Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 130

ตอนที่ 130 ความระส่ำระสายของตระกูลหยวน

สามวันต่อมา

ศพของหยวนหัวถูกส่งกลับไปยังซ่งเจียงพร้อมข่าวการเสียชีวิตที่แพร่กระจายไปทั่วบริษัท เหล่าผู้บริหารระดับสูงต่างเสียใจและโกรธแค้นต่อการจากไปของเขา ความคิดมากมายผุดขึ้นในสมองอย่างรวดเร็ว

ภายในห้องประชุมใหญ่ของคฤหาสน์เริงรมย์ ชายวัยกลางคนสั่นขาด้วยท่าทางผ่อนคลาย คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากัน “จับไอ้เฒ่าหม่าเพื่อแก้แค้นแค่คนเดียวไม่พอหรอก เราต้องจัดการกับตํารวจสองคนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเฒ่าหลี่ และหม่าเหลาเอ๋อด้วย!”

ห้องประชุมเงียบไปครู่หนึ่งก่อนเด็กหนุ่มกล่าวตอบรับ “พี่เทียน จริงอยู่ที่พวกเราต้องล้างแค้นให้ลูกพี่หยวนและกวาดล้างศัตรู แต่จนถึงตอนนี้เรายังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นเท่าไหร่เลย”

ชายวัยกลางคนนั้นคือจางเทียน เขาเป็นทหารผ่านศึกที่ไม่นานมานี้เคยมีข่าวลือหนาหูว่าเขาไม่พอใจมติของบริษัทหลายข้อ อีกทั้งก่อนหน้านี้หยวนหัวได้ให้การดูแลหยงตงซึ่งแว้งกัดเขาในภายหลัง ด้วยเหตุนี้เขาจึงพยายามหลีกเลี่ยงกิจการต่างๆ ของบริษัทและแทบไม่โผล่หน้ามาให้เห็น

จางเทียนรับฟังคําพูดของเด็กหนุ่มเงียบๆ พร้อมก้มลงจุดบุหรี่

“ใช่ ฉันรู้พวกเราต่างรู้สึกแย่ต่อการจากไปของลูกพี่หยวน” ชายอีกคนถอนหายใจ “แต่ยังไงก็ตามบริษัทยังต้องเดินหน้าต่อ ลูกพี่หยวนไม่อยู่ตรงนี้แล้ว เราคงทําได้แค่ยุติเรื่องราวมากมายไว้ชั่วคราวเท่านั้น”

จางเทียนสูบบุหรี่ต่อไปโดยไม่ออกความเห็น

เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ปัญหาใหญ่คือเราจัดการปัญหาในเฟิงเป่ยอย่างไม่เหมาะสม มีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นกับลูกชายของประธานสิง ต่อให้ผู้ร้ายเป็นคนของตระกูลหม่าแต่เราก็ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”

“เรื่องยอดขายที่ลดลงมาระยะหนึ่งก็เป็นปัญหาใหญ่ของบริษัทอยู่แล้ว ตอนนี้ยังเกิดประเด็นอื่นที่ส่งผลต่อการเป็นหุ้นส่วนระหว่างเราและบริษัทเภสัชกรรมหลงสิง ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าฝั่งนั้นจะทํางานร่วมกับเราต่อไปได้ไหม ถ้าเขาปฏิเสธการเป็นหุ้นส่วนแล้วบริษัทของเราจะเกิดอะไรขึ้น? คนที่ทํางานให้กับเราจะทํามาหากินต่อไปยังไง? ลูกพี่หยวนก็มาจากไปอย่างกะทันหัน ดังนั้นใครกันที่เหมาะสมจะรับช่วงต่อ? ที่สําคัญถ้าคลังเสบียงของเราถูกทําลายและตาเฒ่าหลี่ฉวยโอกาสปราบปรามเราในเวลานี้ พวกเราจะต่อต้านไหวหรือเปล่า?”

