ตอนที่ 18 เจ้าคู่ควรกับต้มซี่โครงนี้รึ
เจียงป่าวชิงถือต้มซี่โครงถ้วยนั้นเข้าไปในห้อง จากนั้นก็นำไปวางบนระเบียงหน้าต่าง
ใครบางคนใช้วิธีที่สกปรกเช่นนี้ แน่นอนว่าคงจะไม่ได้มีแค่ใส่ยาหวังจะวางยานางเพียงอย่างเดียว
เจียงป่าวชิงย่อตัวลงอยู่ในเงามืดอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็แอบย่องออกไปจากลานบ้านช้า ๆ นางถือโอกาสตอนที่มีเงาปกคลุมมองไปรอบ ๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วน และนางก็เจอจริง ๆ ด้วย
ตรงหลังต้นไม้ใหญ่คอเอียงที่ห่างจากบ้านของนางไปไม่เท่าไหร่ มีเงาคนกำลังโผล่หัวอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ตรงนั้น ดูแล้วน่าจะเป็นชายวัยกลางคน
บนใบหน้าเล็กที่อ่อนวัยของเจียงป่าวชิงเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ไม่สอดคล้องกับอายุของนางขึ้นมา นางกำเข็มในมือแน่นขึ้น ก่อนจะย่อตัวลงอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ค่อย ๆ ขยับเข้าไปหารั้ว และแอบย่องกลับไปในลานบ้าน
เพียงแต่เมื่อเข้ามาในห้อง เจียงป่าวชิงก็ชะงักไปทันทีเพราะมีร่างอ้วน ๆ ยืนอยู่ในห้อง ร่างนั้นกำลังประคองซุปซี่โครงถ้วยนั้นกินอย่างสบายใจ
ร่างอ้วน ๆ… ถ้าหากไม่ใช่เจียงโหย่วฉายแล้วจะเป็นใครไปได้อีก ?
“…” เวลานี้เจียงป่าวชิงรู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
เจียงโหย่วฉายซดต้มซี่โครงถ้วยนั้นหมดพอดี เขาใช้แขนเสื้อเช็ดปาก เมื่อวางถ้วยลง เขาก็เห็นเจียงป่าวชิงที่ยืนอยู่ตรงประตูด้วยสีหน้าตกตะลึง
“คนต่ำช้าอย่างเจ้าคู่ควรกับต้มซี่โครงนี้ด้วยรึ ?! ถุย!” เจียงโหย่วฉายพ่นเสมหะที่มีไขมันติดอยู่ลงไปบนพื้น
เจียงป่าวชิงรู้สึกสะอิดสะเอียนจนต้องหมุนตัวกลับไป
รอยยิ้มบนใบหน้าของเจียงโหย่วฉายเจือความโหดร้ายเล็กน้อย เขาโยนถ้วยใบนั้นลงไปในเครื่องนอนบนเตียงอิฐ จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังลั่น “เจ้าปัญญาอ่อน ข้าอุตส่าห์ใจดีเหลือกากเดนไว้ให้เจ้า คนอย่างเจ้ามันคู่ควรเพียงแค่เลียถ้วยนี้เท่านั้นแหละ!”
เจียงป่าวชิงหันกลับไป นางมองเจียงโหย่วฉายยิ้ม ๆ
แต่สายตาในตอนกลางคืนของเจียงโหย่วฉายดีไม่เท่าเจียงป่าวชิง เขาจึงไม่เห็นสีหน้าที่เจียงป่าวชิงแสดงออกมา ในตอนที่เขาเดินออกไปอย่างทะนงองอาจ เขาก็จงใจชนไหล่เจียงป่าวชิงอย่างรุนแรง จากนั้นถึงจะเดินจากไปอย่างอวดดี
เจียงป่าวชิงยืนอยู่กับที่ นางนวดไหล่ตัวเองด้วยสีหน้านิ่งพลางคิดในใจว่า ‘เจ้าโง่! อีกประเดี๋ยวเจ้าก็ต้องทรมานจนต้องเรียกหาพ่อแม่แล้ว’
……
เจียงต้ายาเดินไปมาอยู่ในห้อง นางตื่นเต้นอย่างมาก
เมื่อนางเห็นเจียงเอ้อยากลับมา นางก็รีบเดินเข้าไปกำข้อมือของเจียงเอ้อยาไว้แน่นทันที “เจ้าให้ต้มซี่โครงนางไปแล้วหรือ ?”
