ตอนที่ 24 : การคาดเดาของมาร์คและชะตากรรมของผู้รอดชีวิตในโซนสินค้าไอที
เวลา 12.03 นาที – ดาดฟ้าห้างสรรพสินค้าบาคัวร์
ทุกคนมานั่งรวมกันเป็นวงกลมเพื่อพูดคุยและตัดสินใจกันว่าควรทำอย่างไรต่อไปดี ในขณะที่เก้าอี้นั้นไม่พอนั่ง เหล่าผู้หญิงนั้นก็ได้นั่งเก้าอี้กันคนละตัว ในขณะที่ฝ่ายผู้ชายยกเว้นมาร์คนั้นนั่งลงบนกล่องเปล่าที่อยู่ที่พื้น
“ตอนนี้แผนของพวกคุณมีอะไรบ้าง?”
เบอนาร์ดถามกลุ่มหนุ่มสาวนี้เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับกลุ่มพวกเขานั้นน่าทึ่งสำหรับเบอนาร์ดมาก แต่ไม่สำหรับลูกชายของเขาและแคลวิน และซาริยาที่ยังไร้เดียงสาอยู่ ทุกๆคนหันไปมองที่มาร์คเหมือนกับว่าพวกเขาได้เตรียมแผนเอาไว้แล้ว
“อ้าว ทำไมพวกคุณมองมาที่ผมล่ะ?” มาร์คถอนหายใจ
“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันแค่…”
แองเจหัวเราะแห้งๆออกมาในขณะเดียวกันเสียงของเธอก็ได้เงียบลงไป พวกเขาทุกๆคนนั้นค่อยๆเบนสายตาออกมาจากมาร์ค ยกเว้นแค่เหมย
ไม่มีใครอยากที่จะยอมรับแต่พวกเขาเองนั้นก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อและมาร์คผู้ซึ่งดูไม่สะทกสะท้านอะไรเมื่อเขาได้จัดการกับฝูงซอมบี้และพาคนในกลุ่มมาไกลได้ถึงขนาดนี้ เขาอาจจะมีวิธีว่าควรทำอย่างไรต่อ
คนเดียวที่ดูเหมือนว่าต้องการที่จะทำอะไรบางอย่างก็คือเฟอร์นาน แต่เขาก็รู้ตัวว่าเขาอาจจะไม่มีความสามารถพอที่จะทำ
เบอนาร์ดและมาร์คมองไปที่เฟอร์นานในเวลาเดียวกัน ในขณะที่เฟอร์นานดูกระวนกระวายใจและคิดอะไรบางอย่างอยู่ จากนั้นเฟอร์นานอยู่ๆก็ดีดนิ้วขึ้นมา
“ฉันอยากกลับเข้าไปข้างใน ฉันอยากไปโซนขายสินค้าไอที”
ทุกๆคนเข้าใจว่าทำไม เบอนาร์ดและคนที่เหลือได้ยินเกี่ยวกับเรื่องราวของพวกเขา พวกเขาจึงเข้าใจเหตุผลของเฟอร์นาน
แต่มาร์คก็โพล่งออกมา
“นั่นมันจะยากมาก”
ทุกๆคนต่างพยักหน้าเป็นการเห็นด้วย วิธีเดียวที่พวกเขาสามารถกลับไปที่โซนขายสินค้าไอทีได้ตอนนี้ก็คือกลับไปที่ทางเดินข้างหลังซึ่งเป็นที่ที่พวกเขาเพิ่งได้เผชิญหน้ากับพวกซอมบี้มา
เมื่อมาร์คได้ลองคิดทบทวนแล้วเขาจึงพูดออกมา
“อย่าเข้าใจผิดนะ ฉันไม่ได้พูดถึงซอมบี้ที่อยู่ข้างหลังทางเดิน ฉันได้จัดการกับพวกมันไปแล้ว”
“นายหมายความว่าไง?”
