โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการแข่งขัน นางแบบสาวที่ถูกไฟไหม้จนผิวและรูปร่างหน้าตาเสียหาย และชุดนางเงือกสีฟ้าสดใสที่เธอออกแบบก็กลายเป็นที่นิยมไปด้วยเช่นกัน
ช่วงนี้ออเดอร์การสั่งซื้อของตระกูลลู่ไม่น้อยเลยที่เดี๋ยว ส่วนใหญ่จะเป็นการสั่งจองกระโปรงตัวนั้น ซึ่งทำให้โม่โยวดีใจจนร้องไห้ไม่ออก
นอกจากนี้ ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองเช่นเดียวกัน ตามที่ลู่จิ้นยวนคาดหวัง มีคนในอุตสาหกรรมเสื้อผ้ามากมายเริ่มรู้จักและติดตามโม่โยวแล้ว
สิ่งเหล่านี้เห็นได้จากจดหมายเชิญของ BLแฟชั่นวีค ที่ส่งมาจากประเทศF ผู้จัดงานมีชื่อเสียงโด่งดังมากในแวดวงแฟชั่น และจดหมายเชิญนี้ไม่ใช่ว่าใครจะได้มาง่ายๆ
เพราะเวลาของแฟชั่นวีคเป็นปีหน้า ดังนั้น ยังไม่ใช่เรื่องที่ต้องคิดมากในตอนนี้
ที่คฤหาสน์ตระกูลลู่
สำหรับโม่โยวแล้วมันไม่ได้มีความรู้สึกแปลกประหลาดเหมือนครั้งแรกที่มาที่นี่อีกต่อไป ไม่เพียงแต่เธอยังมีเพื่อนรักของเธอเย่ซือเยวี่ยก็มาที่นี่ด้วยในวันนี้
เดิมทีเย่ซือเยวี่ยเองทำงานอยู่ใน บริษัท ต่างประเทศและตำแหน่งของเธอก็ไม่ใช่ว่าต่ำ ก่อนหน้านั้นที่ผ่านมาเธอถูกบริษัทส่งตัวไปทำงานตามที่ต่างๆของประเทศ ซึ่งในตอนนั้นเธอกับลู่จิ้นยวนยังไม่ไม่คุ้นเคยกันมากนัก
ดังนั้น เป็นเรื่องปกติที่เย่ซือเยวี่ยจะไม่รู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น เธอรู้แค่ว่า ตัวเองนั้นได้เดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศเพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น หลังจากกลับมา วงการชีวิตของเพื่อนรักของเธอก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงอย่างกับฟ้ากับดิน
โดยเฉพาะเรื่องที่โม่โยวกับโม่เทียนยวี๋นั้นเลิกกันแล้ว เธอนั้นชูนิ้วโป้งเห็นด้วยอย่างมาก
ก่อนหน้านี้เธอก็ไม่ได้เห็นด้วยกับความรักนี้ของเพื่อนอยู่แล้ว เขาว่ากันว่าคนนอกนั้นจะมองได้ชัดเจนกว่า ในความคิดของเธอ โม่เทียนยวี๋ไม่ได้ให้ความสำคัญกับโม่โยวเลย ถ้าบอกตรงๆก็คือเขาไม่ได้จริงจังอะไรกับเธอ .
หลังจากกลับมาถึงได้รู้เรื่องของถังหว่านเอ๋อร์ สำหรับโม่เทียนยวี๋นั้นเธอยิ่งเกลียดเขาเข้าไปใหญ่ มันดีมากเลยที่โม่โยวตัดขาดจากเขาซะที
แต่สิ่งที่ทำให้เธอคาดคิดไม่ถึงก็คือเพื่อนรักนั้นได้กลายเป็นสมาชิกส่วนหนึ่งของบริษัทตระกูลลู่โดยไม่มีคำพูดใด ๆ และฐานะตำแหน่งก็เปลี่ยนมาเป็นถึงนักออกแบบของตระกูลลู่ กลายเป็นหงษ์ไปทันที
ในฐานะเพื่อนรักคนหนึ่งของโม่โยว เธอดีใจแทนเพื่อนอย่างมาก แต่ข่าวภายหลังที่ได้รับรู้ ทำให้เธอต้องตะลึงอย่างมาก
เรื่องที่ว่าโม่โยวนั้นความจำเสื่อมเธอรู้ดี
แต่คิดยังไงก็คิดไม่ถึงมาก่อนเลยว่า ก่อนที่โม่โยวจะความจำเสื่อม ยังเคยให้กำเนิดลูกคนหนึ่ง และเด็กคนนั้น ยังเป็นถึงเจ้าชายตัวน้อยของตระกูลลู่
มันน่าทึ่งมากทำให้เธออาหารไม่ย่อยไปหลายวัน ขณะในละครทีวียังไม่กล้าฉายแบบนี้เลย