ข้อมือของเจียงเอ้อยาถูกกำจนรู้สึกเจ็บ นางออกแรงชักมือกลับอย่างไม่พอใจ “พี่ทำอะไร ก็แค่เอาถ้วยนั่นไปให้เองมิใช่รึ ? จะตื่นเต้นให้มากไปทำไม ? ให้แล้ว ข้าให้ไปแล้ว”
เจียงต้ายาได้ยินดังนั้น นางก็เหมือนจะผ่อนแรงลง จากนั้นก็นั่งลงไปบนม้านั่ง บอกไม่ได้ว่าใบหน้าของนางยิ้มหรือเป็นสีหน้าแบบไหนกันแน่ สุดท้ายนางก็บ่นพึมพำเล็กน้อย “ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าบังคับข้า… เจ้าโทษข้าไม่ได้… ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้าบังคับข้าเอง…”
เจียงเอ้อยาเบะปาก นางหันกลับไปยิ้มเยาะเย้ยมุมปาก ยืนแอบตรงบริเวณที่เจียงต้ายามองไม่เห็น
ในความเห็นของเจียงต้ายา เพียงแค่เจียงเอ้อยานำต้มซี่โครงถ้วยนั้นไปส่งถึงมือเจียงป่าวชิง เรื่องก็สำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว
ตอนนี้นางทำเพียงแค่ต้องรอ รอให้ผ่านไปสักพัก เมื่อใดที่ห้องของเจียงป่าวชิงมีการเคลื่อนไหว นางก็จะย่องออกไปเปิดประตูและปล่อยซุนต้าตงคนนั้นเข้าไป… เพียงเท่านี้เรื่องก็จะสำเร็จด้วยดี
เจียงต้ายากำมือตนเองแน่น นางรู้สึกว่าในมือเต็มไปด้วยเหงื่อเหนียวเหนอะและเริ่มชุ่ม
เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดลง นางจงใจให้ตนเองนึกถึงหม่าเฉิงหยวน ชายผู้เป็นคนรัก นึกถึงคำบอกรักที่ซาบซึ้งระหว่างพวกเขา นึกถึงประสบการณ์ที่ชวนให้หน้าแดงของพวกเขาทั้งสอง…
บนใบหน้าของเจียงต้ายาเต็มไปด้วยรอยแดงจากเลือดฝาด หางตาและหางคิ้วแสดงสีหน้ามีอารมณ์รักลุ่มหลงในแบบของของหนุ่มสาว
หลังจากที่เรื่องนี้จบลง นางจะได้แต่งงานกับพี่เฉิงหยวนตามที่หวังไว้ ถึงตอนนั้นก็ค่อยคลอดเจ้าตัวอ้วนในท้องออกมา และพวกเขาพ่อแม่ลูกก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขร่วมกัน
ทว่าเจียงต้ายายังไม่ทันได้จินตนาการถึงชีวิตที่ดีในอนาคต นางก็ได้ยินเสียงร้องโวยวายดังมาจากห้องใหญ่เสียก่อน
ตอนนี้เจียงต้ายายังไม่อยากสร้างปัญหาใหม่ หัวใจที่ตึงเครียดของนางสั่นเล็กน้อย นางใช้เจียงเอ้อยาให้ไปดู “เอ้อยา เจ้าไปดูสิว่าเกิดอะไรขึ้น ?”