“อืม…นั่นก็เป็นปัญหาที่พวกเราต้องคิดให้รอบคอบ” ชายคนหนึ่งเหลือบมองจางเทียนก่อนพูดต่อ “ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทําไมเราไม่ได้รับแจ้งเตือนเกี่ยวกับเหตุร้ายที่เกิดขึ้นกับลูกพี่หยวนตั้งแต่ตอนนั้น มารู้อีกที่จากเสี่ยวจิ๋วหลังจากที่ศพถูกส่งกลับมา เรื่องนี้เราควรทํายังไงดี?”

จางเทียนเขียขี้บุหรี่ทิ้งก่อนยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบและตอบคําถามนั้นอย่างใจเย็น “เฒ่าหยวนจากไปแล้ว แต่ตรงนี้ยังมีนายน้อยหยวนอยู่ อย่ากังวลเรื่องการสืบทอดตําแหน่งผู้บริหารของบริษัทนักเลย”

ทุกคนคิดตาม เสียงในห้องประชุมเงียบกริบ

ครู่ต่อมาประตูห้องประชุมจึงเปิดออกพร้อมร่างโซซัดโซเซของหยวนเค่อ

จางเทียนรีบดับควันบุหรี่และลุกขึ้นยืนพร้อมยิงคําถามทันที “หยวนเค่อ ฉันอยากรู้ว่าเฒ่าหยวน…”

“พี่เทียน พี่ชายผมตายแล้ว! เขาไม่ควรต้องมาตายแบบนี้!” หยวนเค่อประคองตัวเองไม่ไหวอีกต่อไป เขาสะดุดล้มลงกองกับพื้นและร้องไห้เสียงดัง

พี่สามรีบวิ่งเข้าประคองชายหนุ่มโดยเร็ว “มา ฉันช่วย”

จางเทียนเดินเข้ามาและยื่นมือให้หยวนเค่อจับก่อนพูดต่อ “เฒ่าหยวนไม่อยู่ตรงนี้แล้ว แต่นายยังมีเราและพี่น้องคนอื่นๆ คอยสนับสนุนนะ ถ้าจัดการงานศพของเฒ่าหยวนเรียบร้อยเมื่อไหร่เราจะเริ่มเด็ดหัวพวกมันทันที มั่นใจได้เลยว่าไม่มีปลาตัวไหนหลุดจากเบ็ดไปได้แน่!”

“พี่เทียน” หยวนเคอร้องไห้หนักขึ้นเมื่อได้ยินคําพูดเหล่านั้น

เฟิงเป่ย…บริเวณทางเข้าโรงพยาบาลในเครือของสํานักงานตํารวจ

ผู้กํากับการหลี่หันไปสนทนากับเพื่อนของเขา “ฉันว่าแล้วว่านายต้องจัดการเรื่องนี้ได้”

“เล็กน้อยนะ” อีกฝ่ายตอบพลางโบกมือ “นายไม่เข้าไปดูหน่อยเหรอ?”

“ไม่ล่ะ ฉันไม่เข้าไปดีกว่า” ผู้การหลี่ส่ายหน้า

“แล้วคืนนี้นายจะแวะไปที่บ้านของที่ปรึกษาเราไหม?” เพื่อนของเขาถามกลับ

“อืม ไปสิ” ผู้การหลี่ตอบ

“ได้เลย” อีกฝ่ายเดินไปเปิดประตูรถก่อนหันมากําชับอีกครั้ง “ หลังจากนี้ประมาณสิบนาที่สั่งให้คนของนายขึ้นไปที่ชั้นสาม แล้วฉันจะจัดการส่วนที่เหลือเอง”

“ขอบคุณมาก!”

