ชูฮันมองไปที่ซูเซียงหลงตรงหน้าและกลุ่มคนที่ยังคงหัวเราะไม่หยุด ทันใดนั้นเองมันก็มีรอยยิ้มปราฏที่มุมปากของชูฮัน และเมื่อทุกคนเห็นชูฮันยิ้มกลุ่มคนก็ยิ่งหัวเราะหนักกว่าเดิมเข้าไปอีก กลุ่มคนมาใหม่หนึ่งร้อยคนมีท่าทางหดหู่ ตัวสั่น หน้าตึง ตาแดงก่ำ ความเกลียดเพิ่มขึ้นในใจ
และในขณะที่ทุกคนกำลังหัวเราะอยู่ “จำกฎระเบียบทางทหารของกองกำลังเขี้ยวหมาป่าบทที่ 19 กันได้มั้ย?”
เสียงหัวเราะหายไปอย่างไร้ร่องรอยและทหารหนึ่งร้อยคนเริ่มดิ่งลงลึกไปที่ด้นเหว
“ขออนุญาตครับท่าน!” หลิวยู่ติงตอบรับเสียงดัง “อย่าหัวเราะพวกพ้องของเราเอง ไม่มีการแบ่งแยก!”
ปากชูฮันยิ่งยกมุมลึกกว่าเดิม “วิดพื้นหนึ่งร้อยครั้ง! ปฏิบัติ!”
“ครับ!”
พรึบ!
ทหารหนึ่งร้อยคนที่ถูกฝึกมาตลอดหนึ่งเดือนรีบลงไปนอนที่พื้นและเริ่มทำการวิดพื้นทันทีตามคำสั่ง กฏระเบียบทางทหารได้ถูกปลูกฝังลึกลงไปในสมองของทุกคนแล้วตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือน ความสำคัญที่สุดคือคำสั่งของผู้บังบัญชา ที่เหลือคือเรื่องรอง
คนมาใหม่อีกหนึ่งร้อยคนงุนงง พวกเขาต่างมามองมาที่เหล่าทหารหนึ่งร้อยนายที่เชื่อฟังคำสั่งของชูฮันทันที พวกเขาทั้งตกใจหากในใจก็เต็มไปด้วยอารมณ์มากมาย นี่คือทีมที่ผ่านการฝึกมาอย่างเข้มงวดและเป็นระเบียบ พวกเขาแสดงออกถึงการทำที่ถูกและผิดอย่างชัดเจน ประกอบกับที่ชูฮันไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะสั่งลงโทษทหารของเขา
ทันใดนั้นกลุ่มคนมาใหม่หนึ่งร้อยคนต่างมองไปที่ชูฮันเต็มตา แววตาของทุกคนเต็มไปด้วยความชื่นชม ท่านพลเอกเป็นคนที่ชัดเจนและมีเหตุผลและสามารถกำหนดกฏระเบียบทางทหารแบบนี้ขึ้นมา พวกเขาเลือกตามคนถูกแล้ว!
ไม่มีการแบ่งแยก ไม่มีการเยาะเย้ย อะไรจะดีกว่านี้? รวมถึงเรื่องที่พวกเขาได้เห็นเองกับตา การได้เห็นคนธรรมดากลายเป็นคนที่แข็งแกร่งและมีตำแหน่งอยู่ในกองทัพ
การวิดพื้นหนึ่งร้อยครั้งนั้นไม่ใช่ปัญหาลำบากอะไรเลยสำหรับวิวัฒนาการแต่มันเป็นเรื่องยากสำหรับพรสวรรค์และคนธรรมดา กลุ่มคนเริ่มเหงื่อแตกพลั่กไม่หยุด เสียงการหายใจก็เริ่มดังรุนแรงขึ้น แต่ไม่มีใครแสดงการปฏิบัติที่ช้าลงหรือหยุดพักเลย แม้แต่เฉินช่าวเย่ที่มักจะอ่อนแอสุดกลับใช้พลังกายทั้งหมดที่มีเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด
ตอนนี้ชูฮันมองไปที่ชายคนเดิมที่มีท่าทีซบเซา “ปัญหาของนายคืออะไร?”
“ขออนุญาตครับท่าน” เสี่ยวทำตามการสาธิตของซูเซียงหลง ซึ่งเขาก็ปฏิบัติออกมาได้ไม่แย่เท่าไหร่ “ผมชื่อเสี่ยวฉี ไม่มียศทางทหาร ผมมีคำถามครับ : แล้วเรื่องของอาหารสำหรับการอยู่ในเมืองสามวันละครับ? แล้วถ้าเราเจอซุปเปอร์ซอมบี้และตกอยู่ในอันตรายละครับ?”