เจียงเอ้อยาขานรับและรีบออกไปทันที
ผ่านไปไม่นาน เจียงเอ้อยาก็กลับมาด้วยใบหน้าที่ขาวซีด “พี่ พี่ฉายดูเหมือนจะป่วยเป็นบ้า เขากำลังกลิ้งไปมาและพูดว่าร้อน ๆ ๆ อยู่บนพื้น แล้วยังเอาแต่ถอดเสื้อผ้าของตัวเอง… ท่านย่ากับท่านแม่ของเราตกใจกันหมดแล้ว และท่านพ่อของเราก็ออกไปหาแม่เฒ่ากัวแล้วด้วย”
เจียงต้ายาหน้าซีด …เหตุใดถึงต้องเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นในตอนนี้ด้วย ?!
ไม่ได้! นางตัดสินใจแล้วว่าต้องรีบปล่อยให้ซุนต้าตงคนนั้นเข้ามา และให้เขาจัดการเจียงป่าวชิงให้สำเร็จก่อนแล้วค่อยว่ากัน แม้ว่าจะไม่สำเร็จ แต่หากตอนนั้นทั้งสองคนอยู่ในห้องในสภาพที่เสื้อผ้าไม่เป็นระเบียบ ต่อให้เจียงป่าวชิงมีสิบปาก นางก็คงจะแก้ตัวอะไรไม่ได้
เจียงต้ายาตัดสินใจ นางรีบพูดกับเจียงเอ้อยาทันที “เจ้าไปดูพี่ฉาย ข้าจะออกไปข้างนอกสักหน่อย” พูดจบนางก็รีบออกไปทันที
เจียงเอ้อยากระดกมุมปากอยู่ตรงด้านหลังเจียงต้ายา แต่ปากของนางกลับขานรับอย่างรวดเร็ว “อืม ข้าไปดูให้เอง”
……
เจียงเอ้อยากลับมาที่ห้องใหญ่ก็เห็นว่าหลีโผจื่อกับโจซื่อกำลังกอดเจียงโหย่วฉายอย่างเอาเป็นเอาตายและพากันร้องห่มร้องไห้อยู่ตรงนั้น “พี่ฉาย เจ้าเป็นอะไร ?! เจ้าอย่าทำให้ย่าตกใจแบบนี้”
ท่านปู่เจียงก็กำลังเดินไปมาอย่างร้อนใจอยู่ด้านข้าง “อะไรกัน เหตุใดอีหนิวถึงยังไม่พาแม่เฒ่ากัวมาอีก ?!”
เมื่อโจซื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าเจียงเอ้อยาเข้ามาจากด้านนอก นางไม่ค่อยชอบลูกสาวคนที่สองคนนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว จึงก่นด่าขึ้นมาเสียงสูง “เจ้าเด็กบ้า! น้องเจ้าป่วยถึงขนาดนี้ เจ้ายังออกไปเที่ยวเล่นอยู่อีก จิตใจอำมหิตนัก! เร็ว! ยังไม่รีบไปรินน้ำให้น้องเจ้าอีก ไปเร็ว ๆ เลย”
โจซื่อด่าเจียงเอ้อยา ขณะที่หลีโผจื่อเองก็กำลังด่าเจียงเหมยฮัวเช่นกัน “แต่ละคนเป็นตัวซวยกันทั้งนั้น! ปกติก็เอาแต่กิน ยามถึงตอนทำงานกลับทำมาเป็นขี้เกียจสันหลังยาว”
ก่อนที่เจียงเอ้อยาจะขยับตัว เจียงเหมยฮัวรีบรินน้ำทันที เจียงโหย่วฉายในเวลานี้เอาแต่ฉีกเสื้อผ้าของตัวเองอยู่บนพื้น และเอาแต่ตะโกนว่า ‘ร้อน!’ เขาในตอนนี้ราวกับหมูที่ถูกเชือดอย่างไรอย่างนั้น จิตใจของเขาร้อนรุ่ม ไม่สนสิ่งใดทั้งสิ้น มือก็ยื่นออกไปปัดถ้วยน้ำถ้วยนั้นที่เจียงเหมยฮัวส่งให้
หลีโผจื่อ แทนที่จะต่อว่าเจียงโหย่วฉาย นางกลับตะโกนขึ้นว่า “แก้วตาดวงใจของย่า!”
