ตอนที่ 176 ความขัดแย้ง
มีชายชรานั่งปิดตาสนิทอยู่ที่ด้านหลังเคาน์เตอร์ เซี่ยวเฉินเดินตรงไปที่ด้านหน้าและเคาะลงบนเคาน์เตอร์ เขาพูดขึ้น “หยุดแกล้งทําได้แล้ว,ข้ามาเพื่อรับภารกิจ”
ชายชราลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ดวงตาของเขามืดมัวราวกับเพิ่งจะตื่นนอน เขายิ้ม “ข้าแค่งัวเงีย,แค่นั้น ไม่ได้แกล้งหลับ นี่เป็นครั้งแรกที่เข้ามารับภารกิจ,ส่งเหรียญแสดงตนของเจ้ามาให้ข้าก่อน”
ชายชรารับเหรียญแสดงตนของเซี่ยวเฉินไป เขามองดู แล้วก็พูดขึ้น “ยอดเขาฉิงหยุน,เย่เฉิน ข้าไม่ได้เห็นมาพักหนึ่งแล้ว ข้าไม่คาดคิดว่ายอดเขานิ่งหยุนได้รับคนเข้ามา”
“ทิ้งเหรียญแสดงตนไว้ที่ข้าก่อน,ข้าจะเก็บบันทึก ไปที่ชั้นสองเพื่อรับภารกิจ”
ชั้นสอง? ชั้นสองไหน? เซี่ยวเฉินมองไปรอบๆแต่เขาก็ไม่เห็นบันได เขาหมดหนทางมองไปที่ชายชราอย่างงุนงง
ชายชรากําลังถือเหรียญแสดงตนของเซี่ยวเฉินและสลักอะไรบางอย่างลงไป เมื่อเห็นเซี่ยวเฉินกําลังจ้องมองเขา เขานึกอะไรบางอย่างขึ้นได้และกล่าวขึ้น “ข้าลืมไป นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้ามาที่นี่ แค่เปิดประตูตรงนั้นเข้าไป แล้วเจ้าจะเห็นเอง”
เซี่ยวเฉินมองไปยังทิศทางที่ชายชรากําลังชี้ไปด้านหลัง เคาน์เตอร์,มีประตูที่ซ่อนอยู่ในเงา ประตูช่างกลมกลืน,หากไม่มองดูอย่างละเอียด,พวกเขาจะไม่มีทางเห็นมัน
เซี่ยวเฉินเดินไปที่ประตูและผลักมันให้เปิดออก จากนั้นก็เดินเข้าไปตามคําแนะนํา ก่อนที่เซี่ยวเฉินจะก้าวเข้าไปเซี่ยวเฉินรู้สึกพล่ามัวเล็กน้อย ฉากเบื้องหน้าของเขาเปลี่ยนไป และเขาได้ก้าวเข้ามาในห้องสมุด
มันมีค่ายกลมิติเล็กตั้งอยู่ที่นี่ เซี่ยวเฉินครุ่นคิดอย่างตกตะลึงและเริ่มสํารวจสถานที่แห่งนี้
มีคนนั่งเรียงเป็นแถวกําลังเขียนอะไรบางอย่างลงไปอย่างรวดเร็ว นกพิราบสื่อสารบินเข้าบินออกไม่หยุดหย่อน สภาพแวดล้อมถูกปิดกั้นชัดเจน แต่เซี่ยวเฉินไม่รู้ว่านกพิราบเข้ามาได้อย่างไร
“ผู้อาวุโสหนึ่งแห่งยอดเขาเปยเฉินส่งภารกิจมา เขาต้องการแก่นกลางวิญญาณของสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 4 บันทึกลงไปเร็ว ภารกิจระดับทั่วไป 5 แต้มสะสม”
“ยอดเขาสตรีหยก, พวกนางต้องการคนไปเฝ้าทุ่งสมุนไพรอีกแล้ว เหมือนครั้งก่อน,ความยากระดับง่าย 5 แต้มสะสมสําหรับครึ่งเดือน”
“คนของโถงสัตว์อสูรวิญญาณต้องการไปจับลูกของสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 5 ความยากระดับยาก 15 แต้มสะสมต่อลูกสัตว์อสูรวิญญาณหนึ่งตัว”
ผู้คนรับข้อความจากนกพิราบสื่อสารและอ่านหัวข้อบนจดหมายอย่างรวดเร็ว และมีคนจดบันทึกลงไปในทันที นี่คือการดําเนินงานของโถงคุณความชอบ
