ที่ไหนได้เขากลับนำเช็คของโจวเก๋อมาแสดงละครตบตา ถ้าหากเขาใช้ชื่อนักธุรกิจใหญ่คนอื่น ไม่แน่ก็อาจจะมีคนเชื่อ
แน่นอนว่าถ้าเป็นเช็คของนักธุรกิจใหญ่คนอื่น ๆ ฉินจุนอาจจะไปเก็บมาไม่ได้
มีผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “การแอบอ้างใช้เช็คของผู้อื่นถือเป็นความผิดใหญ่ ถ้าถูกจับได้ขึ้นมาต้องโดนจำคุก!”
เฉินเค่อเอ๋อร์ขมวดคิ้ว “เธอพูดบ้าอะไรของเธอ ทำไมถึงได้ดูถูกคนอื่นขนาดนี้ ใครบอกว่าฝ่ายฉันแอบอ้างใช้เช็คคนอื่น?”
“เหอะ ๆ แล้วมันไม่ใช่หรือยังไงล่ะ?โจวเก๋อเป็นใครเธอก็ไม่รู้จัก เธอคิดว่าแฟนเธอเป็นใครถึงทำให้โจวเก๋อเซ็นเช็คเปล่าให้แฟนของเธอ?”
เฉินเค่อเอ๋อร์กลอกตามองบนแล้วก็ถลึงตามองคนพวกนี้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เชื่อว่าฉินจุนมีความสามารถ แต่ก็ไม่เห็นจะต้องพูดจาแย่ขนาดนี้
“พี่เขย เช็คนี้เป็นของจริงหรือเปล่า?”
เฉินเค่อเอ๋อร์เอ่ยถามเสียงเบา
ฉินจุนยิ้มบาง ๆ “เธอเดาดูสิ?”
เฉินเค่อเอ๋อร์หมดคำจะพูด ถ้าเธอเดาได้ เธอจะถามเขาทำไม
เฉินเค่อเอ๋อร์เองก็ไม่เชื่อว่าฉินจุนจะสามารถมีเช็คเปล่าของโจวเก๋ออยู่ในมือได้ แต่ว่าพี่เขยของเธอก็ไม่ใช่คนที่ชอบพูดจาโกหก คาดว่ามันต้องมีเรื่องเข้าใจผิดกัน หวังเพียงว่ามันจะไม่แย่เหมือนโดนตบหน้าเข้าให้นะ
อู่ต้าจินยืนกอดอกทำหน้าทำตาเหมือนกำลังดูละครฉากหนึ่ง
“หึหึ จะโม้ก็ให้มันมีขอบเขตหน่อยซี้ โดนคนอื่นเขาเปิดโปงขนาดนี้แล้ว สนุกนักเหรอ?”
ตอนนี้ถึงจะมีคนไม่น้อยที่เริ่มไม่ชอบอู่ต้าจินแล้ว แต่ว่าถ้าหากฉินจุนกำลังโม้อยู่จริง ๆ สุดท้ายพวกเขาก็ต้องหารค่าเหล้ากันอีก ถ้าอย่างนั้นก็ต้องให้อู่ต้าจินช่วยออกส่วนหนึ่ง หรือไม่ก็ให้อู่ต้าจินออกค่าเหล้าส่วนใหญ่ เพราะยังไงบ้านของเขาก็รวยกว่า
ไม่นานผู้จัดการก็เดินถือเช็คกลับมาเอ่ยกับฉินจุน
“คุณผู้ชายครับเช็คนี้เป็นของจริงครับ”
พอเขาเอ่ยจบ อู่ต้าจินก็ลุกขึ้นโวยวายเสียงดังทันที
“เป็นไปไม่ได้!มันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด พวกคุณตรวจสอบดูดี ๆ หรือยัง เช็คนี่มันจะเป็นของจริงได้ยังไง?”
ผู้จัดการเอ่ย “เช็คนี่เป็นของจริงจริง ๆ ครับ พวกเราได้ติดต่อกับทางธนาคารแล้ว ธนาคารจะโกหกเหรอครับ?”
สีหน้าของอู่ต้าจินเริ่มแย่ลง รู้สึกเหมือนโดนตบหน้า แต่ว่าพอเขาคิด ๆ ดูแล้ว จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันก็ยังไม่ชอบมาพากลอยู่
“แบบนี้มันไม่ถูกต้อง เช็คเป็นของจริงก็อาจจะถูกต้อง แต่ลายเซ็นล่ะ?ลายเซ็นเป็นของปลอมหรือเปล่า?”