เฟอร์นานเริ่มมีลางสังหรณ์ไม่ดีเกี่ยวกับสิ่งที่มาร์คกำลังจะพูด
“โซนสินค้าไอทีนั้นตอนนี้เต็มไปด้วยฝูงซอมบี้หมดแล้ว” มาร์คพูดอย่างใจเย็น
ทุกๆคนต่างก็ช็อคและเฟอร์นานรู้สึกเหมือนฟ้าผ่ากลางตัวเขา เขาถามมาร์คกลับไปด้วยเสียงที่สั่น
“ดะได้ยังไงกัน..?”
“นายแน่ใจเรื่องนี้แล้วหรอ?” เบอนาร์ดถามด้วยความกังวลเช่นกัน
“ร้อยเปอร์เซ็นต์ จริงๆแล้วซอมบี้ที่เราได้เผชิญหน้ากับมันมาตรงทางออกโรงหนังมันมาจากโซนสินค้าไอทีน่ะแหละ หลักฐานล่ะก็…”
มาร์คมองไปที่แองเจ
“จำซอมบี้ตัวยักษ์นั่นได้มั้ย?”
“จำได้สิ มันดูน่าขยักแขยงมาก ไขมันของมันเด้งไปเด้งมาตอนที่มันกำลังวิ่ง แหวะ”
แองเจดูท่าทางเหมือนจะอ้วกเมื่อเธอได้นึกถึงซอมบี้ยักษ์ตัวนั้น
“เขาน่าจะเป็นคนที่ปิดประตูโซนสินค้าไอทีไม่ให้พวกเราเข้าไปนั่นแหละ มันดูจำยากหน่อยน่ะเพราะเสื้อผ้าของมันก็ขาดรุ่งริ่งแบบนั้น และร่างกายของมันก็ขยายใหญ่ขึ้น แต่ฉันแน่ใจแน่ๆว่าเป็นเขา ชายอ้วนที่มีบอดี้การ์ดของเขามาด้วยน่ะ”
“นั่นมันน…”
เฟอร์นานทำหน้าตาบึ้งตึง เขาจำชายอ้วนนั่นได้ แต่เขาไม่เห็นว่าชายอ้วนนั่นในสภาพที่เขาแปลงร่างเป็นซอมบี้แล้ว เนื่องจากเขาไม่หันกลับไปดูเลยในตอนที่เขานั้นต้องหนีซอมบี้เพื่อที่จะไปทางออกฉุกเฉิน
แต่แปลกที่เมื่อมาร์คพูดถึง ‘ชายร่างอ้วนที่มีบอดี้การ์ดตามมาด้วย’ ทั้งแองเจและพอลลาต่างก็กระทุ้งขาใส่กันอยู่ที่เก้าอี้ของพวกเธอ
มาร์คมองไปที่เธอสองคนด้วยสายตาที่เหมือนว่าเขานั้นได้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น มาร์คมองท่าทางของพวกเธอ และถ้าหากเหตุการณ์นี้เป็นการ์ตูนอนิเมะ เขามั่นใจได้ว่ามันจะมีแสงออร่าสีดำประกายออกมาจากพวกเธอทั้งสองคน เหล่าพวกผู้ชายต่างก็ประหลาดใจกับท่าทางของแองเจและพอลลา แต่เรายาห์มองไปที่เธอสองคนด้วยสายตาราวกับว่าเธอเข้าใจและสงสารพวกเธอสองคน
พวกเธอสองคนรู้ตัวว่าได้ทำปฏิกิริยาที่ไม่ควรออกไป แองเจและพอลลาก็ได้ขอโทษ แต่บรรยากาศหม่นๆก็ยังไม่หายออกไปจากแองเจและพอลลา
จากนั้นมาร์คก็ได้พูดขึ้นมา ซึ่งทำให้แองเจกับพอลลาต่างตกใจ
“เขาเป็นเหตุผลใช่มั้ย?”
