“หรือบางทีพวกเขาเพิ่งจะมารู้ตอนนี้ล่ะคะ?” ดวงตาของเฟิ่งเหมียวเหมียวมีแสงวาบขึ้นมา แล้วรีบเสริมอีกประโยคอย่างรวดเร็ว!!
“ถ้าหากตอนนี้พวกเขาเพิ่งจะรู้ อย่างสไตล์คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่จะต้องพยายามปิดบังอย่างถึงที่สุดแน่นอน เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่จะเปิดเผยออกมาเอง เพราะถึงอย่างไรคุณปู่เย่ก็ได้กำหนดเรื่องงานแต่งงานของเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้แทนเย่ซือเฉินแล้ว ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาคิดจะส่งตัวจื่อซีไปก็ไม่อยากจะให้คนขององค์กรโกสต์ซิตี้รู้เรื่องที่เย่ซือเฉินมีลูกแล้ว เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเปิดเผยเรื่องนี้ออกมา” ท่านปู่ถังรู้อย่างชัดเจนมากกับวิธีการของคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่
“ถ้าอย่างนั้นจะเป็นใคร? ใครที่จะทำแบบนี้? คนๆนั้นมีจุดประสงค์อะไร?” เห็นได้ชัดว่าท่านย่าถังร้อนใจมากแล้ว เดิมทีนี่เป็นเรื่องที่จัดการเอาไว้ดีแล้ว ทำไมจู่ๆถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา
ได้ยินคำพูดของท่านย่าถังแล้ว สองสามคนต่างก็พากันเงียบ ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาเป็นกังวลกันที่สุดก็คือจุดประสงค์ของคนที่เปิดเผยเรื่องนี้ออกมานั่นเอง
“จะเป็นเจ้าหนุ่มตระกูลโจ๋วหรือเปล่า เมื่อวานเขาก็อยู่ด้วย เขาอดไม่ได้ก็เลยจะพูดออกไปก่อนไหม” ท่านย่าถังเห็นทุกคนไม่ได้พูดอะไร ก็ยิ่งร้อนใจ ความเป็นไปได้ที่คิดได้นั้นก็ควรจะเอ่ยถาม : “ถังหลิน แกลองโทรไปถามเจ้าหนุ่มตระกูลโจ๋วนั่นซิ”
“โจ๋วชิงไม่ทำแบบนั้นหรอกครับ” ดวงตาของถังหลินมีแสงวาบขึ้นมา เพื่อนของเขาเขารู้ดี เรื่องแบบนี้เขาไม่ออกปากพูดหรอก พวกเขาไม่พูดไปทั่วอยู่แล้ว
“แกโทรไปถามก่อน ตอนนี้ที่เราคิดได้ก็มีเพียงแค่เขาแล้ว บางทีเขารู้สึกว่าพวกเราตัดสินใจเปิดเผยเรื่องนี้แล้ว เพราะฉะนั้นถึงได้…….” ตอนนี้ท่านย่าถังร้อนใจมากจริงๆ ในสถานการณ์ที่อันตรายก็ต้องคิดหาวิธีไปทั่ว แต่เพียงมีความเป็นไปได้นิดเดียวก็จะต้องถาม
“แกลองถามหน่อยแล้วกัน ถ้าหากเป็นโจ๋วชิงพูดจริงๆ เรื่องนี้ก็จะได้จัดการได้ พวกเราเองก็ไม่ต้องเป็นกังวลแล้ว” ถังหยุนเฉิงหันมาเอ่ยพูดเสริมกับถังหลิน : “ฉันก็หวังว่าจะเป็นแบบนี้”
ถังหลินคิดแล้ว จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดโทรออกหาคุณชายสองโจ๋ว
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอยู่สองสามครั้ง ทางฝ่ายนั้นถึงได้รับสาย เสียงของคุณชายสองโจ๋วไม่ค่อยชัดเจนนัก คงจะยังไม่ตื่น : “พี่ใหญ่ เช้าขนาดนี้โทรหาผม มีธุระอะไรไหม?”
