“แม่งเอ้ย!”
คำพูดอันสกปรกออกมาจากปากของชายผู้นั้นทันที จากนั้นมองไปที่ซูย้าวตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยท่าทางเหยียดหยาม ก่อนจะอดไม่ได้ที่จะสบถออกมาดัง “ถุย” เดิมทีเหมือนเขาอยากจะกล่าวอะไรออกมาอีก แต่บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ด้านข้างเหลือบมองออกไปที่นอกประตูห้องทำงาน สูดลมหายใจเข้าด้วยความหวาดกลัวและวิ่งกลับมารายงานที่ข้างหูเขาอย่างรีบร้อนว่า “ประธานหลี่ครับ แย่แล้ว คนข้างนอกถูกจัดการหมดแล้ว!”
“ใครทำ ใครเป็นคนทำ?” ชายผู้นั้นผงะและถามออกมาโดยไม่คิด
บอดี้การ์ดไม่ตอบ แต่เหลือบมองไปที่ซูย้าวโดยสัญชาตญาณ ความหมายที่เขาสื่อออกมาจากดวงตานั้นชัดเจนอย่างยิ่ง
ชายคนนั้นดูเหมือนไม่ค่อยเชื่อ เขาเองก็ตกตะลึงเล็กน้อยก่อนจะหันมองไปทางซูย้าว “แกจัดการกับคนของฉันที่ข้างนอกอย่างงั้นเหรอ……”
ตอนนี้ซูย้าวหายใจหอบเล็กน้อย เธอพยายามกลับมาหายใจให้เป็นปกติแล้วมองไปทางเขาพูดว่า “ใช่ ฉันเอง”
ที่จริงการที่เธอบุกเข้ามานั้น เธอต้องการเพียงแค่จะถามว่าเซียวไน่อยู่ที่ไหน แต่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ตอบเธอและลงไม้ลงมือทันที เธอจึงจำใจจะต้องป้องกันตัวเองเลยได้ลงมือกับพวกเขา
ก่อนหน้านี้อานเจียเย้นเคยสอนทักษะการต่อสู้ยูโดมาให้กับเธอไม่น้อย ไม่อย่างนั้น การต่อสู้เมื่อสักครู่เธอคงจะสู้ไม่ได้
ตอนนี้เธอรู้สึกขอบคุณอานเจียเย้นมากจริงๆ แต่มันก็เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว เธอเดินอ้อมไปอยู่ข้างกายของเซียวไน่แล้วแกะเชือกที่มัดมือมัดขาเธอไว้อย่างง่ายดาย ก่อนจะพูดว่า “ขอโทษนะที่ต้องให้คุณเข้ามาลำบากด้วยแบบนี้……”
เธอยังไม่ทันพูดจบเซียวไน่ก็ตะโกนออกมาว่า “ระวัง!”
วินาทีที่ซูย้าวรู้ว่าอันตรายมาจากด้านหลังก็สายเกินไปแล้ว
ประทานหลี่ที่อยู่ด้านหลังเธอใช้โอกาสช่วงที่เธอไม่ทันได้ระมัดระวังตัว เอื้อมไปหยิบที่เขี่ยบุหรี่ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะแล้วเขวี้ยงมาที่ศีรษะของเธอเสียงดัง “ตุ๊บ!” ดังสนั่นหวั่นไหว จากนั้นซูย้าวก็รู้สึกว่าโลกกำลังหมุน ศีรษะของเธอเจ็บจนแทบจะระเบิด
เธอใช้มือขึ้นกุมศีรษะโดยสัญชาตญาณและพบว่ามีของเหลวอุ่นไหลพุ่งออกมา ของเหลวสีแดงสดนั้นไหลลงมาที่แก้มเข้าไปในปาก รสชาติเค็มๆ เหม็นคาว มันคือเลือดนั่นเอง
“ไอ้พวกฉิบหาย พวกแกคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? กล้ามาบุ่มบ่ามในพื้นที่ของฉัน!” ประธานหลี่ตะโกนด่าทอออกมาด้วยความโมโห จากนั้นหันไปกำชับพวกบอดี้การ์ดว่า “ลงมือจัดการมัดไอ้สองตัวนี้เอาไว้ กูจะเล่นพวกมันให้ตาย!”