“เหตุผลอะไร?” โจเซฟได้ถามออกไป
แองเจและพอลลาก็ได้มองไปที่มาร์คอย่างเงียบๆ
“ชายอ้วนนั่นคือเหตุผลที่ทำไมกลุ่มนักเรียนเหลืออยู่แค่แองเจและพอลลา”
ทั้งแองเจและพอลลาก็ได้สั่นสะท้ายเมื่อมาร์คพูดออกมา ในขณะที่เรห์ยาก็พยักศรีษะไปด้วย เมื่อเห็นว่าคนอื่นๆต่างก็สับสน มาร์คจึงตัดสินใจที่จะพูดออกไป
“เมื่อตอนที่ซอมบี้เข้ามาในห้างและทุกๆคนกำลังวิ่งหนีลงไปที่บันไดเลื่อน ฉันเห็นพอลลาและแองเจ” มาร์คชี้ไปที่เธอสองคนที่กำลังกุมหัวตัวเองกันอยู่
“ฉันคิดว่า…น่าจะมีพวกนักศึกษาอยู่ประมาณหกหรือเจ็ดคน ฉันเห็นกลุ่มนักศึกษาท่ามกลางเหล่าผู้คนที่กำลังพากันหนี”
ทุกคนในกลุ่มหันไปมองที่แองเจและพอลลา พวกเขาต่างก็ไม่รู้ที่จะพูดอะไร พวกเขาเพียงแค่อยากรู้เรื่องราวแต่ก็ไม่เหมาะไม่ควรที่จะให้แองเจและพอลลาเล่าออกมา มากไปกว่านั้นมันอาจจะเป็นการตอกย้ำเรื่องราวแย่ๆต่อแองเจและพอลลา
บรรยากาศก็ได้ข่มขื่นขึ้นอีกครั้ง
มาร์คพูดออกมาโดยที่ไม่ได้คำนึงถึงจิตใจของพวกเธอสองคน
“พอลลาดูไม่เป็นไรนะ แต่หน้าตาที่เศร้าหมองนี้ดูไม่เข้ากับเธอเลยแองเจไลน์”
เธอทั้งสองคนต่างก็มองหน้ามาร์คด้วยความสับสนในสิ่งที่เขาพูดออกมาแบบนั้น คนอื่นๆก็เช่นกัน
“นายหมายความว่าไง?” แองเจตอบกลับไป
“เธอดูน่าเกียจ” มาร์คยิ้มออกมาด้วยความชั่วร้าย
หลังจากนั้นแองเจก็ได้ลุกขึ้นยืนและตะคอกใส่มาร์ค
“ใครบอกว่าฉันน่าเกียจกัน!!!”
สถานการณ์ก็ยังตกอยู่ในความเงียบและมาร์คนั้นก็ยังทำหน้ายิ้มระรื่นอยู่
“ฮิฮิฮิฮิ”
อยู่ๆก็มีเสียงหัวเราะคิกคักของใครบางคนออกมา พวกเขาหันไปมองหายังต้นเสียงนั้น และเห็นว่าพอลลาได้หัวเราะคิกคักอยู่กับเก้าอี้
“พอลลา? อะไรกัน? เธอขำอะไร?”
“โทษทีนะ แต่มันช่วยไม่ได้จริงๆ” พอลลาตอบกลับไปพร้อมกับเอามือปาดน้ำตาที่เกิดจากการหัวเราะออกจากใบหน้า
มาร์คมองเหตุการณ์นี้ด้วยความขบขัน
ในขณะที่คนอื่นๆก็ได้สับสนมึงว่าบรรยากาศอันน่าขมขื่นนั่นหายไปไหนแล้ว เบอนาร์ดมองไปที่มาร์ค
‘สุดยอดจริงๆ’ เบอนาร์ดคิดพร้อมมองไปที่มาร์คราวกับว่ามาร์คนั้นคือแสงสว่างของกลุ่ม
แค่ประโยคธรรมดาๆแบบนั้น มาร์คก็สามารถทำให้แองเจและพอลลาผ่อนคลายขึ้นมา
แองเจและพอลลาต่างก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในขณะที่พวกเธอเงียบไปอีกครั้ง แองเจยังคงทำหน้าตาทมึงตึงใส่มาร์ค
“กลับมาที่ประเด็นโซนสินค้าไอทีกันเถอะ”
ทุกๆคนกลับมาจริงจังกันอีกครั้ง
มาร์คมองไปที่เฟอร์นาน
“นายยังคงกังวลถึงสองคนนั้นอยู่ใช่มั้ย พวกเขาเป็นญาติของนายนิ?”
