ช่แล้ว คือ S+
ไม่มีใครรู้ว่าชูฮันกลับเข้าไปทำการทดสอบอีกครั้งและขณะที่ทุกคนคิดว่าชูฮันได้ทำการทดสอบของระยะ 3 เสร็จสิ้นจนได้คะแนน S มาครองนั้น ชูฮันก็ได้เข้าไปในโลกคู่ขนานแล้วเรียบร้อย
ขณะที่ค่ายซางจิงยังคงว้าวุ่นเกี่ยวกับประเด็นของชูฮันอยู่
“ปัง!”
ทหารยศสูงวัยกลางคนตบโต๊ะเสียงดังลั่นด้วยความโกรธ “วิวัฒนาการระยะ 3 เป็นถึงพลเอก? จีนออกจะยิ่งใหญ่ มันไม่มีคนอื่นแล้วเหรอไง? ชูฮันเป็นฮีโร่หรือทำอะไรเพื่อจีนเหรอไง? ทั้งยังเด็กและจองหอง ชูฮันไม่แม้แต่จะเห็นค่ายซางจิงในสายตาด้วยซ้ำ เขาไม่สมควรจะได้ตำแหน่งพลเอกเลยสักนิด!”
“เห็นด้วย” นายทหารอีกนายหนึ่งที่เต็มไปด้วยยศตราประดับอยู่บนชุดเครื่องแบบก็ผุดขึ้นยืน “การปะทุของโลกาวินาศทำให้เราเหลือพลเอกอยู่เพียงแค่ 4 คน ก็จริง มันไม่มีข้อกังขาสำหรับพลเอกจวงฮงที่สร้างชัยชนะมาเป็นสิบครั้ง เช่นเดียวกับพลเอกฉางกวงหลง และการเลื่อนขั้นล่าสุดของตวนเจียงเหว่ยที่เป็นถึงวิวัฒนาการระยะ 5 เมื่อเทียบกับชูฮันที่เป็นแค่วิวัฒนาการระยะ 3 เขาเหมาะสมตรงไหนกันกับตำแหน่งนี้?”
“ฉันคิดว่าเราถูกชูฮันปั่นหัวอยู่” มีคนหนึ่งพูดโพล่งขึ้นมา “มันไม่ถูกต้องซะทีเดียว ชูฮันยังไม่ได้รับตำแหน่งพลเอก และเนื่องจากตำแหน่งยังไม่ถูกรับ ทำไมเราต้องเกรงใจเขาด้วย?”
“ฉันเห็นด้วย!” มีคนเห็นด้วยขึ้นมาทันที “เราควรปลดชูฮัน”
ผู้บัญชาการมู๋มองไปที่พวกคนที่เข้าใจอะไรได้ยากตรงหน้าและอดไม่ได้ที่จะถอนหายออกมา เขาเองก็รู้สึกโมโหชูฮันเช่นกัน เมื่อมองไปที่เลาหมิงที่ก็กำลังนิ่วหน้าอยู่ ผู้บัญชาการมู๋ก็ถอนหายใจ “ถ้าอย่างนั้นเราลงเสียงกันเถอะ ถ้าคำตัดสินมากกว่าครึ่ง ชูฮันจะไม่ใช่พลเอกอีกต่อไปและเราจะส่งข้อความป่าวประกาศอย่างเป็นทางการออกไป”
หลายคนต่างมีรอยยิ้มพึงพอใจปรากฏบนใบหน้า พวกเขาส่วนใหญ่ไม่ใช่พลเอกและมีอายุเยอะ ตวนเจียงเหว่ยที่เป็นถึงวิวัฒนาการระยะ 5 ก็เคารพต่อชูฮัน มันเป็นการเสียหน้าสำหรับพวกเขา
“ในกรณีนั้น เรามาเริ่มกันเถอะ”
การออกเสียงเริ่มขึ้นทันที ฝูงชนต่างลงเสียงกันอย่างเข้มงวดและจบทุกอย่างลงภายในเวลาหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น เลาหมิงมองไปที่กองกระดาษที่มีหลายเซ็นท์ แต่ละใบนอกเหนือจากจะลงเสียงว่าจะยอมรับหรือปลดชูฮันแล้ว ยังเต็มไปด้วยเหตุผลและการโจมตีซึ่งง่ายๆก็คือพวกที่ต้องการจะปลดชูฮันอยู่แล้ว
นอกจากนี้ การลงคะแนนก็เป็นแบบการเปิดเผยแต่ดูเหมือนว่าคนพวกนี้ได้ตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับชูฮันไว้แล้ว
“เริ่มได้!” ผู้บัญชาการมู๋ถอยหายใจใส่เลาหมิง
“ครับ!” เลาหมิงพยักหน้า จากนั้นก็หยิบกระดาษแผ่นแรกขึ้นมา “ซันเพิ่งเทียน สนับสนุนการปลด!”