ซูย้าวยังไม่ทันจะมีเวลาไปครุ่นคิด พวกบอดี้การ์ดหน้าตาดุร้ายเหล่านั้นก็ตรงมาทางเซียวไน่ ด้านเซียวไน่เองก็รีบสะบัดตัวให้หลุดพ้นจากเชือกที่ผูกมัดร่างเอาไว้ เธอลุกขึ้นยืนไปช่วยซูย้าว ทั้งสองคนยืนเอาหลังชนกัน ตอนนี้พวกเธอรู้สึกถึงความหวาดกลัวและหัวใจที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
บอดี้การ์ดเหล่านี้เห็นได้ชัดว่าแตกต่างจากพวกคนด้านนอก ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือความคล่องแคล่ว พวกเขาหนักแน่นและว่องไวกว่าคนพวกนั้นเยอะ แม้ว่าซูย้าวจะตั้งมั่นขัดขืนแต่ว่าที่ศีรษะของเธอนั้นก็ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง เพียงไม่นานพวกเธอสองคนก็ไม่อาจต่อกรกับคนเหล่านี้ได้และพ่ายแพ้ถูกควบคุมตัวเอาไว้
บอดี้การ์ดจับพวกเธอสองคนมัดแขนมัดขาแล้วโยนลงไปที่โซฟา ประธานหลี่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามจุดบุหรี่ขึ้นสูบ มองมาที่พวกเธอด้วยความเยือกเย็นและโมโห “ไหนพูดมาซิไปส่งพวกแกมา?”
ตอนนี้ซูย้าวรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อยอาจเป็นเพราะบาดแผลที่ศีรษะ เธอรู้สึกว่าเปลือกตาหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะพยายามบังคับตัวเองไม่ให้เป็นลมล้มไป แต่ก็ไร้หนทางและเรี่ยวแรง
ส่วนเซียวไน่ แม้ตนเองจะถูกมัดอยู่แต่ก็กังวลหล่อนเป็นอย่างยิ่ง เธอพยายามใช้ร่างของตนเองเข้ากำบังซูย้าวเอาไว้ “พวกแกอย่าทำอะไรเธอนะ พวกเราไม่รู้อะไรทั้งนั้น พวกเราก็แค่…… ก็แค่……”
เธอไม่รู้ว่าจะใช้เหตุผลอะไรมาอธิบายจึงจะเหมาะสม อยู่ๆ เสียงในลำคอก็เกิดตะกุกตะกักขึ้นมา
ประธานหลี่มองไปที่พวกเธอ จากนั้นหันไปมองยูเอสบีซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ สมองของเขาแล่นไปทันใดแล้วพูดว่า “พวกแกเป็นนักข่าวอย่างงั้นเหรอ?”
ซูย้าวชะงักลงเล็กน้อย นักข่าว? ดูเหมือนว่าที่นี่จะเกิดเรื่องขึ้นจริง ในที่สุดพวกเธอก็มาถูกที่แล้ว
“ฉิบหาย!” ประธานหลี่โกรธมาก เขาดับบุหรี่ในมือจากนั้นลากคอบอดี้การ์ดที่อยู่ด้านข้างเข้ามาตบหน้าอย่างแรงหลายที “แม่งเอ้ย! บอกให้แกระวังหน่อยไม่ใช่หรือไง ไปทำให้นักข่าวแตกตื่นจนได้”
บอดี้การ์ดคนนั้นถูกตบเข้าไปอย่างจังแต่เขาก็ยังก้มหน้าก้มตาลงรับผิด “ผมสะเพร่าไปครับ ผมผิดไปแล้ว ประธานหลี่ ผมผิดไปแล้วจริงๆ !”
ประธานหลี่ไม่มีเวลาจะมาโมโหและจัดการกับเขา จึงได้ผลักบอดี้การ์ดคนนั้นออกไปก่อนจะหันมามองดูซูย้าวกับเซียวไน่ “ฉันไม่สนใจเหรอนะว่าแกจะเป็นนักข่าวหรืออะไร แต่กล้าเข้ามาเหยียบในที่ของฉันแบบนี้ อย่าคิดว่าจะได้มีชีวิตกลับไป!”