ผู้จัดการส่ายหน้า “เรื่องลายเซ็น พวกเราไม่สามารถพิสูจน์ได้ครับ”
ทันใดนั้นอู่ต้าจินก็หัวเราะออกมาเสียงดังทันที “ฮ่าฮ่าฮ่าฉันรู้แล้ว ต่อให้พวกคุณตรวจสอบไปก็ไม่มีความหมาย เพราะเช็คนี้เป็นของจริง เมื่อกี้ผมก็สงสัยอยู่แล้วว่าไอ้หมอนี่ต้องเก็บได้หรือไม่ก็ขโมยเช็คของโจวเก๋อมาแน่ ๆ แล้วก็เอามาปลอมลายเซ็น ทำเป็นเช็คปลอมมาหลอกลวงเงิน!”
“มันเองก็รู้ว่าเช็คประเภทนี้ไม่สามารถนำไปขึ้นเงินที่ธนาคารได้ เพราะฉะนั้นเลยเอามาใช้กับสถานที่แบบนี้ เอามาชำระค่าบริการที่มีจำนวนมาก!เพื่อมาหลอกร้านอย่างพวกคุณโดยเฉพาะ!”
ผู้จัดการทำหน้าหนักใจขึ้นมาทันที เรื่องนี้มันทำได้ค่อนข้างยาก หนึ่งคือตอนนี้เขาไม่สามารถเอาเรื่องจากฉินจุนได้ ถ้าหากว่าเช็คนี้มันเป็นของจริงขึ้นมา มันก็ไม่เท่ากับว่าเขาหาเรื่องลูกค้าอย่างนั้นเหรอ?
อีกอย่างคือ ถ้าหากว่าเช็คเป็นของปลอม ถ้าอย่างนั้นค่าอาหารกว่าหนึ่งล้านบาทเขาก็หนีไม่พ้นต้องรับผิดชอบ
ผู้จัดการลังเลอีกครั้งแล้วเอ่ยกับฉินจุนว่า
“คุณฉินครับพวกเราจะเป็นต้องให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบลายเซ็นโดยเฉพาะมาตรวจสอบสักครู่ถึงจะบอกผลให้ท่านทราบได้ครับ”
ฉินจุนยิ้มบาง ๆ “ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก เดี๋ยวผมเรียกโจวเก๋อมาเลยแล้วกัน”
พอเขาพูดจบทุกคนก็ต่างผงะ หลังจากนั้นอู่ต้าจินก็ลุกขึ้นยืนชี้หน้าฉินจุน
“แกเลิกขี้โม้สักทีเถอะว่ะ แกเนี่ยนะจะเรียกโจวเก๋อมา?”
สีหน้าของอู่ต้าจินโหดเหี้ยมมาก ๆ ราวกับจะกินคน
เขาไม่ชอบหน้าฉินจุนตั้งแต่แรกแล้ว เข้ามาก็มาแสดงละครอยู่ได้
มันต้อนให้เขาจนมุมหลายครั้งหลายครา ประกอบกับเดิมทีเขาก็ชอบเฉินเค่อเอ๋อร์อยู่แล้ว ความอิจฉาบวกกับความเกลียด มันทำให้เขารอแทบไม่ไหวที่จะทำให้ฉินจุนหน้าแตกต่อหน้าทุกคน
ให้โจวเก๋อมา?
ไม่โม้มึงจะตายหรือยังไงวะ?
โจวเก๋อเป็นคนระดับไหน เขาเป็นถึงซุปตาร์ระดับประเทศ!
อย่าว่าแต่ฉินจุนเลย ต่อให้เป็นท่านประธานหม่าเหลียงเทียนที่มีชื่อเสียงที่สุดในวงการ ยังไม่สามารถสั่งให้โจวเก๋อมาได้เลยมั้ง?
เขาจะต้องเปิดโปงฉินจุนต่อหน้าเฉินเค่อเอ๋อร์ให้ได้ ให้เธอได้เห็นว่าไอ้ฉินจุนมันเจ้าเล่ห์แค่ไหน ที่มันพูดออกมามีแต่คำโกหกทั้งนั้น
ฉินจุนหัวเราะอย่างเย็นชา “ทำไม นายคิดว่าฉันเรียกโจวเก๋อมาไม่ได้งั้นเหรอ?”
อู่ต้าจินยิ้มอย่างเย็นชา “ใครบ้างจะโม้ไม่ได้ จะให้โจวเก๋อมาที่นี่งั้นเหรอ?แกโม้ให้มันเบา ๆ หน่อย!”
“อ่อหรอ?ถ้าเกิดว่าฉันเรียกโจวเก๋อมาจริง ๆ นายจะทำยังไง?” ถ้าเป็นปกติ ฉินจุนคงไม่ถือสาเอาความอะไร แต่ครั้งนี้อู่ต้าจินนั้นกวนประสาทของฉินจุน เขารู้สึกไม่ค่อยพอใจจริง ๆ
อู่ต้าจินยกแก้วเหล้าขึ้นมาแล้วเอ่ย “ถ้านายเรียกโจวเก๋อมาได้จริง ๆ ฉันจะกินแก้วเหล้านี้!”