เฟอร์นานพยักหน้า
“มันยังมีโอกาสอยู่ว่าพวกเขาจะไม่เป็นไร หากพวกเขาทำตามคำแนะนำที่ฉันบอกอย่างถูกต้อง”
“คำแนะนำ? อย่าบอกนะว่าคุณคาดหวังว่าสิ่งนั้นจะเกิดขึ้น? ทั้งๆที่โซนสินค้าไอทีนั้นจะเต็มไปด้วยฝูงซอมบี้แล้ว?” เบอนาร์ดมองไปที่มาร์คเหมือนว่ามีคำถาม
“ขอร้องล่ะ ขอแค่คำถามเดียว ก็ได้ ไม่ว่ายังไงฉันจะตอบพวกเขา” มาร์คกล่าว
“เกี่ยวกับคำแนะนำที่ฉันบอกน่ะ พวกเขาอาจจะบอกนายไปแล้วว่าเราถูกห้ามไม่ให้เขาไปยังโซนสินค้าไอทีและรวมถึงวิธีที่ฉันใช้สื่อสารกับญาติของเขาใช่มั้ย?”
เบอนาร์ดพยักหน้า
“ข้อความสุดท้ายที่ฉันบอกพวกเขาคือคำแนะนำที่พวกเขาจะต้องทำตาม”
“พาคนที่อยู่ที่ชั้นนี้ และหาสถานที่ซ่อนตัว อย่าออกมาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และจำเอาไว้ให้ดีว่าอย่าพาใครมาจากชั้นล่าง” พอลลาสะดุ้งขึ้นมา
“พอลลาจำได้สินะ?”
“ใช่ ฉันอยู่ข้างหลังเธอตอนนั้นและฉันเห็น เพราะอย่างนั้นนี่คือเหตุผลว่าทำไมนายบอกพวกเขาว่าพวกเขาอาจจะตายถ้าพวกเขาไม่ทำตามที่นายบอก”
“ใช่แล้ว นี่ก็เป็นการตอบคำถามี่สองด้วย อย่างไรก็ตาม ฉันก็ไม่แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกนะว่าพวกเขาจะรอด‘ มาร์คจ้องไปที่เบอนาร์ด
“ถ้าอย่างนั้นมันเกิดอะไรขึ้น? นายคิดไว้อยู่แล้วงั้นหรอว่าพวกซอมบี้จะสามารถเข้าไปในโซนสินค้าไอทีได้?” โจเซฟถามขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าเขานั้นอยากรู้มากเหลือเกิน
“ไม่ นายผิดดแล้ว ฉันคิดไว้อยู่แล้วว่าพวกซอมบี้จะโจมตีพวกเขา แต่ไม่ใช่ซอมบี้ที่อยู่ข้างนอก”
มาร์คยิ้มอย่างร้ายกาจออกมา
“พวกซอมบี้นั้นมันมาจากข้างใน”
ทุกๆคนนั้นก็ตกใจ
“มันเกิดขึ้นได้ยังไง?”