ประธานลู่อย่างลู่จิ้นยวนเป็นถึงคนระดับไหนกัน
เย่ซือเยวี่ยมักจะอ่านบทสัมภาษณ์หรือรูปถ่ายของเขาในนิตยสาร สำหรับพวกเขาลู่จิ้นยวนเป็นเหมือนพีระมิดที่สูงที่สุด ที่สำหรับให้คนเขามองขึ้นไปเท่านั้น
ใครจะไปรู้ว่า พีระมิดที่สูงที่สุดจะนอนเตียงเดียวกับเพื่อนรักของตัวเอง
ทั้งสองคนกำลังคุยกันเรื่องพวกนี้ในร้านกาแฟในวันนั้น แล้วลู่จิ้นยวนก็ได้ตามมาตามตำแหน่งของโทรศัพท์มือถือของเธอ จากนั้นยังขอบคุณเย่ซือเยวี่ยอย่างเป็นมิตรที่ค่อยดูแลโม่โยวตลอดหลายปีที่ผ่านมา และยังเชิญเธอไปเป็นแขกของตระกูลลู่ที่บ้านด้วยซะงั้น
นั่นเป็นเหตุผล ที่เย่ซือเยวี่ยได้มาที่นี่ในวันนี้
พ่อบ้านนั้นคุ้นเคยและสนิมสนมกับโม่โยวเป็นอย่างดี ด้วยรอยยิ้มที่กระตือรือร้น ” คุณผู้หญิงโม่กลับมาแล้ว ใกล้จะได้เวลาทานอาหารแล้วครับ ในห้องครัวยังมีซุปที่ตุ๋นตั้งแต่เช้าตรู่ คุณชายน้อยเป็นคนสั่งไว้เป็นการส่วนตัวเมื่อรู้ว่าคุณจะกลับมา”
ฟังไปที่คำพูดสิ อ้าปากก็คุณผู้หญิงโม่กลับมาแล้ว แต่ไม่ใช่กลับมาแล้ว คำพูดนั้นเหมือนกับโม่โยวเป็นลูกหลานของตระกูลลู่ยังไงอย่างงั้น
เย่ซือเยวี่ยจี้ไปที่เอวของโม่โยวอย่างลับๆด้วยรอยยิ้มที่คลุมเครือ โม่โยวรู้สึกเขินอายมาก
“ ฉันรู้แล้วค่ะ ขอบคุณพ่อบ้านมากค่ะ เออนี่คือเพื่อนรักของฉันเอง เย่ซือเยวี่ย ”
พ่อบ้านยังคงยิ้ม ” คุณเย่ ยินดีต้อนรับครับ”
เย่ซือเยวี่ยรีบรับยิ้มและกล่าวสวัสดีกลับทันที แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเพียงพ่อบ้าน แต่เธอก็ให้ความเคารพอย่างมาก และเธอไม่ได้แสดงนิสัยอารมณ์ร้อนเหมือนปกติ
“คุณแม่ครับ……”
น้ำเสียงที่นุ่มนวลและร่าเริง ลู่อันหรานรีบวิ่งออกมาเหมือนลูกกระสุนปืน แล้วเข้าไปกอดอยู่ที่ต้นขาของโม่โยว เอียงศีรษะเล็กน้อยและดวงตาสีดำกลมโตมองเธออย่างออดอ้อน
“อันหราน”
ทุกครั้งที่โม่โยวเห็นลูกชายเธอจะมีความสุขมาก เธออุ้มเขาขึ้นมาแล้วหอมแก้มไปทั่ว เจ้าตัวเล็กก็หอมเธอกลับเหมือนกัน
มันคนละเรื่องกับตอนเล่าเลย พอได้มาเห็นกับตาของตัวเองมันก็อีกอย่างหนึ่ง ดวงตาของเย่ซือเยวี่ยเกือบจะส่งประกายไฟออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาโดดเด่นและสวยงามของเจ้าตัวเล็ก หลงเสน่ห์เข้าไปอย่างจัง
อืม อืม ชีวิตของโม่โยวจะดีเกินไปหน่อยแล้ว มีผู้ชายดีเลิศและสมบูรณ์สักขนาดนั้นยังไม่พอ ยังมีลูกชายที่น่ารักฉลากให้น่าอิจฉาเล่นด้วย…
“อันหราน นี่เป็นเพื่อนรักของแม่เอง เธอชื่อเย่ซือเยวีย ลูกสามารถเรียกเธอว่าน้าเย่ก็ได้จ๊ะ”
เย่ซือเยวี่ยเบิกตากว้าง รีบปฏิเสธออกมาอย่างไม่คิด โดยท่าทางฉุนเฉียวของเธอ ” เฮ้ น้าเย่อะไรกัน ฉันเพิ่งจะอายุยี่สิบกว่าๆเอง จะมาเรียกน้าได้ยังไงกัน ”
หลังจากที่เธอพูดจบ เธอก็หันไปมองอันหรานแล้วยิ้มอย่างกับดอกไม้บาน ” หนูชื่ออันหรานใช่ไหม เรียกฉันว่าพี่สาวก็พอนะคะ”
โม่โยว “… ”
