ณ ภูเขาลังยา ภายในห้องโถงที่สำหรับต้อนรับแขกเหรื่อ
ท่านเฉินเฟิงสวมชุดนักเต๋า นั่งสมาธิอยู่บนฟูก
ด้านนอกมีเสียงฝีเท้าดังลอดเข้ามา
หลินเสวียนหมิงเดินเข้ามา มือไพล่หลัง มองไปที่ท่านเฉินเฟิงอย่างเย็นชา
“ตู้เฉินเฟิง แกหมายความว่าไง?” หลินเสวียนหมิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ท่านเฉินเฟิงค่อยๆหันกลับมา แล้วใช้สายตาดั่งเช่นปกติมองไปที่หลินเสวียนหมิง แล้วถามไปว่า “พี่เสวียนหมิงทำไมพูดแบบนี้ครับ?”
“แกไม่ต้องอุบฉันอีกแล้ว พูดมา ทำไมแกถึงเปลี่ยนการตัดสินใจฉุกละหุก เปลี่ยนมาหักหลังฉันแบบนี้ห้ะ?แกเห็นว่าข้อตกลงระหว่างเราเป็นเรื่องไร้สาระรึไง?แกเอาหลินนเสวียนหมิงคนอย่างฉันไปไว้ที่ไหน?” หลินเสวียนหมิงถามอย่างโกรธเคือง เขารู้สึกไม่พอใจท่านเฉินเฟิงเป็นอย่างมาก
ท่านเฉินเฟิงพูดอย่างไม่รีบไม่ร้อน “พี่เสวียนหมิง เรื่องที่ควรพูด ผมก็พูดต่อหน้าแม่เฒ่าตระกูลหลินของพวกพี่ไปแล้ว ผมพูดชัดเจนหมดแล้วไม่ใช่หรอ?ความแค้นระหว่างผมกับหลินอิ่งจบกันไปแล้ว อย่าพูดถึงอีกเลย”
“เหอะ” หลินเสวียนหมิงหัวเราะอย่างเย้ยหยัน แล้วพูดอย่างสงสัย “ตู้เฉินเฟิง ก่อนหน้านี้แกพูดยังไงนะ?จะไม่ขออยู่ร่วมแผ่นฟ้าเดียวกันกับหลินอิ่งที่เป็นศัตรู?ทำไมล่ะ?เขาให้ประโยชน์อะไรนายงั้นหรอ ถึงทำให้แกไม่แก้แค้นให้ลูกศิษย์ของแก แม้แต่ศักดิ์ศรีก็ไม่เอา?”
“หลินเสวียนหมิง!” ท่านเฉินเฟิงลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธ “คุณพูดอะไรห้ะ?คุณอย่าคิดว่าคุณเป็นผู้อาวุโสสอง แล้วจะเหยียดหยามผมยังไงก็ได้น่ะ”
“ถ้าผมไม่คิดว่าผมอยู่ที่ภูเขาลังยา วันนี้เขาจะชักดาบออกจากฝัก เพื่อถามคุณถึงเรื่องที่เกิดขึ้น!”
หลินเสวียนหมิงหัวเราะอย่างเย้ยหยัน แล้วพูดว่า “ตู้เฉินเฟิง แกคิดว่าแกยังเป็นคนในตอนนั้นงั้นหรอ? วิชาบูโดของแกจะสามารถข่มฉันได้งั้นหรอ”
“วันนี้แกลอบกัดฉัน ในอนาคต ก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจหุบเฉินเฟิงของแกแล้วกัน!”
ท่านเฉินเฟิงตอบกลับอย่างเย็นชา “หลินเสวียนหมิง ผมรู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรกับคุณ คุณจะทำอะไรกับหุบเฉินเฟิง ก็เชิญมาได้เลย คุณจะต่อกรกับหลินอิ่ง นั่นก็เป็นเรื่องของคุณ ไม่เกี่ยวอะไรกับผม”
ท่านเฉินเฟิงเองก็รู้สึกโกรธแค้นอยู่ในใจ ถูกหลินเสวียนหมิงทำให้โกรธ
ถ้าเป็นเวลาปกติเขาไม่มีทางล่วงเกินหลินเสวียนหมิงแบบนี้หรอก แต่เพราะความชั่วร้ายที่ไม่มีใครเทียบกับหลินอิ่งได้ ล่วงเกินหลินเสวียนหมิงจะเป็นไรไป?
