พันชางเซียนและเฉินช่าวเย่ต่างมองไปที่ชูฮันด้วยสายตาแบบเดียวกันพร้อมขบคิดอยู่ในหัว แน่นอนว่าชูฮันไม่รู้ว่าในหัวของทั้งคู่นั่นคิดอะไรอยู่ ชูฮันคุกเข่าลงไปหาผู้ช่วยร่างท้วมของพันชางเซียนที่มีกองเศษกระดาษซึ่งก็คือใบรับรองรายการที่ถูกทำลายโดยมีดของจางตงคลุมตัวอยู่
คิ้วของชูฮันย่นขณะมองไปที่เศษกระดาษพลางขบคิด
พันชางเซียนไม่คิดเลยว่าคนที่เขาตั้งใจพามาเพื่อสั่งสอนชูฮันกลับกลายเป็นโดนชูฮันสั่งสอนเองแทนซะงั้น ในตอนนี้เขามืดแปดด้าน ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป
พันชางเซียนสูดลมหายใจเข้าออกลึกเพื่อปรับอารมณ์ให้คงที่อยู่พักหนึ่ง “ชูฮัน! วันนี้ฉันต้องได้คำอธิบายจากแก!”
ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา พวกเขาต่างพยายามหดตัวให้เล็กลงชิดอยู่ในมุมห้องเพื่อรอดูการเปลี่ยนแปลง บางคนถึงกับคิดว่าควรจะวิ่งหนีออกไปจากห้องตอนนี้เลยดีมั้ย ทว่าถ้าหากพวกเขาล้มขึ้นมาและโดนเพดานถล่มทับใส่ พวกเขาต้องตายแน่ๆ
“ชูฮัน! ฉันพูดกับแกอยู่! ได้ยินมั้ย?” เมื่อเห็นว่าชูฮันไม่หือไม่อืออะไรเลย พันชางเซียนก็ยิ่งโมโหขึ้นไปอีก…ถ้ามันไม่ใช่เพราะเขาไม่มีพลังอะไรเลยละก็ ป่านนี้เขาคงพุ่งเข้าไปจัดการชูฮันเองแล้ว
ในที่สุดชูฮันก็ลุกขึ้นและหันไปมองพันชางเซียนจากนั้นก็เหลือบมองผู้ช่วยร่างท้วมด้วยสายตาดิ่งลึก
“แกมองอะไรฉัน?” เมื่อได้เห็นท่าทางของชูฮัน พันชางเซียนก็ตะคอกใส่ชูฮันทันที “นี่ไม่ใช่สถานที่ที่แกจะมาทำตัวป่าเถื่อนได้ นี่เป็นแผนกโลจิสติกส์ที่หล่อเลี้ยงค่ายซางจิง! ครั้งแรกที่แกมาถึงแกก็ทำลายห้องไปหนึ่งห้อง ตอนนี้แกยังพังกำแพงทะลุไปสี่ชั้น นี่แกอยากจะโดนล่ามโซ่ไว้ใช่มั้ย? แกมาที่นี้เพื่อรายการสิ่งของหรือสร้างปัญหากันแน่?”
ข้อสงสัยของพันชางเซียนมีความสมเหตุสมผล แผนกโลจิสติกส์เป็นเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงเมือง สิ่งของเครื่องใช้ประจำวันรวมถึงอาหารถูกแจกจ่ายจากตรงจุดนี้ ไม่มีพลเอกคนไหนมาที่นี้โดยไร้ความเคารพหรือมารยาท มีเพียงแค่ชูฮันที่กล้ามาทำตัวต่ำแบบนี้!