ขณะที่เสียงของเลาหมิงเริ่มจางลง คนที่อยู่ข้างๆก็เริ่มทำการจดบันทึกตัวเลขทันที เมื่อเวลาผ่านไปข้อมูลของทั้งสองฝ่ายที่ปรากฏบนกระดานคะแนนก็สามารถมองเห็นถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจน นอกเหนือจากคนไม่กี่คนที่ยังคงสนับสนุนชูฮันต่อไป กว่า10คนได้ลงเสียงให้กับแผนการการปลดชูฮันออก
“บันทึกเสร็จสมบูรณ์”
เมื่อบันทึกข้อมูลของกระดาษแผ่นสุดท้ายเสร็จสิ้นลง เลาหมิงและผู้บัญชาการมู๋ก็มองหน้ากันและกันทันทีอย่างไร้หนทาง หลังจากผ่านวันนี้ไป ชูฮันจะไม่มีตำแหน่งพลเอกอีกแล้วและเขากลัวว่ามันจะเป็นเรื่องยากขึ้นไปอีกในอนาคต
“ดังนั้น…” ผู้บัญชาการมู๋พูดขึ้นท่ามกลางความคาดหวังของทุกคน และในขณะที่ผู้บัญชาการมู๋กำลังจะเปิดปากพูดต่อนั่นเอง
“มีการเปลี่ยนแปลงในรายชื่อการต่อสู้ครับ!” จู่ๆก็มีนายทหารคนที่รายงานข่าวก่อนหน้านี้ก็วิ่งเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง ทว่าครั้งนี้เขากลับดูวิตกมากกว่าครั้งก่อน น้ำเสียงสั่นเทา แถมยังลืมแสดงความเคารพหลังจากเข้ามาอีกต่างหาก
“มันเกิดอะไรขึ้นในซางจิงถึงทำให้แกกล้าเข้ามาขัดการประกาศปลดชูฮัน” จวงฮงตัวสั่นด้วยความโกรธ “แกรู้กฎมั้ย? รายชื่อการต่อสู้มีการเปลี่ยนแปลงแล้วแกจำเป็นต้องวิ่งเข้ามารายงานด้วยหรือไง? ที่นี้มันดูเหมือนหน่วยข่าวกรองเหรอไง?”
“เปล่าครับท่าน ไม่ใช่” นายทหารคนนั้นมีท่าทีกังวล ไม่สนใจท่าทางการนับถือยศของพลเอกจวงฮงและรายงาน “ชูฮัน!”
“ชูฮัน?” จวงฮงพูดทวน จากนั้นก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย “เกิดอะไรขึ้นกับเขา? หรือจะบอกว่าจู่ๆมันก็ได้คะแนน S+ ?”
“ครับท่าน” แววตาของนายทหารเปล่งประกายทันที “เขาได้คะแนน S+!”
ปึก!
เสียงของเก้าอี้คว่ำเนื่องจากอาการตกใจจนหงายหลังของบางคนดังขึ้นในห้องประชุม
กลายเป็น S+ ? นี่มันเป็นไปได้ยังไง?
“อะไรน่ะ” จวงฮงคว้าปกเสื้อของนายทหารที่รายงานข่าวขึ้นมาพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อ “ทำไมคะแนนของชูฮันถึงกลายเป็น S+ ได้? แกโกหกใช่มั้ย?”
“ไม่ใช่อย่างแน่นอนครับท่าน ผมอ่านมันสองครั้งแล้วถึงได้มารายงานให้ทราบ!” นายทหารรีบอธิบายทันที “แม้ว่าผมจะไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง แต่คะแนนของชูฮันก็กลายเป็น S+ จริงๆครับ และก่อนหน้านั้นมันยังเป็น S อยู่เลย จู่ๆมันก็เปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน แม้แต่สีตัวและขนาดตัวอักษรก็เปลี่ยนไปด้วย ถ้าไม่เชื่อท่านไปดูเองได้เลยครับ!”