บันทึกภารกิจพวกนี้จะถูกส่งต่อไปอนุมัติในระดับต่อไป เพื่อดูว่าความยากและรางวัลเหมาะสมหรือไม่
หลังจากผ่านการอนุมัติครั้งที่สอง ก็ยังมีการอนุมัติครั้งสุดท้าย อย่างไรก็ตาม มันก็เฉพาะภารกิจความยากระดับยากเท่านั้น ภารกิจที่ความยากระดับต่ํากว่าจะถูกจ่ายออกไปหลังจากการอนุมัติครั้งที่สอง
ภารกิจนิกายจะถูกแบ่งออกเป็นสามประเภทระดับต้น,ระดับสูง และระดับพิเศษ แต่ละระดับก็จะถูกเรียกเป็นสามขั้นคือง่าย,ทั่วไป,ยาก
เซี่ยวเฉินเดินมาตรงจุดที่จ่ายภารกิจ-ที่ด้านหน้ากําแพงไม้ คนของโถงคุณความชอบผู้ที่รับผิดชอบในการแจกจ่ายภารกิจยืนอยู่หลังกําแพง
คนคนนั้นมองผ่านหน้าต่างที่กําแพงไม้มาเห็นเซี่ยวเฉิน เขาถามขึ้น “เจ้ามาเพื่อรับภารกิจ?”
คนผู้นี้รู้ชัดเจนว่านอกจากยอดเขาฉิงหยุนและยอดเขา สตรีหยก,อีกห้ายอดเขาได้ตั้งกฎใหม่ขึ้นมา เมื่อเขาเห็นหน้าเซี่ยวเฉิน,เขานึกได้ว่าไม่ใช่หนึ่งในสานุศิษย์จากห้ายอดเขา ดังนั้นเขาจึงงุนงง
เซี่ยวเฉินพยักหน้า “ข้าขอรายละเอียดเกี่ยวกับภารกิจระดับยาก”
“เจ้าเป็นศิษย์ยอดเขาไหน? แสดงเหรียญแสดงตนออกมา” ชายคนนี้ไม่เห็นด้วยกับคําขอของเซี่ยวเฉินในทันที
เซี่ยวเฉินนิ่งอึ้งเล็กน้อย เขาพูดขึ้น “ข้าเป็นศิษย์ยอดเขา งหยุน ชื่อข้าคือเย่เฉิน นี่เป็นครั้งแรกที่ข้ามารับภารกิจนิกาย เหรียญแสดงตนของข้าให้ชายชราที่ด้านล่างไว้”
“ยอดเขาฉิงหยุน?” คนผู้นี้พูดด้วยท่าทางประหลาด “รอสักครู่,ขอข้ายืนยันเรื่องนี้ก่อน”
เซี่ยวเฉินรู้สึกมีน้ำโหในใจ ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทําไมหลิวหรูเยว่ถึงทํางานอย่างหนัก เพราะเป็นศิษย์ของยอดเขาฉิงหยุน,ไม่ว่าที่ไหนที่เขาไป.ผู้คนต่างทําเรื่องยากให้เขา
คนผู้นั้นดูเหมือนกําลังพูดคุยกับคนระดับสูงกว่า ผ่านไปนาน,เขากลับมาที่หน้าต่างและส่งรายการให้เซี่ยวเฉิน “พวกนี้คือภารกิจระดับสูงที่จ่ายเข้ามาในวันนี้ ลองดู”
เซี่ยวเฉันคิ้วขมวดเล็กน้อย เขารับมันมาและมองดูอย่างละเอียด มีทั้งหมดสิบภารกิจในรายการ
ใช้กระบวณการคัดกรองออก,เซี่ยวเฉินเขียภารกิจที่ไม่มีทางทําสําเร็จทิ้งไป เช่นสังหารสัตว์อสูรวิญญาณระดับ6 สิบตัวภายในหนึ่งอาทิตย์
หลังจากคัดกรองพวกมัน,มีเหลือเพียงห้าภารกิจ เซี่ยวเฉินกรองภารกิจที่เขาต้องทํางานร่วมกับคนอื่นออก
หลังจากนี้มีเหลือเพียงสามภารกิจเฝ้ายามเส้นโลหิต วิญญาณหนึ่งเดือน,800 แต้มสะสมหลังจากทําภารกิจสําเร็จ สังหารสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 5 หนึ่งร้อยตัว ไม่จํากัดเวลาไม่จํากัดประเภทสัตว์อสูรวิญญาณ, 1000 แต้มสะสมหลัง จากทําสําเร็จและเก็บเกี่ยวสมุนไพรระดับ 7-หญ้าวสันต์ เหลือง,ไม่จํากัดเวลา,2000 แต้มสะสมหลังจากทําสําเร็จ