หลีโผจื่อรู้สึกสงสารเจียงโหย่วฉายจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงทำได้เพียงหันไปถีบเจียงเหมยฮัวและก่นด่านางเพื่อระบายความโมโหออกมา “ฮึ่ม! เจ้าเป็นคนตายหรืออย่างไร ?! รินน้ำแค่นี้ยังทำหกอีก! ไม่ได้เรื่อง!”
เจียงเหมยฮัวถูกถีบจนโซเซและล้มลงไปบนโต๊ะ บนโต๊ะมีถ้วยเคลือบหยาบ ๆ วางอยู่สองใบ ทั้งหมดถูกชนจนตกลงมาบนพื้นและแตกละเอียดไม่มีชิ้นดี
หลีโผจื่อรู้สึกเสียดายจนพูดไม่ออก
เจียงเหมยฮัวกลัวจนตัวสั่น นางรีบนั่งยอง ๆ บนพื้นและเก็บเศษที่แตกละเอียดนั้นด้วยมือเปล่า
เจียงเอ้อยาไม่อยากเข้าไปช่วย นางจึงคิดหาวิธี นางแอบบิดเนื้ออ่อนตรงบริเวณแขนของตัวเองเพื่อบังคับให้ตัวเองหลั่งน้ำตาออกมา แสร้งทำเป็นร้องไห้อย่างจริงใจ น้ำตานางไหลลงมาเป็นสายขณะที่นางแสร้งทำท่าทางเป็นห่วงเจียงโหย่วฉาย “ฮือ ๆ ๆ ท่าทางของพี่ฉายแปลกจริง ๆ คงไม่ได้ไปลบหลู่อะไรมาใช่ไหม ?”
คำพูดนี้เตือนสติของหลีโผจื่อทันที นางเป็นห่วงจนขาดสติ จึงทำให้เมื่อสักครู่ลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเสียสนิท
หลีโผจื่อรีบออกจากห้อง นางไปที่เตาและหยิบขี้เถ้าขึ้นมาหนึ่งกำมือ เมื่อกลับมานางก็โยนขี้เถ้าใส่หน้าเจียงโหยวฉายเต็ม ๆ
เจียงโหย่วฉายกำลังแหกปากร้องโวยวาย เมื่อขี้เถ้านี้สาดใส่ลงมาบนหน้า ขี้เถ้าส่วนมากก็เข้าไปในลำคอของเขา ทำให้เขาสำลักจนตาเหลือก จากนั้นก็ไอออกมาอย่างบ้าคลั่ง
ในห้องใหญ่วุ่นวายจนหลังคาบ้านแทบจะเปิดออกแล้ว
……
เจียงต้ายาในเวลานี้นั้น หลังจากที่คนในบ้านรู้เรื่องที่นางท้อง คนในบ้านก็ไม่อนุญาตให้นางก้าวออกไปจากประตูบ้านแม้แต่น้อย
นางไม่ได้ออกมาจากบ้านเป็นเวลาทั้งบ่ายเห็นจะได้ นางเปิดประตูใหญ่ออกเล็กน้อย จากนั้นก็มองออกไปด้านนอกอย่างเงียบ ๆ
ตอนนี้เป็นต้นฤดูใบไม้ผลิ แต่อากาศยังคงหนาวอยู่ บนถนนในหมู่บ้านไม่เหลือเงาคนแล้ว จะมีก็แต่เสียงเห่าของหมาบ้านอื่นเท่านั้น
“ซุน… ต้า… ตง ?” เจียงต้ายามองสอดส่อง และเรียกขึ้นมาด้วยเสียงอันเบา
มีเงาคนเดินออกมาอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ จากตรงหลังต้นไม้ใหญ่คอเอียงที่อยู่ไม่ไกลออกไป
นั่นคือซุนต้าตง