ลู่อันหรานกระพริบตาโต เขารู้ว่าแม่ของเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้หญิงคนนี้ และพ่อของเขาก็บอกด้วยว่าผู้หญิงคนนี้ได้ให้ความช่วยเหลือและดูแลแม่ของเธอด้วย ดังนั้น
“ สวัสดีครับพี่เย่ พี่เย่สวยมากเลยครับ ”
อ๊ะ ปากเล็ก ๆ นี้ชังหวานสักจริงๆ ทำให้คนเขารู้สึกใจละลายอ่อนไหวไปหมด แทบอยากจะขโมยอุ่มกลับไป แน่นอนว่าเธอไม่กล้าหรอก เย่ซือเยวี่ยได้แค่คิดเล่นๆเท่านั้น
“หนูอันหรานครับ แล้วหนูคิดว่าพี่เย่กับคุณแม่ของหนู ใครสวยกว่ากันครับ ” เย่ซือเยวี่ยนั้นหยอกเล่นกับลู่อันหรานเหมือนเด็กธรรมดาทั่วไป กับคำถามที่ติดตลกนิดๆหลังจากยื่นมือไปสัมผ้สใบหน้าของเขา
ลู่อันกรานหรี่ปาก กลอกตาและหันหน้าหนีเธอ
เย่ซือเยวี่ย “… ”
โม่โยวกลั้นเสียงหัวเราะไม่ได้ แล้วส่งสายตาไปให้เธอ ” เข้าไปกันเถอะ”
ทันทีที่พวกเขาเดินเข้าไป ลู่จิ้นยวนก็ลงมาจากชั้นบนพอดี
เขาพยักหน้าให้เย่ซือเยวี่ยเป็นการทักทาย พร้อมกับยื่นมือไปรับลูกชายออกมาจากอ้อมแขนของโม่โยวอย่างอ่อนโยน จากนั้นเหยียดแขนยาวออกไปกอดเอวของโม่โยวไว้ แล้วตรงเข้าไปที่ห้องอาหาร
โม่โยวตัวแข็งทื่อ เพราะเย่ซือเยวี่ยยังคงอยู่ข้างหลัง เธอดิ้นรนด้วยความเขินอาย แต่ก็ถูกลู่จิ้นยวนกอดไว้แน่นอย่างใกล้ชิด แล้วเอนตัวเข้าใกล้หูของเธอ
“จุ๊ ๆ อย่าขยับ ต่อหน้าคนนอก เดียวผมก็เสียหน้าหรอก”
เธออดใช้สายตาตำหนิเขาไม่ได้ เธอรู้สึกละอายที่ต้องคลุมเครือกับเขาต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ เมื่อเห็นว่าเขายังไม่ยอมปล่อย ด้วยสัญชาตญานเธอจึงเหยียบเท้าเขาอย่างเต็มแรงเพื่อจะได้หลุดพ้นออกมา
ลู่จิ้นยวนใช้มือแตะที่จมูกของตัวเอง แล้วยิ้มด้วยความอดทนและอ่อนโยน หลังจากนั้นยังพยายามโน้มตัวไปใกล้ชิดเธออย่างไม่ยอมลดละ
ด้านหลังเขา เย่ซือเยวี่ยเห็นแล้วตกใจเล็กน้อยและในเวลาเดียวกันเธอก็ชื่นชมเพื่อนของตัวเองจริงๆ
ตามคำพูดหรือคำอธิบายของโม่โยว ความจำของเธอยังไม่ฟื้นกลับมา แต่เป็นประธานลู่คนนี้เป็นคนจำเธอได้ก่อน จากนั้นก็ได้ทำการตรวจดีเอ็มเอความเป็นแม่ลูกกันกับลู่อันหรานลับหลังเธอ ถึงได้รู้ชัดเจน
ดูจากตอนนี้ ทานประธานลู่คนนี้อยู่ในกำมือของโม่โยวไปเรียบร้อยแล้ว เธอนั้นยอดเยี่ยมมาก ที่สามารถปราบผู้ชายอย่างสิงโตคนนี้ได้อยู่หมัด
หลังจากอาหารมื้อนี้ เย่ซือเยวี่ยกลายเป็นหมาหัวเน่าไปอย่างสิ้นเชิง จากนั้นเธอไม่ได้เกรงใจอะไรอีก
ลู่จิ้นยวนไปทำงานที่ห้องหนังสือ ส่วนทั้งสองก็พาเจ้าตัวเล็กไปที่เดินเล่นที่สวนหลังบ้านของคฤหาส์นหลังใหญ่เพื่อย่อยอาหาร
“ โม่โยว เธอกับทานประธานลู่ยังไม่ได้แต่งงานไม่ใช่เหรอ ตั้งใจไว้หรือยังว่าจะไปจดทะเบียนสมรสเมื่อไร เย่ซือเยวี่ยไม่ได้ถามเป็นอย่างทางการเท่าไรจากนั้นก็มองไปที่ลู่อันหรานที่กำลังวิ่งเล่นอยู่ข้างหน้า
โม่โยวอึ้งไปครู่ขณะ ไม่รู้จะตอบอย่างไร
“ ซือเยวี่ย ฉันกับเขา ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด”