ตอนที่ 23 : อะดรีนารีนทำงาน
มาร์คยังคงนั่งอยู่อย่างนั้นมาได้ประมาณยี่สิบนาที ในตอนนั้นเองเขาก็ได้อดทนกับความเจ็บปวดและอาการวิงเวียนศรีษะ ในขณะเดียวกันก็รอที่จะให้ยาที่กินเข้าไปได้ออกฤทธิ์
เขาพยายามหายใจเข้าออกลึกๆเพื่อให้ร่างกายของเขาสงบลง จริงๆแล้วความเจ็บปวดในร่างกายของเขา เขานั้นไม่ได้สนใจอะไรกับมันมากเท่าไหร่เพราะเขาชินชากับมันไปแล้ว แต่ครั้งนี้มันค่อนข้างหนักเกินไปหน่อย
‘ฉันคงฝืนตัวเองเกินไปสินะ’ เขาคิด
‘นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้รู้สึกแบบนี้? จำแทบไม่ได้ไปแล้ว’
มีแค่ครอบครัวของเขาเท่านั้นที่รู้ว่ามาร์คเอาแต่ขังตัวไว้ในบ้าน เขาจะออกจากบ้านมาเฉพาะแค่เวลาต้องการซื้อของ หรือธุระสำคัญ เช่นจ่ายบิลต่างๆ เพราะแบบนี้ เขาก็ไม่เคยได้ออกกำลังกาย สุขภาพและความแข็งแรงของเขาก็เลยอยู่ต่ำกว่ามาตราฐาน
แต่อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์หายนะนี้ขึ้น เขาก็เริ่มก้าวข้ามขีดจำกัดความสามารถและความแข็งแรงของตัวเองไปแล้ว
ทั้งหมดนั้นเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่เขาอยู่ประถมสี่ เขาถูกหมอวินิจฉัยว่าไตติดเชื้อตั้งแต่อายุยังน้อย และเขาต้องเข้าๆออกๆอยู่ที่โรงพยายาลเป็นอาทิตย์
หลังจากเขารักษาอาการติดเชื้อในไต เขาสังเกตุได้ว่าหัวใจของเขาเริ่มที่จะเต้นแรงขึ้นและมีอาการเจ็บทุกๆครั้งในเวลาที่เขาตื่นเต้นหรือปั่นป่วน เขาคิดว่านั่นเป็นอาการของโรคหัวใจตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก แต่เขาได้ไปตรวจที่โรงพยาบาล แต่ผลปรากฏว่าเขานั้นไม่ได้เป็นโรคหัวใจ
เขามีอาการแบบนั้นมาหลายปีทำให้เขาชินชากับสถานการณ์อะไรแบบนี้ไปแล้ว และเขาเรียนรู้ว่าเขาต้องทำให้ตัวเขาเองนั้นสงบลงให้ได้ เขาพยายามหายใจเข้าๆลึกและควบคุมอารมณ์เพื่อที่จะให้หัวใจของเขากลับไปเต้นได้ปกติ ตั้งแต่การเต้นของจังหวะหัวใจของเขาได้เริ่มเปลี่ยนไปในระยะเวลาที่ยาวนาน มันทำให้เขาชินและไม่เจ็บปวดอีกแล้ว อีกทั้งมันยังทำให้เขากลายเป็นคนไร้สีหน้าทางอารมณ์ไปด้วย
อย่างไรก็ตาม มันทำให้เขารู้ว่า
เขาไม่ใช่คนที่ชอบเล่นกีฬาและกีฬาชนิดเดียวที่เขาสนใจก็คือศิลปะการต่อสู้ ฟุตบอล และเบสบอล อีกทั้งเขาไม่เคยได้รับโอกาสที่จะได้เล่นกีฬาเหล่านั้น จนกระทั่งช่วงชีวิตมหาลัยซึ่งเขาได้เข้าชมรมฟุตบอล เขาพยายามฝึกฝนและพัฒนาทักษะ แต่เขาก็ไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง
ระหว่างช่วงฝึกซ้อม มีหลายครั้งที่เขาที่เขาจริงจังกับมันและหัวใจของเขาก็เริ่มเต้นเร็วขึ้นและแข็งแรงขึน
จนกระทั่งวันหนึ่ง
ระหว่างการฝึกซ้อม เมื่อการเต้นของหัวใจของเขาได้เปลี่ยนไปในขณะที่เขาตั้งใจใช้สายตาในการไล่บอลมากเกินไป เพื่อนร่วมทีมของเขาเตะลูกบอลผิดตำแหน่งและลูกบอลพุ่งเข้าไปในตำแหน่งตรงหน้าเขา
ด้วยความแรงที่เตะลูกบอลออกไปนั้น ตำแหน่งและความเร็วของลูกบอลพุ่งผ่านเขาไป โดยที่เขานั้นไม่สามารถทำอะไรได้
และมันก็เกิดขึ้น