“นายรู้ข่าวเกี่ยวกับฉิงฉิงกับเด็กสองคนที่เปิดเผยอยู่บนอินเตอร์เน็ตหรือเปล่า?” ถังหลินเองก็ไม่ได้อ้อมค้อม เอ่ยถามออกมาตรงๆ ในเมื่อเป็นเพื่อนของตัวเองก็จะสามารถเข้าใจได้อยู่แล้ว
“หืม?” คุณชายสองโจ๋วทางปลายสายนั้นดูงุนงงอย่างเห็นได้ชัด : “หมายความว่าอะไร ลุงถางเปิดเผยแล้วอย่างนั้นหรือ? ต้องให้ผมทำอะไรไหม? พี่ใหญ่ มีอะไรให้ผมทำก็บอกมาได้เลยนะ”
“พ่อฉันยังไม่ได้เปิดเผยออกไป แต่ตอนนี้บนอินเตอร์เน็ตมีการเปิดเผยเรื่องของฉิงฉิงกับเด็กสองคนนั้นแล้ว ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ” เมื่อถังหลินได้ยินน้ำเสียงของคุณชายสองโจ๋วก็รู้แล้วว่าไม่เกี่ยวกับคุณชายสองโจ๋ว เดิมทีเขาเองก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเกี่ยวกับคุณชายสองโจ๋ว
“พี่ใหญ่ ผมไม่ได้พูดนะ ถึงแม้ว่าผมจะรู้ว่าลุงถางจะเปิดเผยเรื่องนั้นวันนี้ แต่ผมก็ไม่สามารถพูดไปทั่วได้เหมือนกัน” คุณชายสองโจ๋วเข้าใจความหมายของถังหลินอย่างชัดเจน แต่คุณชายสองโจ๋วก็ไม่ได้โกรธ แต่ก็อธิบายออกมา
“ฉันรู้” เสียงของถังหลินดูหนักหน่วง เพื่อนของเขาเอง แน่นอนว่าเขาเชื่ออยู่แล้ว
“พี่ใหญ่ ผมจะให้คนไปสืบเดี๋ยวนี้เลย” คุณชายสองโจ๋วลุกขึ้นจากเตียง เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น รู้สึกว่าไม่สามารถนอนได้แล้ว
“โอเค ขอบใจนายมาก” หลังจากที่ถังหลินวางสายไปแล้ว คนอื่นๆของตระกูลถังก็พากันเงียบไม่ได้พูดอะไรออกมา
ไม่ใช่คุณชายสองโจ๋ว ถ้าอย่างนั้นเป็นใครกัน?
ยังมีใครอีก?
“แล้วเจ้าหนุ่มตระกูลฉิงนั่นล่ะ? ปกติแล้วเขาพูดมากที่สุด เมื่อวานตอนที่ซือเฉินแถลงข่าวกับนักข่าวเรื่องพ้นจากตะกูลเย่ เขาก็อยู่ที่นั่นด้วย เขาจะรู้สึกว่าตอนนี้เรื่องฉิงฉิงกับลูกไม่จำเป็นต้องปิดบังต่อไปอีกแล้วหรือเปล่า……” ท่านย่าถังได้ยินว่าไม่ใช่คุณชายสองโจ๋ว ก็นึกถึงคุณชายห้าฉิงขึ้นมาอีก ปกติแล้วคุณชายห้าฉิงก็ปากมากจริงๆ
“ถึงแม้ว่าปกติฉิงถิงจะค่อนข้างพูดมาก แต่เขาก็ให้ความเคารพกับซือเฉินมาตลอด เย่ซือเฉินไม่พูด เขาก็ไม่กล้าตัดสินใจทำเรื่องแบบนี้เป็นการส่วนตัวหรอกครับ” ถังหลินปฏิเสธอีกครั้ง เพียงแต่เมื่อสบตากับท่านย่าถังแล้ว ก็ยังคงต้องยอม : “ก็ได้ครับ ผมโทรไปถามฉิงถิงก็ได้”
ความจริงแล้วแบบนี้กำจัดไปทีละความสงสัยก็ดีเหมือนกัน
ตอนที่ถังหลินโทรไปนั้น คุณชายห้าฉิงก็มีใบหน้าที่งุนงง : “พี่ใหญ่ ผมไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว ผมจะต้องช่วยสืบให้ถึงที่สุดอย่างแน่นอน ผมจะไปสืบให้เดี๋ยวนี้เลย”
ปฏิกิริยาของคุณชายห้าฉิงกับคุณชายสองโจ๋วนั้นเหมือนกัน มีท่าทีที่เหมือนกัน ต่างก็ไม่รู้เรื่องราว แต่การตอบสนองแรกคือจะไปช่วยสืบให้