ใบหน้าของฉินจุนเผยรอยยิ้มอย่างนึกสนุก “ได้ ถ้าอย่างนั้นนายเตรียมตัวให้ดี ๆ เลย”
พูดจบฉินจุนก็หยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรออกเบอร์ของโจวเก๋อ
ดังไม่เท่าไหร่โจวเก๋อก็รับสาย
“ท่านปรมาจารย์ฉิน?ใช่ท่านปรมาจารย์ฉินหรือเปล่าครับ?”
ฉินจุนเอ่ย “ผมเอง”
โจวเก๋อรู้สึกปลื้มปีติยินดีมาก ก่อนหน้านี้เขาสร้างความทรงจำที่ไม่ค่อยดีกับฉินจุน เขาอยากจะหาโอกาสแก้ตัวมาโดยตลอด แต่ถ้าจะติดต่อฉินจุนไม่ก่อนก็กลัวจะทำให้คนเขารำคาญ เพราะฉะนั้นโจวเก๋อจึงระลึกไว้ตลอดแต่ไม่เคยมีโอกาส
ไม่คิดเลยว่าท่านปรมาจารย์ฉินจะเป็นคนโทรศัพท์มาหาเขาก่อน ทำให้โจวเก๋อตื่นเต้นมากมาก
ฉินจุนยิ้ม “ตอนนี้ผมอยู่ที่ร้านอาหารต่างประเทศ ตรงโซนประเทศสิงคโปร์ คุณมาที่นี่หน่อยผมจะเชิญคุณมาดูกายกรรม”
“หืม?ได้ครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้!”
พูดจบทั้งสองคนก็วางสาย
หลังจากวางสายโทรศัพท์ อู่ต้าจินก็ทำหน้าเยาะเย้ยอย่างสนุกสนาน
“ตอแหล แล้วก็ตอแหล ถ้าแกโทรศัพท์กับโจวเก๋อจริง แกจะใช้น้ำเสียงแบบนี้เหรอวะ?”
“โจวเก๋อเป็นใคร ไม่ว่าจะทั้งฐานะ ตำแหน่งหรืออายุก็สูงกว่าแกหมด ถ้าคุยกันตามปกติจริง แกต้องใช้น้ำเสียงที่มันเคารพถึงจะถูกหรือเปล่า?”
จะไม่พูดก็ไม่ได้ ถึงแม้ว่าอู่ต้าจินจะหาเรื่องฉินจุนอย่างไร้เหตุผล แต่คำพูดนี้ของเขาก็ค่อนข้างสมเหตุสมผล
ตอนนี้ฐานะของโจวเก๋อสูงส่งมาก ๆ เรียกได้ว่าเป็นดาราที่มีชื่อเสียงที่สุดในวงการ เป็นผู้มีอิทธิพลระดับโลกมากที่สุด
แต่ฉินจุนล่ะ ก็แค่ชายวัยรุ่นคนหนึ่ง ไม่ได้มีฐานะพิเศษอะไรเลย?
เวลาพูดจากับโจวเก๋อ ก็ต้องอ่อนน้อมถ่อมตนหน่อย อย่างน้อยก็รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่
อีกอย่างน้ำเสียงที่ฉินจุนใช้เมื่อกี้นี้ เห็นได้ชัดว่าต้องไม่ใช่การคุยกับบุคคลสำคัญอย่างโจวเก๋อแน่นอน ไม่แน่ก็อาจจะแกล้งโทรเบอร์คอลเซนเตอร์สักเบอร์ แล้วก็ทำเป็นเล่นละครตบตา
เฉินเค่อเอ๋อร์เองก็ค่อนข้างกลุ้มใจ ภายในใจก็คิดว่าพี่เขยจะรู้จักโจวเก๋อร์จริง ๆ เหรอ?โจวเก๋อเป็นถึงระดับซูเปอร์สตาร์เชียวนะ เขารู้จักคนดังขนาดนี้ด้วยเหรอ พี่เขยคงจะไม่ได้โม้ใช่ไหม?
ฉินจุนยิ้มเย็นชา
“เป็นเพราะวิสัยทัศน์ของนายที่จำกัดจินตนาการของนายก็เท่านั้น”
อู่ต้าจินส่งเสียงอย่างไม่พอใจ “ตอแหลสิ้นดี งั้นแกก็ตอแหลต่อไป ฉันจะคอยดูสิว่า โจวเก๋อจะมาปรากฏตัวยังไง!อีกเดี๋ยวถ้าคนที่มาปรากฏตัวไม่ใช่ดาราดังอย่างโจวเก๋อ วันนี้คงจะมีอะไรสนุก ๆ ให้ดูแล้วล่ะ!”