ชูฮันยิ้มมุมปาก “เหตุผลของการฝึกเพื่อเอาชีวิตรอด แน่นอนว่าพวกคุณต้องหาทางแก้ปัญหาเรื่องอาหารกันเอาเอง เมื่อเข้าไปในเมืองอาหารทั้งหมดที่พวกคุณมีติดตัวต้องถูกส่งคืน พวกคุณสามารถแบกไปได้แต่กระเป๋าเป้เปล่าๆเข้าไปในหลิงเฉิง ส่วนสำหรับอันตรายถึงชีวิตก็เช่นกัน นี้คือสิ่งที่พิสูจน์ความสามารถของพวกคุณ มีเพียงแค่ที่อยู่รอดเท่านั้นของการฝึกเพื่อเอาชีวิตรอดนี้ที่จะสามารถเข้าร่วมกองทัพของฉันได้”
เงียบกริบ…
เสียงลมหายใจเย็นของคนแล้วคนเล่าดังขึ้น หลายคนมองมาที่ชูฮันอย่างไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน นี้มันต้องฝึกฝนน่ากลัวขนาดนี้เลยเหรอ? มีเพียงแค่คนที่มีชีวิตรอกจะสามารถเข้าร่วมเป็นหนึ่งในกองทัพได้อย่างเป็นทางการงั้นเหรอ? มันไม่ต่างจากการผลักให้คนไปตายเอาดาบหน้า?
เสียงของชูฮันไร้ซึ่งอารมณ์ “พวกคุณไม่เข้าใจที่ฉันพูดเหรอไง? นอกเหนือจากการเอาตัวรอดจากการฝึกนี้แล้ว พวกคุณยังต้องตามหาร่องรอยของซุปเปอร์ซอมบี้ ฉันแค่พวกคุณไปตามหาร่องรอย จดบันทึกสถานที่ที่น่าสงสัยทั้งหมดและให้พวกคุณทำการสืบสวนเอง ภายใต้การเฝ้าของระวังของฉัน ความเสี่ยงของการฝึกนี้คือศูนย์”
เฝ้าระวัง
ศูนย์
หลายคนเริ่มเชื่อว่าคนสองร้อยคนสามารถเข้าไปในเมืองและเผชิญหน้ากับฝูงซอมบี้ 500,000 ตัวได้ แถมยังแบ่งกลุ่มออกเป็นยี่สิบกลุ่มอีก มันจะอันตรายได้ถึงขนาดไหน?
ศูนย์
รอยยิ้มของชูฮันยิ่งเย็นชาและโหดเหี้ยม “การฝึกนี้เป็นการจริงๆ ถ้าพวกคุณยอมแพ้เพราะความกลัว กลัวที่จะตาย งั้นก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเข้าร่วมกองทัพของฉันเลย ไม่ช้าก็เร็วมันจะกลายเป็นมะเร็งในกองทัพของฉัน! ซอมบี้จะมีอยู่เสมอและวิกฤตก็จะปรากฏขึ้นมาไม่สิ้นสุด ที่นี้ไม่มีการฝึกปกติ การฝึกทุกอันคือการต่อสู้ที่แท้จริง”
นี่คือสิ่งที่ชูฮันยืนยันอยู่เสมอ ค่ายซางจิงคือค่ายผู้รอดชีวิตที่ใหญ่ที่สุดของจีน มีคนระดับสูงที่มีพลังอำนาจมากมายอยู่ที่นั่นนับไม่ถ้วน ทีมมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ 200 คนที่ถูกส่งมาจากแต่ละค่ายไม่มีประสบการณ์ในเชิงปฏิบัติ พวกเขาอ่อนแอยิ่งกว่าเฉินเสี้ยนกาวที่เป็นคนธรรมดาซะอีก
สิ่งสำคัญของการฝึกภาคปฏิบัตินั้นควรจะมีตั้งแต่แรกเริ่ม และเพียงแค่การต่อสู้ที่แท้จริงเท่านั้นที่จะเอาชนะได้
กลุ่มคนไม่มีใครกล้าจะพูดอะไรอีก ทุกคนต่างมองมาที่ชูฮันอย่างอึ้งๆ และในขณะเดียวกันกลุ่มทหารหนึ่งร้อยคนที่ทำบทลงโทษเสร็จก็ค่อยๆลุกขึ้นยืนตัวตรงทีละคน ด้วยท่าพักปฏิบัติตามระเบียบทหารดังเดิม ไม่มีใครมีความกลัวแสดงให้เห็นเลย