ในขณะนั้นหัวใจเขาเริ่มเต้นแรงขึ้น สายตาและการเพ่งเล็งต่อลูกบอลใบนั้นของเขาก็ได้คมชัดกว่าเดิม เหมือนกับเป็นภาพสโลวโมชัน จนกระทั่งลูกบอลนั้นหยุดเคลื่อนที่ลงตรงข้างหน้าเขา เลือดในร่างกายของเขาเริ่มเดือดขึ้นและเขารู้สึกว่าพลังงานในร่างกายของเขาก็เริ่มทำงานจนเขาต้องเตะลูกบอลนั่นออกไปเต็มแรง โดยที่เขาก็ไม่รู้ว่าพลังเหล่านั้นมันมาจากไหน ลูกบอลนั้นถูกฝีเท้าของเขาเตะไปอย่างเต็มแรงเหวี่ยงจนมันพุ่งออกไปอย่างไกล เขาจำได้ว่าการเตะของเขาครั้งนั้นคือครั้งที่ดีที่สุดในสถิติของความเร็วและระยะทาง เหมือนกับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผ่าน เหมือนกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นใช้เวลาไปหลายนาที แต่ในความเป็นจริง สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นใช้เวลาไปไม่ถึงวินาทีนึงด้วยซ้ำ
หลังจากที่เขาเตะลูกบอลออกไป เขายืนอยู่ท่ามกลางความตกใจของทุกคน สมาชิกในชมรมต่างก็ตกใจเช่นกัน แต่สิ่งที่เขาทำนั้นมันผิดกติกาเพราะเป็นลูกฟลุ๊ค แต่สำหรับเขามันมีความหมายมากกว่านั้น
จากนั้นเขาก็ฝึกซ้อม พยายามปลุกเร้าการเต้นของหัวใจของเขาโดยการควบคุมอารมณ์และประสาท แต่ไม่นานเนื่องจากการที่เขาต้องใช้เวลาในการทำธีสิสให้เสร็จและตั้งใจกับการเรียน เขาจึงออกจากชมรม
แม้หลังจากเขาจบการศึกษาแล้วเขาก็ฝึกซ้อมต่อไปอีกประมาณสองสามปี เขาก็ถึงจุดที่เขาทำสำเร็จ เขาสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของเขาได้และใช้เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาต้องการ เขาแค่จะใช้มันตอนที่เขาเล่นเกมที่ยากๆ หรือเมื่อตอนที่เขาอยู่ฝ่ายแพ้
มาร์คก็ได้เรียนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขา
มันเป็นอะดรีนารีนที่สั่งสมอยู่ในร่างกายเขาเนื่องจากการฝึกซ้อมที่ทำมาหลายปี จนเขาสามารถควบคุมตัวเองได้
ถึงอย่างนั้น มันไม่ได้แปลว่าจะได้มาโดยไม่มีจำกัดหรือไม่มีผลข้างเคียง เขาจะรู้สึกไม่เป็นอะไรระหว่างเวลาที่ควบคุมตัวเอง ขึ้นอยู่กับว่านานแค่ไหน และกิจกรรมนั้นเยอะแค่ไหน หรือเน้นส่วนไหนของร่างกายเป็นพิเศษ ถ้าหากมากเกินไปร่างกายของเขาจะเกิดการกระตุกขึ้นมา
อาการที่เขาวิงเวียนศรีษะ และง่วงซึม หรือปวดหัวจนถึงอาการปวดกล้ามเนื้อและกล้ามเนื้อกระตุก เขาจะเจออาการแบบนั้นได้ขึ้นอยู่กับวิธีที่เขาดึงความสามารถของเขาออกมาใช้
เมื่ออะดีนารีนของเขาสูบฉีดขึ้นในขณะที่เขาเล่นเกม สายตาของเขาจะดูเหนื่อยล้าและแขนของเขาจะชาไปทันที
และมันก็ได้เกิดขึ้นตั้งแต่เขาเจอพวกซอมบี้ที่อยู่ข้างล่างนั่น เมื่อตอนที่เขาอยู่ที่ชั้นสองของห้าง เขาเริ่มรู้สึกตื่นเต้นและความสามารถพิเศษสัญชาติญาณของเขาก็เกิดขึ้นมาโดยที่เขาไม่รู้ตัว สัญชาติญานของเขายังคงทำงานอยู่เรื่อยๆ ตราบใดที่สิ่งอันตรายยังคงอยู่รอบตัวเขา
ในตอนนี้ที่เขามาถึงยังที่ที่ปลอดภัยแล้ว อะดรีนารีนในร่างกายของเขาก็ได้ลดลง
จากนั้นตัวของเขาก็ได้สั่นกระตุก
โชคดีที่เขานั้นนำยาสำหรับผ่อนคลายกล้ามเนื้อและยาแก้ปวดหัวมาด้วย
