น้ำเสียงที่โพล่งขึ้นมาอย่างกระทันหันของชูฮันไม่เพียงแต่จะทำใหสิงโตช็อค แต่ทุกคนในห้องนั้นต่างก็ตกใจกันหมด
หลิวยู่ติงเองก็ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก แต่เขาประหลาดใจเรื่องอื่นมากกว่าทำให้เผลอหลุดปากออกมา “นายจำได้เหรอ?”
“ฉันขอโทษที่ก่อนหน้านี้จำไม่ได้” ชูฮันมองมาด้วยสายตาแปลกๆ “นายไม่ใช่ผู้ชายตัวอ้วนหนัก 200 ปอนด์อีกแล้ว?”
สีหน้าของหลิวยู่ติงครึ้มลงทันที “นั่นมานานมาแล้ว แถมตอนนี้ในยุคโลกาวินาศใครจะไปมีน้ำหนัก 200 ปอนด์ได้กันล่ะ ไหนหามาให้ฉันดูหน่อยสิ?”
“มีสิ” ชูฮันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เฉินช่าวเย่ไง”
บทสนทนาระหว่างทั้งสองคนยิ่งทำให้หน้าของสิงโตคร่ำเครียด ผู้ชายสองคนยืนคุยกันท่ามกลางคนมากมายในห้องประชุมอย่างไม่สนใจอะไรเลย!
“ผู้บัญชาการมู๋! ท่านนายพลทั้งหลาย!” น้ำเสียงของสิงโตบ้าเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด ขณะที่ชี้นิ้วใส่หน้าชูฮัน “ผู้ชายคนนี้ต้องได้รับโทษทันที!”
ขณะที่รอคอยให้ทุกคนตอบสนอง—–
พ้ะ!
ชูฮันตบเข้าที่นิ้วของสิงโตอย่างแรง
มันรุนแรงมากจนทุกคนได้ยินเสียงกระดูกนิ้วของสิงโตหักอย่างชัดเจน
“อ๊ากกกกกกกก—–” สิงโตบ้าแหกปากร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด
ชูฮันก้าวเท้าออกมา รองเท้าบู้ทสีดำที่กระทบกับพื้นก่อให้เกิดเสียงดังสะท้อนก้อง ชูฮันออกเดินวนรอบสิงโตพร้อมกับสีหน้าแข็งกระด้างและแววตาที่มองมาอย่างแข็งกร้าว ทันใดนั้นชูฮันก็ตะคอกขึ้นมา “ใครมอบความกล้าให้แก!?”
และทันทีที่ชูฮันพูดจบ
เพี้ยะ!
ชูฮันตบเข้าที่หน้าของสิงโต!
ทุกคนตะลึงไปชั่วขณะ ส่วนหลิวยู่ติงยิ่งตะลึงเข้าไปอีกขณะมองไปที่แววตาที่ไม่สามารถเข้าใจได้ของชูฮัน ทำไมชูฮันถึงกล้าทำอะไรแบบนี้ที่นี้? ใครให้ความกล้าเขาขนาดนี้?!
อารมณ์ของสิงโตยิ่งปะทุหนักขึ้นเข้าไปอีก เขารอไม่ไหวแล้วที่จะเห็นไอ้เวรนี่โดนฆ่า! เขาเหนื่อยเกินกว่าจะนับแล้วว่าเขาโดนชูฮันทำร้ายไปกี่ครั้งแล้วภายในวันเดียว รอยแดงช้ำและผิวที่บวมเป่งยังคงไม่หายไปจากใบหน้า แถมมันยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอีก
ชูฮันไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกับความโกรธแค้นของพลตรีสิงโตบ้าคลั่ง ชูฮันเพียงแค่หันหน้าไปหาทุกคนในห้องประชุมและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธ “นี่คือสิ่งที่พวกคุณหมายถึง? ช่างน่าตื้นตันใจเหลือเกิน ไม่มีความเคารพกันเลยสักนิด ผมฉันมาถึงที่นี้แต่พลตรีคนนี้กลับห้ามผมไม่ให้เข้าร่วมกองทัพ แถมบอกว่าจะขับไล่ผมออกจากค่ายและชาตินี้ผมจะไม่มีวันได้เข้าร่วมกับกองทัพเด็ดขาด?”
ชูฮันตะคอกขณะแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธและความไม่พอใจอย่างเต็มที่ออกมา เขาจ้องไปที่ผู้บัญชาการมู๋พร้อมกับเอ่ยปากถาม “คุณไม่ต้องการให้ผมเข้าร่วมกองทัพมั้ย? ผมมาถึงนี้แต่ไล่ผมออกไป? หลังจากการทำงานอย่างหนักหน่วงตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา”
คำพดของชูฮันทำให้หลายคนเริ่มวิตกและกระวนกระวาย ทุกคนพยายามปลอบให้ชูฮันอารมณ์เย็นลง
“นั่นไม่จริง”
“ใจเย็นก่อน”
“ฟังพวกเราก่อน”
“อธิบายว่าอะไร!” ชูฮันตะคอกแทรกพวกทหารยศสูงทั้งหลาย น้ำเสียงเฉียบคม “ผมว่าจะลืมมันไป แต่นี่มันยังตะคอกใส่ผม?! โอ้ะลืมไป! แถมยังจะฆ่าผมอีก? พวกคุณก็ได้ยินที่พลตรีคนนี้พูด เขาพึ่งจะบอกว่าต้องการจะลงโทษผม!”