ไม่สงสัยว่าทําไมภารกิจนิกายระดับสูงจะถูกผูกขาด,รางวัลช่างล่อใจ,ขนาดรางวัลที่ต่ําที่สุดยังมากถึง 800 แต้มสะสม
เซี่ยวเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเลือกภารกิจเฝ้ายาม เส้นโลหิตวิญญาณ เขาใช้วิธีเลือกเดียวกับตอนที่คัดกรอง แม้ว่าภารกิจสังหารสัตว์อสูรวิญญาณจะไม่จํากัดเวลา, มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทําสําเร็จภายในหนึ่งเดือน
สําหรับภารกิจเก็บเกี่ยวหญ้าวสันต์เหลือง,เซี่ยวเฉินได้แต่ส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น แม้ว่ารางวัลจะสูงจนน่าตกใจ แต่เขาไม่รู้แม้แต่ว่ามันงอกที่ไหน เขาจะไปเห็บมันได้เช่นไร?
เฝ้ายามเส้นโลหิตวิญญาณนั้นหมายถึงเส้นโลหิตศิลาวิญญาณของศาลากระบี่สวรรค์ นอกจาเฝ้ายามเป็น เวลาหนึ่งเดือน ก็ไม่มีงานบังคับอื่นๆ ทั้งหมดที่ต้องทําคือเฝ้า ยามเป็นเวลาหนึ่งเดือน
แม้ว่ารางวัลจะไม่สูง,มันก็มากกว่าที่เซี่ยวเฉินต้องการ “ข้าเลือกเฝ้ายามเส้นโลหิตวิญญาณ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้ารับ ภารกิจ.ขั้นตอนเป็นเช่นไร?”
“เฝ้ายามเส้นโลหิตวิญญาณ? แค่ลงชื่อตรงนี้ มาอีกครั้งใน วันพรุ่งนี้เช้า,ไม่จํากัดจํานวนคนที่เจ้าสามารถนํามาทําภารกิจนี้ เมื่อทุกคนมาถึง, จากนั้นพวกเราจะจัดการเอง สําหรับขั้นตอน แค่นําเหรียญไม้นี่ลงไป”
คนจ่ายภารกิจนาสัญญาออกมาและให้เซี่ยวเฉินลงชื่อ จากนั้นเขาส่งเหรียญไม้ลวดลายประณีตมาให้
เซี่ยวเฉินรับมันมาและมองดู นอกจากลาดลายที่สลักลงบนเหรียญ.มันก็ไม่มีอะไรพิเศษ อย่างไรก็ตาม เมื่อเซี่ยวเฉินตรวจสอบมันด้วยสัมผัสวิญญาณ,เขาสามารถรู้สึกถึงสายพลังอันแข็งแกร่งในนั้น
“แวง!”
สายพลังออกมาจากบนฟ้าและกวาดไปทั่วโถงคุณความชอบเข้าไปในหัวของเซี่ยวเฉิน “อย่าได้ทําอะไรผลีผลาม!”
เซี่ยวเฉินตกตะลึงและถอนสัมผัสวิญญาณของเขากลับมา เขามองดูรอบตัวของเขาและพบว่าไม่มีใครสักคนสนใจมาที่เขา เขารีบออกมาอย่างรวดเร็วหลังจากนั้น
เจ้าของสายพลังฉีนี่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก มันเป็นไปได้ว่าเขานึกว่าเซี่ยวเฉินตั้งใจจะเปลี่ยนพลังฉีที่อยู่ด้านในเหรียญ ดังนั้นเขาส่งคําเตือนมาในทันที
มีผู้มีพรสวรรค์ซ่อนเร้นมากมายภายในศาลากระบี่สวรรค์ เซี่ยวเฉินรู้สึกเกรงกลัวในใจ และเขาไม่กล้าที่จะปลดปล่อย สัมผัสวิญญาณของเขาออกมาอีก เขาเปิดประตูที่เขาเข้ามา และลงไปชั้นล่างในทันที
“ชั่ว!”