ถ้าหลินอิ่งไม่ได้ผนึกเส้นลมปราณไว้ยางส่วน ทำให้พลังของเขาได้รับความเสียหาย เขาคงไม่มีทางกลัวหลินเสวียนหมิงแบบนี้หรอก
เนื่องจาก เขาได้ก้าวไปสู่รายการแห่งฟ้าก่อนหลินเสวียนหมิง มีความแตกฉานมากกว่า
ท่านเฉินเฟิงครุ่นคิด ขอแค่ทำภารกิจที่หลินอิ่งมอบหมายให้ดีๆ เมื่อปลดผนึกเส้นลมปราณได้แล้ว พลังฟื้นกลับคืนมา เขายังต้องกลัวอะไรหลินเสวียนหมิงอีก?
“ได้ๆๆ”
เมื่อเห็นท่าทีแข็งกร้าวของท่านเฉินเฟิง หลินเสวียนหมิงก็โกรธจนหัวเราะออกมา พูดคำว่าได้ติดต่อกันสามครั้ง
“งั้นก็รอดูเถอะ!”
พูดทิ้งท้ายเสร็จ หลินเสวียนหมิงก็สบถเสียงหึ แล้วสะบัดแขนเสื้อเดินออกไปทันที
เดินออกมาจากห้องโถง สีหน้าของเขาหน้าดำคร่ำเครียด
การแสดงออกของท่านเฉินเฟิงผิดปกติเกินไป!
กล้าแข็งกร้าวกับเขาขนาดนี้เชียวหรอ?
ยอมผิดใจล่วงเกินเขาที่เป็นผู้อาวุโสสองของตระกูลหลิน ยอดฝีมือรายการแห่งฟ้า แต่ก็ไม่กล้าไปล่วงเกินหลินอิ่งไอ้เด็กคนนั้น?
สมองพังไปแล้วรึไงกัน?
หลินเสวียนหมิงยิ่งคิดยิ่งโมโห ศึกนี้กลับถูกหลินอิ่งทำให้พ่ายแพ้ลงไป?
ไม่ช้าก็เร็วต้องหาโอกาสจัดการหุบเฉินเฟิงซะ แล้วเหยียบหลินอิ่งให้จมดิน!
ท่านเฉินเฟิงที่สูญเสียวิชาบูโดไปครึ่งหนึ่ง อีกคนก็คือหลินอิ่งที่รนหาที่ตาย กล้าท้าทายอำนาจของเขา!
……
สวนหลังบ้านอีกแห่งหนึ่งในภูเขาลังยา
หลินอิ่งกับจางฉีโม่นั่งล้อมอยู่บนเก้าอี้หินอ่อนในสวนหลังบ้าน หลินซวนหวากำลังถือกาน้ำชา แล้วค่อยๆรินให้กับทั้งสองคน
“อิ่งเอ๋อ ดูท่าพลังของหลาน จะแข็งแกร่งของปู่นะ ท่านเฉินเฟิงคนระดับนั้น ยังถูกหลานจัดการได้เลย” หลินซวนหวาพูดอย่างสะท้อนใจ “ปู่ยังเป็นห่วงว่าหลานจะต้องลำบาก”
“พูดว่าจัดการเรียบร้อยไม่ได้หรอกครับ ผมแค่ไปคุยเจรจากับท่านเฉินเฟิง คนผู้นี้เป็นคนที่รู้เหตุรู้ผล” หลินอิ่งพูดอย่างนิ่งเฉย
หลินซวนหวาหัวเราะ ไม่ได้ถามอะไรต่อ เขารู้ว่าหลินอิ่งต้องมีความลับของตัวเองอย่างแน่นอน
“อิ่งเอ๋อ แม่เฒ่าให้ตาใหญ่อยู่คุยต่อ ต้องมีอะไรมากกว่าที่เห็นแน่ๆ” หลินซวนหวาพูดอย่างจริงจัง “ตามการคาดเดาของปู่นะ อีกไม่นานหลานก็จะต้องเผชิญหน้ากับคุณชายใหญ่แล้วล่ะ”
“ภายนอกของผู้อาวุโสสงบเยือกเย็น ความจริงแล้วมีความคิดอยากเอาชนะมากกว่าผู้อาวุโสสอง ถึงแม้หลานจะไม่เคยล่วงเกินอะไรเขา แต่เขาไม่สามารถทนให้ตำแหน่งผู้อาวุโสของเขาสั่นคลอนได้หรอก”
หลินอิ่งพยักหน้าเบาๆ แล้วพูดว่า “หลีกเลี่ยงไม่ได้หรอกครับ”
“อืม” หลินซวนหวาพยักหน้าเช่นกัน “หลานเตรียมตัวเตรียมใจไว้รึยัง วิชาบูโดของหลินเซวียนคุณชายใหญ่จะดูถูกไม่ได้เชียวนะ ในแวดวงลึกลับถูกขนานนามว่าเป็นยอดฝีมือลำดับที่หนึ่งของรายการแห่งฟ้า ชื่อเสียงโด่งดัง เป็นท่านผู้นำของรายการแห่งดิน”
หลินซวนหวาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นมาว่า “ถ้าปู่เดาไม่ผิดนะ ผู้อาวุโสน่าจะออกความเห็นให้แม่เฒ่า สั่งให้หลานไปจัดการเรื่องของตระกูลเผยที่มณฑลจี้โจว แล้วให้หลินเซวียนไปวัดว่าใครเก่งกาจกว่าที่นี่”
“อ่อ?” หลินอิ่งเริ่มสนใจขึ้นมา จึงเอ่ยถามไปว่า “คุณปู่วิเคราะห์ได้ยังไงครับ?”