เมื่อพูดจบ ประธานหลี่ก็ได้หันหลังเดินไปตรงหน้าต่าง ก่อนจะกำชับกับลูกน้องว่า “เอานางสองตัวนี่ใส่รถแล้วส่งไปที่เจ้าสวี่!”
“ครับ!” บอดี้การ์ดเหล่านั้นตอบรับ ก่อนจะเข้ามาดึงซูย้าวและเซียวไน่
ซูย้าวพยายามดิ้นรนพูดว่า “พวกเราไม่ใช่นักข่าว พวกเราไม่มีเจตนาอื่นเลย!”
แต่ไม่ว่าเธอจะพูดอย่างไรบอดี้การ์ดเหล่านั้นก็ไม่ยอมปล่อยเธอ พวกเขาคล่องแคล่วว่องไวจับเธอขึ้นพาดบ่าเดินตรงออกไปจากห้องทำงานทันที สถานการณ์คับขันเช่นนี้เธอจึงได้โพล่งออกมาว่า “ที่นี่อยู่ภายใต้การดูแลของDouble Ace ถ้าอย่างนั้นพวกคุณคงรู้จักอาเจียเย้นสินะ!”
ประโยคนี้ทำให้ประธานหลี่ตอบสนองทันควัน เขาหันกลับมาพูดกับบอดี้การ์ดว่า “เดี๋ยวก่อน!”
เมื่อบอดี้การ์ดเห็นดังนั้นจึงได้หยุดฝีเท้าลงก่อนจะโยนซูย้าวกับเซียวไน่ไปที่พื้น ทั้งสองคนพยายามดิ้นรนลุกขึ้นยืน แต่เนื่องจากว่าถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้จึงทำให้ขยับไม่สะดวกเท่าไหร่ ต้องใช้ความพยายามอย่างมากจึงจะสามารถลุกขึ้นมาได้
“แกรู้จักชื่อของประทานอานได้ยังไง ?” ประธานหลี่ถามกลับ
ซูย้าวสังเกตเห็นจากสีหน้าของประธานหลี่คนนี้ เห็นได้ชัดว่าชายผู้ที่ไม่กลัวฟ้ากลัวดิน แต่กลับรู้สึกเกรงกลัวคำว่าอานเจียเย้นขึ้นมา สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกว่าเรื่องที่เธอคาดเดาเป็นเรื่องจริง ซูย้าวจึงสูดหายใจเข้าแล้วพูดว่า “ฉันไม่รู้จักแค่ชื่อเขาอย่างเดียว ฉันรู้จักเขาด้วย ติดต่อกับเขาให้ฉันสิ ฉันจะพูดกับเขา”
ประธานหลี่หัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็นและไม่ปิดบัง “แกจะให้ฉันติดต่อประธานอานอย่างนั้นเหรอ?”
ที่จริงเขาก็อยากจะมีอำนาจในการติดต่อประธานอานได้โดยตรง แต่จากตัวตนฐานะตำแหน่งของเขาในตอนนี้ อย่าว่าแต่ติดต่อกับประธานอาน เลยแม้แต่เบอร์โทรศัพท์มือถือเขายังไม่รู้
ประธานหลี่หัวเราะเยาะเย้ยออกมา ก่อนจะเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าซูย้าวด้วยความรวดเร็ว แล้วยกมือตบไปที่ใบหน้าของเธออย่างแรงสองที “นังสารเลว แกให้ฉันติดต่อประธานอานเหรอ แกคิดว่าฉันจะเชื่อคำพูดไร้สาระของแกหรือไง?”