เฉินช่าวเย่กังวลมากจริงๆ เขาอาศัยอยู่ที่ซางจิงนี้มาพักใหญ่แล้วเขาจึงพอรู้ว่าแผนกโลจิสติกส์มีความสำคัญมากขนาดไหน และการที่ชูฮันทำแบบนี้กับที่นี้มันมากเกินไปจริงๆ สถานการณ์ในตอนนี้จึงตึงเครียดมากๆ
กลุ่มคนในห้องยังคงไม่พูดอะไร หากพวกเขากลับพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของพันชางเซียนอย่างสิ้นหวัง…ใช่ ชูฮันทำเกินไป โชคดีที่ตอนนี้หัวหน้าพันชางเซียนเข้ามาควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดได้ก่อน ไม่อย่างนั้นทั้งแผนกโลจิสติกส์คงเหลือแต่ซากไว้ให้ผีอยู่ไปแล้ว!
ชูฮันยังคงไม่เอ่ยอะไร หากเขากำลังคิดเกี่ยวกับเนื้อหาของรายการวัสดุที่ผู้บัญชาการมู๋ให้มาก่อนหน้านี้
“พูดสักอย่างสิวะ! เป็นใบ้ไปแล้วเหรอไง?” พันชางเซียนยังคงด่าชูฮันต่อ “เห็นมั้ยว่าสภาพที่นี้มันเป็นยังไง? แกจะชดเชยยังไง? ฉันไม่คิดว่าแกจะได้ทรัพยากรไปสร้างค่ายแล้วล่ะ เพราะพวกมันทั้งหมดจะถูกยึดเป็นค่าซ่อมแซมแผนกโลจิสติกส์แทน!”
พรึบ! พรึบ!
กลุ่มคนในห้องพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แผนกต้องได้รับการซ่อมแซม
ในที่สุดชูฮันก็หันหน้าไปหาพันชางเซียน เขาก้าวเท้าขึ้นและเดินตรงไปหาพันชางเซียน
“แกกำลังจะทำอะไร? หยุดนะ! อย่าเข้ามา!” พันชางเซียนเริ่มวิตก
โชคร้ายที่ชูฮันยังคงไม่หยุดเดิน ฝีเท้าของชูฮันรวดเร็วมาก เขาสามารถเดินเข้ามาถึงตัวพันชางเซียนได้ภายในสามก้าวเท่านั้น จากนั้นทุกคนในห้องก็ตกอยู่ในอาการช็อค—–
เพี้ยะ!
เสียงมือของชูฮันตบเข้าที่หน้าของพันชางเซียนอย่างไม่ลังเล!
ทุกคนเงียบสนิทและมองไปที่ภาพตรงหน้าด้วยความตระหนก ไม่นานแก้มของพันชางเซียนก็เริ่มบวมแดงพร้อมกับกล่องอาหารกลางวันในมือเฉินช่าวเย่ที่ร่วงลงพื้น
“รำคาญ!” ชูฮันทำให้ทุกคนตะลึง สายตาจ้องเขม็งใส่พันชางเซียนพร้อมตะคอก “ฉันมาที่นี้เพื่อเอาของที่เป็นของฉัน แล้วแกมีสิทธิอะไรไม่ทราบที่จะมายึดของของฉันฌดยพลการ?”
“ฉัน—-ฉันไม่ได้” พันชางเซียนกลัวจนหัวหด พูดจาตะกุกตะกัก สมองของเขาหยุดทำงานไปครู่หนึ่ง เขาคิดไม่ออกว่าควรจะพูดอะไรดี
“แล้วยังไง? ก่อนหน้านี้แกพูดว่ายังไง?!” ชูฉันเข้าถึงตัวพันชางเซียนอีกครั้ง
“ไม่ ไม่ใช่” พันชางเซียนรีบปฏิเสธ “แต่แก—–“
เพี้ยะ!
ตบเข้าที่หน้าอีกครั้ง!
“แกคิดว่าแกเก่งมาจากไหน?!” ชูฮันในตอนนี้ดูเหมือนกับปีศาจคลั่ง เขาแหกปากใส่พันชางเซียน “แกเข้ามาหาเรื่องฉันพร้อมกับวิวัฒนาการระยะ 4 แกมีความผิดโทษฐานตั้งใจทำร้ายฉัน! ไอ้คนที่ใช้มีดเป็นอาวุธนั้นฉันยังไม่อยากจะสู้กลับด้วยซ้ำ กระจอกมาก แกคิดว่าฉันจะอ่อนขนาดปล่อยให้คนแบบนั้นตัดหัวได้ง่ายๆงั้นเหรอ?”
