย่างง่าย ๆ และป่าเถื่อนว่า ‘เสี่ยวหวง’ และตั้งชื่อให้เจ้าหมาสีขาวตัวนั้นว่า ‘เสี่ยวป๋าย’
เจียงป่าวชิงใช้เท้าผลักเสี่ยวหวงเบา ๆ “เจ้าไปเล่นด้านข้างก่อนไป อีกประเดี๋ยวสุกแล้วค่อยให้เจ้ากิน”
เสี่ยวหวงส่งเสียงเห่า แต่ไม่ยอมไปไหน มันเอาแต่เดินไปมาอยู่ที่เท้าของเจียงป่าวชิง
เจียงป่าวชิงไม่สนใจมันอีก นางเทเผือกและซี่โครงลงในน้ำเดือด จากนั้นก็ปิดฝาหม้อก่อนจะเพิ่มฟืนหนึ่งกำมือลงไปในเตา
ไม่นาน อาหารในหม้อก็เดือดปุด ๆ เจียงป่าวชิงต้มต่ออีกสักพักถึงจะเปิดฝาหม้อออก กลิ่นหอมของซี่โครงที่ผสมกับความหวานของเผือกลอยปะทะเข้ากับใบหน้าทันที
เสี่ยวหวงส่งเสียงร้องอย่างบ้าคลั่งอยู่ที่ข้างเท้าของเจียงป่าวชิง
เจียงป่าวชิงตักซี่โครงสองชิ้นกับเผือกสองสามชิ้นออกมาอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็นำส่วนของเจ้าหมาสองตัวไปวางพักให้เย็นกว่านี้
ต่อมา นางถึงจะตักในส่วนของตัวเอง นางเป่าเพื่อคลายร้อนอย่างระมัดระวัง และตอนที่กัดเข้าไปคำแรกก็รู้สึกว่ามันอร่อยจนแทบจะร้องไห้ออกมาเลยทีเดียว
หลังกินข้าวเสร็จ เจียงป่าวชิงก็ใช้มือฉีกเนื้อซี่โครงเป็นชิ้น ๆ นำไปคลุกกับเผือกนุ่ม ๆ เพื่อให้เจ้าหมาทั้งสองตัว
เจียงป่าวชิงแบ่งเผือกผสมเนื้อซี่โครงออกเป็นสองท่อน ตักใส่ในจานเล็ก ๆ และนำไปวางตรงหน้าเสี่ยวหวง เสี่ยวหวงกินจนแทบจะมุดเข้าไปในจานใบนั้นอยู่รอมร่อ หางเล็ก ๆ ที่ก้นของมันแกว่งไปมาอย่างรวดเร็วจนมันแทบจะบินได้อยู่แล้ว
แน่นอนว่าอีกหนึ่งชุดที่เตรียมไว้ เจียงป่าวชิงก็ใส่ผงสมุนไพรลงไป คลุกให้เข้ากัน จากนั้นก็ถือไปให้เจ้าเสี่ยวป๋าย
เสี่ยวป๋ายไม่ได้มีชีวิตชีวาเหมือนอย่างเสี่ยวหวง มันนอนไร้เรี่ยวแรงอยู่ในกรงหมาตลอด เมื่อเห็นว่ามีคนถือเผือกผสมเนื้อซี่โครงมาให้ จมูกของเสี่ยวป๋ายก็กระตุก ราวกับได้กลิ่นของอร่อยทำนองนั้น
ตอนที่เสี่ยวป๋ายพบว่ากลิ่นหอมนั้นคืออาหารหน้าตาแปลกประหลาดที่ส่งกลิ่นออกมาจากในจานตรงหน้า ในที่สุดมันก็แลบลิ้นออกมากินสักที