เหรียญเงินแสดงตนบินลอยมาที่เซี่ยวเฉิน เขาคว้ามันเอาไว้และมองดูไม่มีอะไรนี่เป็นเหรียญแสดงตนของเขาเอง
ชายชรายิ้มไปที่เซี่ยวเฉินและพูดขึ้น “พ่อหนุ่มเจ้าควรไปได้แล้ว จําเอาไว้ อย่าได้ผลีผลามแตะต้องสายพลังในเหรียญนั้น มิฉะนั้นภัยพิบัติอาจจะออกมา”
สีหน้าของเซี่ยวเฉินกลายเป็นซีดเทา ผู้นี้เป็นผู้เชี่ยวชาญที่แสดงตนเป็นคนธรรมดา เช่นนั้นสายพลังฉีนี่ก็ถูกฝังไว้โดย ชายชราตรงหน้าของเขา เซี่ยวเฉินพยักหน้าและเตรียมตัวที่จะจากไป
เมื่อเหี่ยวเฉินปรากกฏตัว,กลุ่มคนลุกขึ้นจากโต๊ะในทันที พวกเขาทั้งหมดตรงมาทางเซี่ยวเฉินด้วยท่าทางดุดัน แม้ว่า พวกเขาจะแต่งเครื่องแบบแตกต่างกันไป,พวกเขาทั้งหมดมี ส้นสีทองสามเส้นที่คอเสื้อเด่นชัด, นี่เป็นเครื่องหมายของสานุศิษย์แก่นกลางของศาลากระบี่สวรรค์ พวกเขาทั้งหมดอย่างน้อยอยู่ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูงสุดอีกเพียงก้าวเดียวจะทะลวงขึ้นสู่ระดับขอบเขตนักบุญ
สีหน้าของเซี่ยวเฉินกลายเป็นเย็นชา เขารู้ว่าพวกมันไม่ได้มีเจตนาดี อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้เกรงกลัวเขาเดินขึ้นหน้าทักทาย ในปัจจุบัน,ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธ,นอกจากพวกที่มีจิตวิญญาณยุทธสืบทอด, ไม่สามารถกดดันเขาได้แม้แต่น้อย
“เจ้าคือเยู่เฉิน!” หนึ่งในพวกนั้นผู้ที่แต่งเครื่องแบบยอดเขาว่านเหริน เดินขึ้นหน้าและกล่าวอย่างเหี้ยมโหดไปที่เซี่ยวเฉิน เขาปลดปล่อยเจตนาฆ่าฟันหนาแน่นพร้อมกับจ้องมองเซี่ยวเฉิน
“ถูกต้อง!”