ผู้บัญชาการมู๋รีบพูด “เอ่อ ไม่ใช่—“
“ไม่ใช่เหรอไง? ผมคิดว่าเขาพูดแบบนั้นนะ!” ชูฮันโพล่งขัดคำพูดของผู้บัญชาการมู๋ขึ้นมา สายตาเต็มไปด้วยความโกรธที่อัดล้น “ผมว่าผมคงรับตำแหน่งพลเอกไม่ได้แล้ว ท่านครับ ผมคิดว่าท่านคงต้องหาคนอื่นมาแทนแล้วล่ะครับ!”
“&@#^)”
ทันทีที่ชูฮันพูดจบ ทั้งห้องประชุมก็ตกอยู่ในความวุ่นวายทันที
“ชูฮัน ใจเย็นก่อน มันไม่ใช่แบบนั้นนะ”
“ชูฮัน รอสักครู่ พลตรีสิงโตไม่ได้หมายความอย่างที่พูดหรอก”
“ใช่ ใช่แล้ว มันเป็นความคิดเห็นแก่ตัวของเขาคนเดียว ไม่เกี่ยวอะไรกับค่ายซางจิง”
“เรายินดีมากที่ชูฮันจะเข้าร่วมกับกองทัพ!”
“ใช่ เรายินดีเป็นอย่างยิ่ง! ตำแหน่งและตราประจำแหน่งเตรียมไว้พร้อมเรียบร้อยแล้ว!”
นายทหารยศสูงในห้องประชุมทั้งหลายต่างพยายามพูดปลอบเอาใจชูฮันกันไม่หยุด ซึ่งมันทำให้หลิวยู่ติงและสิงโตตะลึงค้างกับสถานการณ์ตรงหน้า…พวกเขาพูดว่าอะไรน่ะ?
ชูฮัน?
พลเอก?
หลิวยู่ติงสะบัดหัวเพื่อเรียกสติตัวเอง…เขาไม่เคยคิดเลยว่าชูฮันที่เขาเคยรู้จักจะคือพลเอกชูฮันคนนั้น อีกทั้งโอกาสที่จะเป็นไปได้ก็มีน้อยมาก ด้วยเพราะชื่อชูฮันนั้นโด่งดังมากมีรายงานเข้ามาทุกวันถึงผู้คนจำนวนมากที่อ้างว่าตัวเองชื่อชูฮันกัน…
อีกอย่างชูฮันที่เขาเคยรู้จักไม่ใช่คนทรงพลัง แล้วพลเอกชูฮันที่โด่งดังคนนั้นมีอาวุธคู่กายคือขวานยักษ์สีดำไม่ใช่หรอกเหรอ?
ขวาน!
หลิวยู่ติงรีบหันไปมองชูฮันทันที…ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมก่อนหน้านี้ที่หน้าสำนักงานลงทะเบียนชูฮันถึงทำแบบนั้น
สิงโตบ้าช็อคค้าง สับสนและมึนหัวจนแทบจะทรงตัวยืนไม่ไหว
มันกลับกลายเป็นว่า ไอ้นี่คือ…ชูฮัน ที่เป็นถึงพลเอก!
จบสิ้น…
“แต่ผมไม่!” ชูฮันปฏิเสธ “ทหารที่ทำร้ายพลเรือนแบบนี้ ผมไม่คิดจะเข้าร่วมกับกองทัพแบบนี้ มันมากเกินไป การข่มขู่ประชาชนแบบนี้!”
ผู้บัญชาการมู๋มองไปที่ชูฮันด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยนัยนะ “คุณแน่ใจหรือว่าคุณไม่ต้องการเป็นนายพล? มันมีผลประโยชน์มากมายกับการมีสถานะทางทหาร”
ในที่สุด!
ชูฮันบิดริมฝีปาก ในที่สุดเหยื่อก็ตกเบ็ด จากนั้นชูฮันก็รีบเปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็ว “ผลประโยชน์? ผมไม่เห็นประโยชน์อะไรเลย ห็นแต่ปัญหา ตอนที่ผมเดินอยู่ข้างนอกก็มีแต่คนพูดถึงเรื่องส่วนตัวของผม ไม่มีความสะดวกสบายเลยสักนิด ไหนล่ะผลประโยชน์?”
นายทหารยศสูงในห้องประชุมทั้งหลายเงียบสนิททันที
“ชูฮัน ใจเย็นลงก่อน!” ชายวัยกลางคนที่มีร่างอ้วนลุกขึ้นยืน ผู้ชายคนนี้ชื่อ พันชางเซียน เขาเป็นคนที่ทำหน้าจัดการดูแลทรัพยากรต่างๆภายในค่ายซางจิง เขามีอำนาจมากมายอยู่ในมือและทรัพยากรที่ท่วมท้น ตำแหน่งของเขาในค่ายไม่เล็กเลย แถมเขายังเป็นคนมีเล่ห์เหลี่ยมอย่างมาก
พันชางเซียนแสดงจุดยืนชัดเจน เขาเริ่มเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “เราไม่ได้ต้องการจะดูถูกคุณและเราก็ไม่ได้เปิดเผยความเป็นส่วนตัวของคุณ มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่มีรูปหน้าตาของคุณ เราไม่ได้ติดประกาศแจ้งออกไป!”
“จะให้ฉันเชื่อ? พวกคุณก็เกือบจะตีพิมพ์รูปฉันแล้วป่าวประกาศไปทั่วโลกแล้วไม่ใช่เหรอไง? มันคือการละเมิดสิทธิกันชัดๆ!” น้ำเสียงของชูฮันดูกังวลอย่างมาก “การเป็นพลเอกนี่มันอันตรายเกินไป ฉันไม่ต้องการ!”