เมื่อเจียงป่าวชิงเห็นเสี่ยวป๋ายกินอย่างมีความสุข นางก็เบาใจขึ้นมาหน่อย เดิมทียังเป็นห่วงกลัวว่าเจ้าหมาตัวนี้จะเลือกกิน และไม่กินของที่มีสมุนไพรผสมอยู่ในนั้นเสียอีก
รอจนเจ้าหมาสองตัวกินเสร็จ เจียงป่าวชิงถึงจะออกไปข้างนอกเพื่อมุ่งหน้าไปที่ริมแม่น้ำสายย่อยของแม่น้ำคราด
เจียงป่าวชิงจำได้ราง ๆ ว่าเจียงเหมยฮัวชอบมาซักผ้าที่นี่หลังจากที่กินข้าวเที่ยงเสร็จ
ณ ต้นไม้ใหญ่ตรงริมแม่น้ำ เจียงป่าวชิงยืนรออย่างเงียบ ๆ อยู่ใต้ร่มเงาจากต้นไม้ นางไม่แน่ใจนัก แต่จากการพูดของเจียงเอ้อยา เจียงเหมยฮัวน่าจะกำลังจะแต่งงานในวันมะรืนนี้ จึงไม่รู้ว่านางจะมาซักผ้าที่นี่หรือเปล่า
แต่เจียงป่าวชิงรอไม่นาน ก็เห็นเจียงเหมยฮัวถือกะละมังเดินมาทางนี้ เสื้อผ้าในกะละมังกองกันเหมือนภูเขาเล็ก ๆ เลยก็ว่าได้
ใบหน้าของเจียงเหมยฮัวไม่มีความดีใจในแบบของคนที่กำลังจะได้แต่งงานแม้แต่นิดเดียว สีหน้าทื่อ ๆ ดูไม่ต่างจากแต่ก่อนสักเท่าไหร่
เจียงป่าวชิงออกมาจากหลังต้นไม้ นางส่งเสียงเรียกเจียงเหมยฮัวเบา ๆ ว่า “ท่านป้าเล็ก”
เจียงเหมยฮัวขดตัวด้วยความตกใจเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าเป็นเจียงป่าวชิง นางก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่นาน ท่าทางของนางก็มีความไม่เป็นธรรมชาติอยู่เล็กน้อย นางถือกะละมังที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าอย่างเก้ ๆ กัง ๆ “ป่าว… ป่าวชิงเองรึ มาหาข้ามีอะไรหรือ ?”
น้ำเสียงของนางทั้งเล็กและเบา เจียงป่าวชิงฟังไม่ชัดเลยจึงต้องเดินเข้าไปหานาง
เจียงเหมยฮัวก้าวถอยหลังไปด้วยความตกใจ เจียงป่าวชิงจึงได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มพูดอย่างไรดี
ขณะนั้นเอง เจียงเหมยฮัวก็ตระหนักได้ว่าปฏิกิริยาของตัวเองค่อนข้างจะรุนแรงเกินไปหน่อย นางจึงพูดอธิบายราวกับกู้คือสถานการณ์ทำนองนั้น “มะ… ไม่ใช่นะ ข้าไม่ได้กลัวเจ้า” นางพยายามผ่อนคลายอารมณ์ จากนั้นก็วางกะละมังและเอ่ยถามเจียงป่าวชิงอีกครั้ง “ป่าวชิง เจ้ามาหาข้ามีธุระอะไรหรือ ?”