แม้ว่ามันจะมาพร้อมกับอาการสั่นกระตุกและแน่นอนว่าผลข้างเคียงจะแย่ลงในระยะยาว แต่มันเป็นหนึ่งในเรื่องที่ไม่ปกติของเขาที่เขาสามารถเอาไปคุยโวได้
***
ความเจ็บปวดเริ่มลดลงไปมากแล้ส มาร์คเริ่มลืมตาขึ้นมา และยาของเขาก็น่าจะเริ่มออกฤทธิ์
เขามองไปที่เหมยที่นั่งอยู่ข้างๆเขาและเขาเองก็ไม่รู้ว่าควรทำยังไงกับเธอ มาร์คไม่เคยได้รับความเป็นห่วงเป็นใยขนาดนี้จากใครมาก่อน เพราะอย่างนั้นเขาเลยไม่ชิน เหมยนั้นมีอาการและสีหน้าราวกับว่าฟ้าจะถล่มเมื่อเขามองดูมาร์คที่มีอาการไม่สู้ดี
ทั้งสองคนนั้นต่างก็ได้จ้องตากัน มันทำให้ริมฝีปากเขายิ้มขึ้นมาได้บ้าง
“ฉันไม่สามารถละเลยกระต่ายผู้อ่อนแอนี้ไปได้เลย”
มือของเขาก็ได้ลูบหัวเหมยไปด้วย
เหมยพยักศรีษะไปด้วยและช่วยพยุงมาร์คยืนขึ้น และทั้งคู่เดินตรงไปหากลุ่มของพวกเขา
กลุ่มของเขามองไปที่มาร์คที่กำลังเดินไปหาเขา แม้ว่าเขาจะเหนื่อยล้า เจ็บปวด และอ่อนแอจะเห็นได้ชัด เขาค่อยๆเดินไปตรงไปพวกกลุ่มของเขาเหมือนกับว่าเขาไม่เป็นอะไร
แต่ก่อนที่มาร์คและเหมยจะเดินไปถึง แองเจก็ได้กระโดดเข้าไปหาทั้งคู่
“เฮ้! เกิดอะไรขึ้น? พวกเราเป็นห่วงคุณแทบแย่รู้มั้ย ?”
“เธอใกล้เกินไปนะ”
มาร์คได้จับตัวเธอออกห่างไป
“มือของคุณสกปรกอยู่นะ!”
“พูดอะไรน่ะ? ฉันเอามือเช็ดเสื้อไปเรียบร้อยแล้ว”
“ฮึ่มมม!”
แม้ว่าแองเจจะบ่นไปด้วย แต่เธอนั้นก็ได้ยิ้มออกมาเช่นกัน
ส่วนฝั่งของเบอนาร์ด โจเซฟ และแคลวิน นั้นไม่คุ้นเคยกับมาร์ค คนในกลุ่มที่เหลือก็ได้ตามแองเจมาอยู่รอบๆตัวของมาร์ค
เฟอร์นานเข้าไปกอดเขาอย่างมีความสุข แต่ก็ได้ถอยออกไปทันทีหลังจากที่มาร์คบ่นว่าเจ็บ
เรยาห์อุ้มลูกสาวของเธอ ซาริยาแค่ยืนอยู่ๆข้างและก็ได้ยิ้มไปด้วย
จากนั้น พอลลาก็เข้าไปหาเขาพร้อมกับพูดว่า
“ดีใจที่ได้เจอคุณอีกนะ” เธอกล่าว
มาร์คถึงกับตัวแข็งทื่อ
เขาไม่เคยคาดหวังว่าจะได้ยินคำพูดอะไรแบบนี้มาก่อน แม้กระทั่งกับคนในครอบครัวของเขาเองก็ไม่เคยพูดอะไรแบบนี้กับเขา
เขารู้สึกอบอุ่นใจอยู่ข้างใน จากนั้นเขาก็ได้ตัดสินใจที่จะตอบกลับไป
“ใช่ ฉันกลับมาแล้ว”
จากนั้นมาร์คก็ได้มองไปที่กลุ่มชายสามคนที่อยู่ข้างหลังพวกเขา
“พวกเขาเป็นใครกัน”
เบอนาร์ดเดินเข้ามาหา
“ฉันชื่อเบอนาร์ด ยินดีที่ได้รู้จักนะ พวกเราได้ยินเรื่องราวของนายจากพวกเขามาบ้าง”
จากนั้นเบอนาร์ดก็ได้ยื่นมือขวาของเขาเข้าไปหามาร์ค มาร์คจับมือกับเขาเพื่อเป็นการแนะนำตัว
จากนั้นคนอื่นๆก็ก็เข้ามาแนะนำตัวกับเขาและเหมย
“พวกเราได้แนะนำตัวพวกเราไปแล้ว! ทีนี้ถึงตาคุณสองคนแล้ว!”
แองเจที่ไร้ความอดทนพูดโพร่งออกไป
มาร์คชำเลืองมองไปที่เหมยที่ซ่อนอยู่ข้างหลังก่อนที่จะมองกลับมาหาพวกคนอื่นๆ
“หญิงคนนี้ชื่อเหมย และฉันก็ชื่อมาร์ค”
“นายจะไม่บอกนามสกุลนายหน่อยหรอ?” แองเจเริ่มแสดงอาการอยากรู้อยากเห็นออกมา
“ฉันไม่จำเป็นต้องบอกขนาดนั้นนิ ใช่มั้ย? มันไม่ได้สำคัญอะไร”
“นี่มันไม่แฟร์นะ!”
“มันก็แค่เธออยากรู้อยากเห็นเรื่องของฉันแค่นั้นใช่มั้ย?”