“ก็… ฉันไม่แน่ชัวร์กับเรื่องนี้หรอกนะ ด้วยจำนวนของผู้คนที่มาจากชั้นล่างที่พยายามเข้าไปในโซนสินค้าไอที ฉันคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีคนที่ถูกกัดอยู่บ้าง”
“เดี๋ยวนะ”
มาร์คมองไปที่แองเจ
“พวกเราเห็นคนที่โดนกัดกลายร่างเป็นซอมบี้โดยเกือบจะทันทีทันใด และพวกเพื่อนๆของฉันก็เช่นกัน..”
ดูเหมือนว่าแองเจนั้นจะข้องใจอะไรบางอย่าง
“งั้นบอกฉันมาทีว่าส่วนไหนของร่างกายที่พวกเขาโดนกัด”
“อืมมม… คอ ไหล่ หน้า แขน” แองเจพูดออกมาด้วยอาการสั่นไหว
“เอาจริงนะ อย่าไปพยายามนึกถึงว่าพวกเขาโดนกัดแล้วเป็นสภาพอย่างไร ฉันแค่ถามเธอว่าพวกเขาโดนกัดตรงไหนบ้าง”
“โอเค ฉันคิดว่ามีแค่นั้นแหละ”
“แล้วก็มีคนที่โดนกัดตรงขาและร่างกายด้วยเช่นกัน” พอลลากล่าว
“ฉันเดาว่าคนที่โดนกัดที่แขนและขาน่าจะโดนกัดไปหลายต่อหลายครั้ง หรือไม่ก็โดนกัดส่วนอื่นๆของร่างกายไปด้วย”
ทั้งแองเจและพอลลาพยักหน้า
“เหตุผลของฉันจริงๆแล้วมาจากวิดิโอเกมบางอย่าง ถ้าหากระยะเวลาที่คนจะแปลงร่างเป็นซอมบี้นั้นต่างก็ไม่เหมือนกันล่ะ ขึ้นอยู่ว่าส่วนไหนของร่างกายที่พวกเขานั้นโดนกัด”
ทุกคนๆได้ฟังมาร์คอย่างตั้งอกตั้งใจ
“จากที่พวกเธอสองคนบอก พวกเขากลายร่างทันทีทันใด แต่รอยกัดของพวกเขานั้นก็อยู่ใกล้กับศรีษะ หรือไม่พวกเขาก็โดนกัดมาหลายครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเขาโดนกัดที่มือหรือที่เท้า หรือแม้กระทั่งปลายนิ้ว พวกเขาจะกลายร่างเป็นซอมบี้ทันทีเลยมั้ยนะ?”
“นั่นเป็นไปได้หรอ?”เบอนาร์ดกล่าว
“ฉันคิดว่านั่นเป็นไปได้นะ”
“ฉันคิดว่าที่มาร์คพูดนั้นเป็นไปได้”
เรห์ยาอุทานขึ้นมา
“ก่อนหน้านี้ฉันเห็นผู้หญฺิงคน เธอถูกจับโดยซอมบี้และถูกกัดเข้าไปที่ข้อเท้าซ้ายของเธอ เธอก็ยังคงวิ่งหนีต่อด้วยรอยกัดนั้น เพราะว่ามีบางคนช่วยเธอไว้ และเธอก็ไม่ได้กลายร่างเป็นซอมบี้โดยทันที จนกระทั่งฉันได้พลาดสายตาไปจากเธอ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เรห์ยากล่าว ทุกๆคนก็เริ่มคิดว่าสิ่งที่มาร์คพูดนั้นดูมีเหตุผล
จากนั้นโจเซฟก็ได้ถามคำถามขึ้นมา
“ถ้าอย่างนั้น นายรู้แบบนั้นอยู่แล้ว ทำไมนายไม่บอกกับทุกๆคนในนั้นไปว่าอาจจะมีคนที่อยู่ข้างในที่โดนซอมบี้กัดไปแล้ว และอาจจะกลายร่างตอนไหนก็ได้?”
นั่นเป็นคำถามที่สามารถวัดมุมมองของทุกๆคนที่มีต่อมาร์คได้เลยในสถานการณ์ที่เลวร้ายแบบนี้