“จําชื่อของข้าไว้ให้ดี-หยางฉี เจ้าออกไปได้และ…”
ก่อนที่หยางฉีจะได้กล่าวจบ,เซี่ยวเฉินยิ้มขึ้นและชักกระบี่ของเขาออกมาอย่างรวดเร็ว แสงกระบี่เย็นเฉียบลอยไปที่หยางฉี
มองดูเซี่ยวเฉินที่ลงมือก่อน,มุมปากของหยางฉียกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา กระบี่สั้นขนาดห้าสิบเซนติเมตรสองเล่มปรากฏขึ้นในมือของเขา มือขวาของเขากวาดไปในอาการอย่างอ่อนโยนและปัดป้องแสงจากกระบี่เงาจันทร์
กระบี่สั้นในมือซ้ายของเขาซัดออกไปราวกับสายฟ้า,แทงตรงไปที่หน้าอกของเซี่ยวเฉิน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบคนที่พกกระบี่สองเล่ม,และเขาไม่เคยประมือกับ
คนพวกนี้
เซี่ยวเฉินทําได้เพียงหลบหลีกก่อนและใช้ออกทักษะมังกรฟ้าเมฆาทะยาน เขาดีดตัวออกจากพื้น,และร่างของเขาดูเหมือนกับกลายไปเป็นมังกรทะยานพร้อมกับหลบหลีกการโจมตีของหยางฉี
เซี่ยวเฉินลงพื้นอย่างมั่นคง อย่างไรก็ตาม, ขณะที่เขาใช้ออกมโนภาพสามกระแสเมฆา,หยางฉีก็ได้มาประชิดตัวเซี่ยวเฉินแล้ว กระบี่คู่ของหยางฉีโจมตีเข้ามาอย่างลื่นไหล
พวกเขาทั้งคู่ใช้ออกไปคนละท่า ภายใต้การช่วยเหลือของมโนภาพสามกระแสเมฆา, เซี่ยวเฉินควรจะรับมือการโจมตีของคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม,มุมการโจมตีของคู่ต่อสู้แปลกประหลาดเกินไป นอกจากนั้นมันยังรวดเร็วอย่างมาก ไม่ช้า, เซี่ยวเฉินก็ไม่สามารถก้าวได้ทันอีกต่อไป
เซี่ยวเฉินรู้สึกเหมือนเขากําลังรื้อกําแพงตะวันออกไปซ่อมกําแพงตะวันตก,มันมากเกินกว่าที่จะหลบพ้น เซี่ยวเฉินถูกบังคับให้ถอยหนีซ้ําแล้วซ้ําอีก เขาใช้ออกมโนภาพสามกระแสเมฆาจนถึงขีดสุดของมันและตรึงไว้อย่างขมขื่น ไม่ไหวหวั่นเช่นมหาสมุทร
TL รื้อกําแพงตะวันออกไปซ่อมกําแพงตะวันตกะหมายถึง เสียสละบางอย่างเพื่อให้บรรลุผลบางอย่าง
“ฟิ่วฟิ่ว!”
ทันใดนั้น,หยางฉีโยนกระบี่สั้นออกมา กระบี่สั้นหมุนวน ไปในอากาศอย่างต่อเนื่อง, บินตรงไปที่เซี่ยวเฉิน,ความเร็วของมันไม่อาจดูแคลน
ในวันทีที่กระบี่สั้นออกจากมือซ้ายของหยางฉี,กระบี่สั้นอีกเล่มปรากฏขึ้นในมือของเขา เมื่อเซี่ยวเฉินหลบพ้นไปหนึ่ง,กระบี่สั้นอีกเล่มก็ลอยตรงมาทางเขาอีกครั้ง
ปัจจุบันมีกระบี่สั้นสองเล่มลอยอยู่ในอากาศ มือแต่ละข้างของหยางฉีก็ถือกระบี่สั้นอยู่ด้วยเช่นกัน เมื่อใดก็ตามที่กระบี่สั้นในอากาศลอยกลับไปหาเขา,หยางฉีที่ปาอีกเล่มในมือออกไปและรับเอาเล่มที่ลอยกลับมาไว้ ดังนั้น จึงมีกระบี่สั้นสองเล่มหมุนลอยอยู่ในอากาศอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น,หยางฉีก็ยังไม่หยุดโจมตีด้วยกระบี่สั้นในมือของเขา
เซี่ยวเฉินผู้ที่กําลังดิ้นรนกับการป้องกัน,พบว่าสถานการณ์ยากที่จะรับมือ มีบาดแผลมากมายปรากฏขึ้นบนแขนและขาของเขา
เซี่ยวเฉินเค้นสมองของเขาเพื่อหาทางรับมือ มโนภาพสามกระแสเมฆาสามารถป้องกันเมื่อเผชิญหน้าการโจมตีที่แข็งแกร่ง,แต่จุดอ่อนของมโนภาพสามกระแสเมฆาจะชัดเจนเมื่อการโจมตีของคู่ต่อสู้รวดเร็วเป็นอย่างมากและเป็นเวลานานติดกัน
เขาต้องคิดหาทางอย่างรวดเร็ว เซี่ยวเฉินตระหนักถึงบางอย่างไม่ถูกต้อง กระบี่สั้นทั้งสี่เล่มดูเหมือจะยังไม่ใช่ทั้งหมดของคู่ต่อสู้