“พวกคุณสามารถเลือกที่จะถอนตัวตอนนี้ได้” ชูฮันจับจ้องการตอบสนองของเหล่าคนมาใหม่ไว้ในสายตา และจู่ๆชูฮันก็หยิบปึกกระดาษข้อมูลออกมา “แต่คนที่ถอนตัวจะไปอยู่ในบัญชีดำของค่ายเขี้ยวหมาป่า รวมถึงคนที่ไม่เห็นด้วยกับการฝึกนี้ก็จะไปอยู่ในบัญชีดำเช่นกัน เพราะว่าคนที่ไม่เข้าร่วมการฝึกของหน่วยรบเขี้ยวหมาป่าก็ไม่ควรจะหวาดกลัว และค่ายของฉันก็จะไม่ยอมรับคนทรยศ”
นี่คือจุดสิ้นสุดของเรื่องราว ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากกว่านี้
หลิวยู่ติงยิ่งประหลาดใจขึ้นไปอีก ทุกคนต่างมองไปที่ปึกกระดาษในมือของชูฮัน
“ฉันขอออก” บางคนเริ่มกลัว
“ฉันก็ด้วย” เมื่อมีคนเปิด มันก็มีคนตาม
ชูฮันไม่ห้าม เขาปล่อยให้หลิวยู่ติงจดรายชื่อของคนที่อยากถอนตัวลงไป ผลสุดท้ายจำนวนของคนที่เหลือทั้งหมดสำหรับการฝึกคือ 160 คน ส่งผลให้กลุ่มเหลือเพียง 16 กลุ่ม อย่างไรก็ตามมีสิ่งที่ทำให้ชูฮันประหลาดใจเล็กน้อย ชายที่ชื่อว่าเสี่ยวฉีที่เห็นได้ชัดว่าหวาดกลัวกลับอยู่ต่อ
“จัดกลุ่มใหม่” อีกครั้งที่ชูฮันออกคำสั่งให้ทีมจัดระเบียบใหม่ และเมื่อเขากวาดสายตามองรอบๆกลุ่มคนมาใหม่ทั้งหมด “ฉันหวังว่าคนมาใหม่จะไม่เป็นอันตรายต่อสหายของเรากันเอง”
หลายคนต่างตาโตและพยักหน้ารับด้วยความกลัว
“ลูกทีมทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม! เข้าไปในเมืองหลิงเฉิงทีละกลุ่ม!”
กลุ่มคนต่างสะพายกระเป๋าเป้ว่างเปล่า กลุ่มคนสิบคนเคลื่อนตัวเข้าไปในเมือง ชูฮันมอบเส้นทางให้แต่ละกลุ่มแตกต่างกันไป แต่ละกลุ่มจะมีแผนที่ไว้เผื่อสำรองฉุกเฉิน ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่ในทีมนั้นมีประสบการณ์กันอยู่แล้ว
เมื่อกลุ่มคนเดินทางจากไป หลิวยู่ติงและซูเฟิงที่ไม่ได้ถูกจัดรวมกลุ่มก็พูดกับชูฮันขึ้นพร้อมกัน “คุณคิดบ้าอะไรอยู่?”
หลังจากนั้น ทั้งคู่ต่างมองหน้ากันและด้วยสายตาแปลกๆ ทั้งคู่ต่างเห็นความกังวลและความไม่อยากเชื่อในแววตาของอีกฝ่าย
“มีคนที่ไม่มีประสบการณ์รวมอยู่ในกลุ่มด้วย การเพิ่มคนใหม่เข้าในการฝึกสำคัญและอันตรายแบบนี้นอกจากจะทำให้กระบวนการล่าช้าลงแล้ว ยังนำพาปัญหามาให้ทีมอีก” คิ้วของหลิวยู่ติงย่น “โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะตรวจสอบว่าพวกเขามีความขัดแย้งกันระหว่างปฏิการรึเปล่า แล้วถ้ามีคนทรยศล่ะ?! มันต้องมีบางคนแฝงตัวอยู่สักคนแน่นอน!”
ชูฮันเหลือบมองด้วยสายตาดิ่งลึก “การฝึกเพื่อเอาชีวิตรอกไม่ใช่การฝึกเพื่อเอาชีวิตรอดจากฝูงซอมบี้ในเมืองเท่านั้น แต่มันยังคือการทดสอบความมนุษย์ขั้นพื้นฐานและการตอบสนองของมนุษย์”
ทันทีหลังจากพูดให้ทั้งสองคนได้คิด ชูฮันก็พูดบางอย่างต่อที่ทำให้หลิวยู่ติงและซูเฟิงตัวสั่น “และคนที่ทรยศก็จะได้ลิ้มรสชาติที่กล้ามาลองดีกับชีวิตทหารของฉัน”