เจียงป่าวชิงพยักหน้า ขณะที่เจียงเหมยฮัวยังคงมีอาการค่อนข้างไม่เป็นธรรมชาติ สีหน้าของนางก็ดูแข็งทื่อเช่นกัน
เจียงป่าวชิงรู้ดีว่านี่อาจเป็นเพราะเจียงเหมยฮัวไม่คิดว่านางจะมาหาที่นี่
ช่วงเวลาที่เจ้าของร่างเดิมถูกรังแกจากตระกูลเจียง ถึงแม้ว่าเจียงเหมยฮัวจะไม่ได้มารังแกนางด้วยกันกับพวกเขา แต่เจียงเหมยฮัวกลับไม่เคยออกมาพูดหาความยุติธรรมให้นางเลยสักครั้ง
ทว่าในใจของเจ้าของร่างเดิมนี้ เพราะว่าเจียงเหมยฮัวไม่ได้มีเจตนาที่จะรังแกนางเหมือนกับคนอื่น ๆ ในใจของนางจึงเต็มไปด้วยความใกล้ชิดที่มีต่อเจียงเหมยฮัว
ถึงแม้ว่าเจียงป่าวชิงจะเข้าใจเป็นอย่างดีว่าความใกล้ชิดที่อยู่ในใจของเจ้าของร่างเดิมเป็นเพียงเด็กที่น่าสงสารที่ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาได้ว่าตัวเองวิงวอนขอความอบอุ่นที่จอมปลอมในสถานการณ์ยากลำบากเพียงใด… แต่นางกลับใจไม่แข็งพอที่จะทำลายความอบอุ่นที่มีมาตลอดนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความอบอุ่นที่จอมปลอมก็ตาม
“ท่านป้าเล็ก ได้ยินว่าท่านป้าจะแต่งงานหรือเจ้าคะ ?” เจียงป่าวชิงเอ่ยถาม
สีหน้าราบเรียบของเจียงเหมยฮัวไม่ได้มีความสุขปรากฏให้เห็นเลยแม้แต่น้อย นางทำเพียงพยักหน้าอย่างช้า ๆ “ใช่แล้ว วันมะรืนนี้ แต่งไปที่หมู่บ้านลั่วโถว”
เจียงป่าวชิงถามขึ้นอีก “ฝ่ายนั้นชื่อเมิ่งเถี่ยใช่ไหมเจ้าคะ ?”
ใบหน้าของเจียงเหมยฮัวไม่ได้มีความกระดากอายใด ๆ เมื่อได้ยินชื่อของว่าที่เจ้าบ่าว นางยังคงพยักหน้าอย่างช้า ๆ เหมือนเดิม
เจียงป่าวชิงชะงักไปเล็กน้อย และแล้วนางก็ถามออกไปจนได้ “แล้วท่านป้ารู้หรือเปล่าเจ้าคะว่าเมียเก่าทั้งสองคนของเมิ่งเถี่ยถูกเขาตีจนตาย ?”
ตามที่เจียงป่าวชิงคิดไว้ เจียงเหมยฮัวพยักหน้า “ข้ารู้…”
นางรู้ นางรู้จริง ๆ
ตอนที่เจียงเหลียนฮัวเป็นแม่สื่อ ถึงอย่างไรนางก็เป็นน้องสาวแท้ ๆ นางก็คงจะไม่ปิดบังเรื่องนี้อย่างแน่นอน อีกอย่าง นี่ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องลับอะไร แทนที่จะปกปิด สู้บอกไปตั้งแต่แรกเสียจะดีกว่า
เมื่อเจียงเหมยฮัวเห็นเจียงป่าวชิงไม่พูดอะไร นางก็พูดเสริมขึ้นมา “ปะ… ป้าใหญ่ของเจ้าบอกว่าเมิ่งเถี่ยเขาได้รับปากกับที่บ้านแล้วว่าเขาจะไม่ดื่มเหล้าและตีใครอีก”
เจียงป่าวชิงมองเจียงเหมยฮัวเงียบ ๆ จากนั้นนางก็ถามขึ้น “แล้วท่านป้าเชื่อหรือเจ้าคะ ?”