ผู้บัญชาการมู๋เหลือบมองไปที่กระดาษรวมคะแนนในมือของเลาหมิงและเอ่ยปากถามนายทหารหนุ่มด้วยน้ำเสียงจริงจัง “นายแน่ใจนะว่าจู่ๆคะแนนของชูฮันก็เปลี่ยนเป็น S+?”
นายทหารหนุ่มพยักหน้าทันที “รายชื่อของวิวัฒนาการระยะ 3 ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมาเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมง จนกระทั่งจู่ๆ มันก็มีแสงสีทองปรากฏขึ้น จากนั้นข้อมูลของชูฮันก็กลายเป็น S+”
ห้ะ!
นายทหารยศสูงหลายท่านต่างนั่งลงเก้าอี้ทันที พวกเขาทั้งตกใจและมึนงง…ชูฮันที่ก่อนหน้านี้ได้รับการประเมิณของการต่อสู้โดยรวมที่ S จู่ๆความสามารถของเขาก็เปลี่ยนไปเป็น S+
ถึง S และ S+ ต่างกันเพียงคำต่อท้ายตัวเดียว แต่มันต่างกันละเรื่องเลย
มีคนมากมายสามารถทำคะแนนระดับ S ได้ ทว่าผลการประเมิณคะแนนที่ระดับ S+ นั้นตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงปัจจุบัน มีเพียงแค่ชูฮันคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้
ครั้งแรกคือโชคช่วย ครั้งที่สองคือเรื่องบังเอิญ แล้วครั้งที่สามล่ะ?
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะรวมทั้งโชคช่วยและความบังเอิญ นี่มันคือความสามารถที่แท้จริงต่างหาก!
การจะได้คะแนน S มาครองนั้นแสนจะยากลำบาก แม้แต่เฉินช่าวเย่ยังต้องเข้าทดสอบถึง 2 ครั้งกว่าจะได้มันมา และก่อนหน้านั้นมีเพียงแค่ชื่อของเฉินช่าวเย่คนเดียวเท่านั้น และจู่ๆชูฮันที่ทำการทดสอบของระยะ 3 ครั้งแรกกลับได้คะแนน S เลยทันที แถมไม่มีการหยุดพักร่างกาย เพียงแค่หนึ่งชั่วโมงต่อมาเท่านั้นเอง S กลายเป็น S+ ทั้งๆที่ช่วงเวลาที่เฉินช่าวเย่ใช้ในการเปลี่ยนจาก A เป็น S นั่นแค่หนึ่งอาทิตย์เท่านั้น เนื่องจากมันเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะฟื้นพละกำลังมาได้หลังจากการทดสอบที่แสนโหด
ทว่า….ตรงกันข้าม ความสามารถของชูฮันได้บดขยี้เฉินช่าวเย่ไปไกลกว่าเป็นสิบเท่าเลย!
“หึ” เลาหมิงไม่คิดจะอดกลั้น เขาพยายามแสร้งทำสีหน้าจริงจัง “ฉันไม่ได้หัวเราะน่ะ”
“ฉันจะออกไปดู!” จวงฮงไม่อยากจะยอมรับและทนไม่ไหวจนต้องรีบออกไปด้านนอก เขาต้องการเห็นด้วยตาตัวเอง
พ้ะ พ้ะ พ้ะ——-
กลุ่มคนต่างพูดอะไรไม่ออก และรีบวิ่งตามจวงฮงออกไปดู จู่ๆทั้งห้องประชุมก็เหลือเพียงแค่ผู้บัญชาการมู๋ เลาหมิง และนายทหารหนุ่มที่มารายงานข่าว
เป็นอีกครั้งที่ผู้บัญชาการมู๋มองกระดาษในมือเลาหมิง “ฉันเริ่มจะแก่แล้ว ฉันกลัวว่าเราจะต้องเจอกับอีกหลายอย่างที่อาจทำให้หัวใจเต้นเร็วเกินจะรับไม่ไหว”
เลาหมิงเอากระดาษเก็บไปในกระเป๋าในเสื้อ แววตาเป็นประกายขณะมองหน้าผู้บัญชาการมู๋ และรอคอยคำพูดต่อไป