เขาดึงผมยาวสลวยของซูย้าวขึ้นมา เรี่ยวแรงนั้นมากเกินเสียเธอหนังหัวแทบหลุด “ฉันจะเอาพวกแกทั้งสองคนไปขายให้กับลูกค้าที่บนเกาะ รอให้พวกแกถูกเล่นเสียจนเบื่อแล้วค่อยเอาเครื่องในพวกแกไปขาย คงได้เงินจำนวนไม่น้อยเลยสินะ พวกแกรนหาที่เองจะไปโทษคนอื่นไม่ได้”
ซูย้าวเม้มปากอย่างไร้เรี่ยวแรง เธอพยายามส่ายหน้าเพื่อให้สติกลับคืนมา เธอจ้องไปที่มือของชายผู้นั้นแล้วพูดทีละคำอย่างชัดเจนว่า “แกไม่รู้จักเบอร์โทรศัพท์ของอานเจียเย้นสินะ เลยติดต่อเขาไม่ได้”
“ฟังนะ ฉันมีเบอร์โทรศัพท์มือถือของเขา เอาโทรศัพท์ฉันออกมา ฉันจะโทรศัพท์หาเขาแล้วแกจะรู้ถึงทุกสิ่ง!”
แม้ว่าเธอไม่อยากจะให้เรื่องนี้แตกตื่นไปถึงอานเจียเย้น และไม่ต้องการเป็นอย่างยิ่งที่จะใช้วิธีนี้ในการร้องขอเขาให้ช่วยเหลือ แต่ตอนนี้เธอไม่มีเวลามานั่งครุ่นคิดเรื่องอื่นเพราะเธอจะให้เซียวไน่มาทนทรมานกับเธอแบบนี้ไม่ได้
ด้วยเหตุนี้เองเธอจึงไม่อาจจะลังเลได้อีกต่อไป เธอจะต้องปกป้องตนเองและเซียวไน่เอาไว้ก่อน
ประธานหลี่ชะงักลงเล็กน้อย ลูกน้องของเขาหยิบโทรศัพท์มือถือของซูย้าวออกมาแล้วทำการปลดล็อกลายนิ้วมือ ก่อนจะเลื่อนไปหารายชื่อผู้ติดต่อที่มากมาย เป็นจริงดังนั้นเขาหาคำว่า “อานเจียเย้น” เจอ
ลูกน้องของเขายื่นโทรศัพท์มือถือไปให้ เมื่อประธานหลี่ส่องสายตาไปดูก็ต้องผงะอย่างเหลือเชื่อ เขาโยนโทรศัพท์มือถือของเธอทิ้งไปดังสนั่นลั่นหู
“แม่งเอ๊ย แกคิดว่าฉันจะเชื่อแกหรือไง นังผู้หญิงนี่……” เมื่อเขาพูดจบก็ยกมือขึ้นหันไปทางซูย้าว ขณะที่กำลังจะเตรียมตบลงไปบนหน้าของเธอ โทรศัพท์อีกเครื่องหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะน้ำชาก็ดังขึ้น
เสียงรบกวนของสายรอเข้าทำเสียจนประธานหลี่ตัดสินใจวางมือลงแล้วหันกลับไปมองดู เมื่อพบว่าบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของเซียวไน่ปรากฏชื่อคำว่าเจียงจี้เซิงขึ้นเขาก็ผงะลงอีกครั้ง
ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่ เนื่องจากโทรศัพท์ไม่ถูกรับสายขึ้นเป็นเวลานานในที่สุดก็ถูกอีกฝ่ายหนึ่งวางสายลง
ขณะเดียวกันโทรศัพท์มือถือเครื่องที่ถูกประธานหลี่โยนทิ้งไปก็ดังขึ้นเช่นกัน
บอดี้การ์ดคนหนึ่งรีบเข้าไปหยิบมันขึ้นมาและดูที่หน้าจอโทรศัพท์ เขาอดไม่ได้ที่จะชะงักลง จากนั้นยื่นโทรศัพท์ให้แก่ประธานหลี่
“ตาแก่โสดลูกสาม” ชื่อที่บันทึกเอาไว้นี้ช่างธรรมดาเหลือเกิน เมื่อประธานหลี่เห็นดังนั้นก็แค่หัวเราะออกมาเบาๆ แล้วโยนโทรศัพท์ทิ้งไปหันไปทางเซียวไน่
เขาดึงผมของเซียวไน่อย่างแรง เพื่อบังคับให้เธอมองมาทางตน “แกรู้จักเจียงจี้เซิงเหรอ?”