เจียงเหมยฮัวไม่คิดว่าเจียงป่าวชิงจะถามตนเช่นนี้ นางตกตะลึงไปสักพัก แต่สีหน้าของนางยังคงทื่อ ๆ อยู่เหมือนเดิม
“มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าข้าไม่เชื่อ ?” เจียงเหมยฮัวถามกลับด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “ถึงอย่างไรก็ต้องแต่งอยู่ดี สู้เชื่อไปเลยดีกว่า ไม่แน่วันข้างหน้าอาจจะดีขึ้นกว่านี้ก็ได้ ค่าสินสอดเจ็ดตำลึง ดีออกจะตายไป คนในบ้านก็รู้สึกพึงพอใจมากเช่นกัน”
เจียงป่าวชิงไม่เคยคิดมาก่อนว่าเจียงเหมยฮัวจะคิดเช่นนี้ แต่ในเมื่อตัวนางเองยังคิดเช่นนี้ เจียงป่าวชิงก็ไม่มีเจตนาที่จะก้าวก่ายความคิดของผู้อื่น หรือพยายามจะเข้าไปทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางอารมณ์ให้กับผู้อื่น
นางพยักหน้าและหมุนตัวเพื่อเตรียมกลับ ทว่า…
“ป่าวชิง”
เจียงเหมยฮัวกลับเรียกเจียงป่าวชิงไว้
เจียงป่าวชิงจึงหมุนตัวกลับไป “อะไรหรือเจ้าคะท่านป้าเล็ก ?”
เจียงเหมยฮัวมองเจียงป่าวชิง สีหน้าของนางมีความซาบซึ้งใจระคนงงงวยอยู่เล็กน้อย “ที่เจ้ามาที่นี่ ก็เพื่อบอกข้าโดยเฉพาะใช่ไหม ?”
เจียงป่าวชิงปฏิเสธอย่างเด็ดขาด “ไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้าเพียงแค่เดินผ่านมา พอดีนึกข่าวลือของเมิ่งเถี่ยที่เคยได้ยินมาได้จึงมาถามท่านป้าดูว่าท่านรู้เบื้องหน้าเบื้องหลังหรือเปล่า แต่ในเมื่อท่านป้ารู้แล้ว และเลือกเส้นทางชีวิตเช่นนี้ ข้าเองก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วเจ้าค่ะ”
เจียงเหมยฮัวพูดไม่ออกราวกับกำลังขลาดกลัวทำนองนั้น นางไม่รู้ว่าควรจะพูดกับเจียงป่าวชิงอย่างไรดี นางลังเลอยู่สักพัก สุดท้ายก็พูดขึ้นมาเสียงเบา “ป่าวชิง ขอบใจเจ้ามากนะ”
เจียงป่าวชิงหลับตาลง นางสูดหายใจเข้าลึก ๆ
เมื่อลืมตาขึ้น นางก็เดินไปจับมือของเจียงเหมยฮัว
เจียงเหมยฮัวตกใจการกระทำของเจียงป่าวชิง นางรีบดึงมือของตัวเองทันที นางลองแล้วแต่มันกลับดึงไม่ออก สุดท้าย นางจึงปล่อยให้เจียงป่าวชิงจับมือตัวเองโดยที่นางก็ยังงงเป็นไก่ตาแตกอยู่อย่างนั้น
ผ่านไปสักพัก เจียงป่าวชิงก็ปล่อยมือออก “ตอนนี้สุขภาพของท่านป้ายังแข็งแรงดีเจ้าค่ะ”
ร่างกายของเจียงเหมยฮัวไม่มีปัญหาสำหรับการตั้งครรภ์
จากนั้นเจียงป่าวชิงก็หมุนตัวและเดินจากไปทันที ซึ่งเจียงเหมยฮัวก็ได้แต่มองตามหลังไปอย่างไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร นางทำได้เพียงมองเจียงป่าวชิงที่เดินไกลออกไปเรื่อย ๆ
สีหน้าของนางยังคงมีความขลาดกลัวปรากฏอยู่ และนางไม่เข้าใจว่าเมื่อสักครู่เจียงป่าวชิงทำอะไร
เจียงเหมยฮัวงงงวยอยู่สักครู่ นางมองเสื้อผ้าที่วางกองเป็นภูเขาอยู่ข้างเท้าของตัวเอง จากนั้นนางก็ยกกะละมังเสื้อผ้าขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ และไปซักผ้าที่ริมแม่น้ำ