“แก!” พันชางเซียนคำรามในอก
ชูฮันถอนหายใจ จากนั้นก็รีบปรับสีหน้าของเขาและตะคอกใส่พันชางเซียนอีกครั้ง “แกรู้ใช่มั้ยว่าฉันเป็นวิวัฒนาการระดับสูง และแกก็จงใจพาคนมาทำร้ายฉันจนสถานที่พังเละเทะ แต่แกกลับมาโทษว่าที่สถานที่พังเป็นความผิดฉัน? เห็นได้ชัดว่าแกเจตนาจงใจใส่ร้ายฉัน!”
พันชางเซียนส่านหัวทันที “ค่อก แค่ก—-“
“หุบปากซะที!” ชูฮันพูดขัดขึ้นมา “แถมมันยังมีใบรับรองรายการวัสดุ ที่แกจงใจปล่อยให้มันเป็นเศษกระจุยโดยฝีมือคนของแก แล้วแกก็ยังคิดจะยึดของๆฉันไปทั้งหมด?”
“เปล่า” ในที่สุดพันชางเซียนก็พูดขึ้น ทว่าน่าสงสารที่ชูฮันไม่ปล่อยโอกาสให้เขาได้พูดต่อ
“ฉันรำคาญ! แกจงใจชัดๆ!” เสียงของชูฮันเต็มไปด้วยความกดดัน “รายการของในวัสดุไม่ใช่น้อยๆ แกจะเสียเวลาอีกนานเท่าไหร่? ฉันจะพร้อมในอีกหนึ่งชั่วโมง ถ้าแกไม่เตรียมของไว้ให้ฉัน ฉันจะระเบิดแกไปพร้อมกับแผนกโลจิสติกส์นี้ซะ!”
หลังจากชูฮันพูดจบ ร่างของพันชางเซียนที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อก็ล้มลงพื้นทันทีและมองไปที่ชูฮันด้วยสายตาหวาดกลัว
“เตรียมของให้พร้อม!” พันชางเซียนรีบผุดลุกขึ้นวิ่งไปหาผู้ช่วยของเขาพร้อมออกคำสั่ง “ไปเตรียมตัวให้พร้อมเดี๋ยวนี้”
เตรียมของให้เรียบร้อยเพื่อส่งไอ้โจรเถื่อนนี้ไปไกลๆ!
“ไม่สามารถทำได้! ผมไม่ทราบว่ามันมีรายการกี่อย่าง” ผู้ช่วยร่างท้วมร้องพลางพูดต่อ “ใบรายการถูกทำลายไปแล้วและผมจำพวกมันทั้งหมดไม่ได้”
“ทำยังไงดี?” ทันใดนั้นพันชางเวียนเริ่มวิตกกังวล
“ไม่เป็นไร” ชูฮันยิ้ม “ก็แค่เปลี่ยนมาใช้เหรียญล่มสลาย โอ๊ะ! มันยังไม่ได้ตีพิมพ์ออกมาเป็นทางการ สำหรับรายการ ไม่เป็นไร ฉันจะเขียนสำเนาให้เอง แต่นอนว่านี่เป็นงานพิเศษเพิ่มเติมเพราะฉะนั้นแกต้องจ่ายเงินให้ฉัน”
หลังจากพูดคุย โดยไม่คำนึงถึงสีหน้าตะลึงค้างของทุกคน ชูฮันก็เดินตรงไปที่โต๊ะคว้ากระดาษและปากกาขึ้นมาเขียน
“ไข่ไก่สดอบหนึ่งพันลูก อาหารสำหรับทหารสองร้อยนายสำหรับ 7 วัน เต้นท์นอน 200 เต้นท์—–“
หลังจกาเขียนรายการลงกระดาษเสร็จเรียบร้อย ชูฮันก็โยนมันใส่หน้าพันชางเซียน พร้อมกับรอยยิ้มราวกับปีศาจ “ไม่มีน้อยกว่านี้”