จากนั้น ถังหลินเองก็โทรหาจี้หซี จี้หซีเองก็ไม่รู้เหมือนกัน และแน่นอนว่าจี้หซีก็บอกว่าจะไปช่วยสืบให้ทันที
ท่านปู่ถังเองก็โทรหาสองสามคนที่รู้เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน แต่ทุกคนก็ไม่รู้เรื่องนี้เลย
เย่ซือเฉินลงมาแล้ว เห็นสถานการณ์เช่นนี้ คิ้วของคุณชายสามเย่ก็ขมวดเข้าหากัน ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“ดูแล้วคงจะไม่ใช่คนที่พวกเรารู้จักเป็นคนเผยแพร่ออกไปนะ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือสืบเรื่องนี้ให้ชัดเจน สืบให้ชัดว่าใครเป็นคนเปิดเผยเรื่องนี้ออกไป สืบให้ชัดว่าคนๆนั้นมีจุดประสงค์อะไรกันแน่” คนที่สามารถถามได้ก็ถามแล้ว สีหน้าของถังหยุนเฉิงยิ่งดูจริงจังและหนักแน่นมากยิ่งขึ้น
ไม่ใช่คนที่รู้จัก เรื่องนี้เกรงว่าจะรุนแรงมากจริงๆ อีกทั้งตอนนี้ไม่มีเบาะแสเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่รู้เลยว่าจะสืบอย่างไร
และในเวลานี้เอง บนอินเตอร์เน็ตก็มีอีกข่าวหนึ่งถูกเปิดเผยออกมา
เพียงแค่หัวข้อข่าวก็เป็นที่ดึงดูดความสนใจได้เป็นพิเศษแล้ว โดยเฉพาะหลังจากข่าวครั้งที่แล้ว
“มีรายงานใหม่ออกมาอีกแล้วค่ะ” เวินลั่วฉิงเป็นคนแรกที่เห็นรายงานข่าว เนื่องจากโทรศัพท์มือถือของเธอมีข่าวนี้ส่งเข้ามา เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเปิดส่งแบบนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ตอนที่เวินลั่วฉิงเห็นหัวข้อข่าว ดวงตาคู่นั้นหรี่ลงโดยจิตใต้สำนึก
หัวข้อข่าวครั้งนี้คือ—สถานะของสามีคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง
เวินลั่วฉิงรีบกดเปิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ดูแล้วเนื้อหาข่าวแล้วดวงตาคู่นั้นก็หนักหน่วงลงในทันที มือที่กำโทรศัพท์มือถืออยู่นั้นอดที่จะสั่นเทาไม่ได้……
ข่าวครั้งนี้ยิ่งทำให้น่าตกตะลึงกว่าเดิม เห็นแล้วเธอรู้สึกอกสั่นขวัญหาย สถานะของสามีเธอ? ตอนนี้เธอยังไม่ได้แต่งงาน แน่นอนว่าถ้าหากสามีของเธอที่เปิดเผยมานั้นเป็นเย่ซือเฉินก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ไม่ใช่
ทำไมถึงได้ออกข่าวแบบนี้กัน?!
ทำไมถึงเป็นแบบนี้?!
สรุปแล้วใครเป็นคนปล่อยข่าวนี้กันแน่?!
คนๆนี้ต้องการจะทำอะไรกันแน่?!
“ฉิงฉิง เป็นอะไรไป? ข่าวอะไร?” สองสามคนที่อยู่ในห้องโถงเห็นสีหน้าท่าทางของเวินลั่วฉิงที่ดูตื่นตกใจอย่างเห็นได้ชัดแล้ว สามารถทำให้ฉิงฉิงตกใจขนาดนี้ได้ จะต้องไม่ใช่เรื่องเล็กอย่างแน่นอน
ท่านย่าถังกับท่านปู่ถังมองไปยังเวินลั่วฉิง รอให้เวินลั่วฉิงพูดให้พวกเขาฟัง เนื่องจากพวกเขาอายุมากแล้ว ตาไม่ดี ไม่ได้ใส่แว่นสายตายาวแล้วก็จะมองไม่ชัด