เขาได้วางแผนเรื่องของตระกูลเผยแห่งจี้โจวนานแล้ว และเคยได้ยินว่าคุณชายใหญ่พึ่งกลับมาจากตระกูลเผยแห่งจี้โจว ยังได้รับผลประโยชน์กลับมาไม่น้อย
หลินซวนหว่พูดอย่างจริงจังว่า “สถานการณ์ของตระกูลเผยแห่งจี้โจวซับซ้อนมาก ในอนาคตแวดวงลึกลับจะมีแค่ห้าตระกูลใหญ่ ตระกูลเผยกำลังจะโดดเดี่ยว ตระกูลหลินวางแผนเรื่องนี้มาหนึ่งปีเต็มๆ ก็เพื่อเก็บรวบรวมทุกอย่างของตระกูลเผย”
“คุณท่านของตระกูลเผยแห่งจี้โจวกำลังจะป่วยตาย และตระกูลเผยต้องการพลังเทพเส่ยี แต่เป็นสิ่งที่ผู้คนในแวดวงลึกลับละโมบอยากได้ นอกเหนือจากนี้ รากฐานอันยิ่งใหญ่ของตระกูลเผยในจี้โจว ในอาณาจักรเงินทองของโลก……”
“คิดดูสินี่คือพายุนองเลือด”
“คุณชายใหญ่ได้โอกาสที่มณฑลจี้โจวก่อน แม่เฒ่าให้ผู้อาวุโสอยู่ต่อ นั่นก็คือจะให้คุณชายใหญ่ต่อสู้กับหลาน และเขาสามารถรู้เจตนาของแม่เฒ่าเสมอ ดังนั้นจึงเสนอให้หลานไปที่มณฑลจี้โจว แบบนี้เขาจะมั่นใจมากยิ่งขึ้น”
หลินอิ่งพยักหน้า แล้วพูดว่า “ไปก็ได้”
หลินซวนหวากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นก็มี ผู้ชายสวมชุดสูทสีกรมท่าคนหนึ่งเดินเข้ามาจากหลังประตูของสวนหลังบ้าน
นี่คือชายวัยประมาณสามสิบปี มีรูปลักษณ์หล่อเหลา ไม่มีความโกรธเคืองหรือถือตัวอะไร ท่าทีไม่ธรรมดา
สีหน้าของหลินซวนหวาประหลาดใจเล็กน้อย หลังจากนั้นก็หัวเราะแล้วพูดขึ้นมาว่า “คุณชายใหญ่มาเยือน ขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ”
คนที่มา ก็คือหลินเซวียนคุณชายใหญ่ของตระกูลหลิน
“อาสิบสองเกรงใจเกินไปแล้วครับ ผมกลับมาจากมณฑลจี้โจวครั้งนี้ ได้ยินมาว่าคุณชายหลินอิ่งกับอาสิบสองกลับมาที่ภูเขาลังยาแล้ว ผมเลื่อมใสมานาน จึงตั้งใจมาเยี่ยมอาสิบสองเป็นพิเศษ ยินดีกับอาสิบสองและคุณชายสามด้วยนะครับ” หลินเซวียนพูดไปหัวเราะไป
พูดจบ สายตาของหลินเซวียนมองไปที่หลินอิ่ง
หลินอิ่งมองอย่างเฉยเมย
ทั้งสองสบตากัน สีหน้าปกติเรียบเฉยมาก แต่บรรยากาศกลับเปลี่ยนเป็นกดดันขึ้นมาในทันที