ทั้งสองสนทนากันอยู่พักใหญ่ก่อนแยกย้ายไปทําหน้าที่ ผู้การหลี่หันกลับไปหาจู้เหว่ยพร้อมออกคําสั่ง “ฉันอยากให้นายไปพบเฒ่าหม่า จากนั้นค่อยไปพบกวนฉี”

“รับทราบครับ” จู้เหว่ยพยักหน้ารับ

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

พนักงานคนหนึ่งของโรงพยาบาลตํารวจตัดสัญญาณกล้องวงจรปิดก่อนพาจู้เหว่ยเข้าไปในห้องของเฒ่าหม่า

“อย่าลืมล่ะ คุณมีเวลาแค่ห้านาที่” เขากําชับก่อนออกจากห้องและปิดประตู

เฒ่าหม่าที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้เหลือบมองจู้เหว่ยพร้อมเอ่ยถาม “ฉินอวี่กับคนอื่นๆ เป็นยังไงบ้าง?”

“พวกเขาหนีไปได้ แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่กลับมา” จู้เหว่ยตอบตามจริง “ผมได้ยินมาว่าตอนนี้อาการของหัวหน้าฉันไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

“พวกเขาหนีไปได้ก็ดีแล้ว…” เฒ่าหม่าพยักหน้าและถามเสียงแผ่ว “ฉันเหลือเวลาอีกเท่าไหร่?”

จี้เหว่ยมองชายชราครู่หนึ่ง “ลุงหม่า ลุงมีอะไรที่ต้องการเพิ่มเติมอีกไหม? ตราบใดที่มันไม่เกินกําลังของเราผมจะรายงานเจ้านายว่าสามารถช่วยยังไงได้บ้าง”

“ฉันไม่ขออะไรมากหรอก” เฒ่าหม่ายิ้มตอบ “ถ้าเป็นไปได้ หลังหยงคงให้การเสร็จฉันอยากให้นายช่วยพาสองครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากเหตุขนยาปลอมมาที่เฟิงเป่ย”

“ลุงอยากคุยอะไรกับพวกเขาเหรอ?” จู้เหว่ยสงสัย “นั่นลําบากน่าดูเลยนะครับ”

“ฉัน..ฉันเป็นหนี้สองครอบครัวนั้นมากเกินไป พวกเขาให้ชีวิตใหม่กับฉัน” เสียงเฒ่าหม่าแหบพร่า “ถ้าไม่ได้พบพวกเขาฉันคงตายตาไม่หลับ”

จู้เหว่ยนิ่งคิดไปครู่หนึ่งจากนั้นจึงพูดขึ้น “ได้ครับ ผมจะบอกเจ้านายเกี่ยวกับเรื่องนี้!”

“ไอ้หนุ่ม ขอฉันสูบบุหรี่หน่อยสิ”

ชายหนุ่มรีบหยิบบุหรี่ไฟฟ้าออกจากกระเป๋าและวางลงบนปากของชายชรา

เฒ่าหม่าพ่นควันออกมาสองสามครั้งก่อนหัวเราะเบาๆ “ที่จริงฉันอยากเลิกนิสัยนี้มาพักหนึ่งแล้ว แต่ดูเหมือนฉันไม่จําเป็นต้องกังวลแล้วล่ะ”

จู้เหว่ยถอนหายใจเมื่อได้ยินคําพูดปลงตกเหล่านั้น เขาไม่อยากมองดูชายชราผู้ดื้อรั้นจนใกล้ถึงวาระสุดท้ายคนนี้อีกต่อไป

ห้องประชุมใหญ่ในคฤหาสน์เริงรมย์

จางเทียนปลอบใจหยวนเค่อก่อนประคองหลังเขามานั่งบนเก้าอี้ จากนั้นตัวเองจึงนั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้างๆ และถอนหายใจยาว “หยวนเค่อ ฉันรู้ว่านายเสียใจไม่น้อย แต่ตอนนี้บริษัทกําลังประสบปัญหาหนักและเราต้องการใครสักคนเป็นเสาหลักในการตัดสินใจ นายต้องเข้มแข็งเข้าไว้”

หยวนเค่อพยักหน้า สายตาจ้องไปที่พื้นอย่างเหม่อลอย

“ฉันไม่ค่อยเข้าใจเรื่องหนึ่งเท่าไหร่ ก่อนหน้านี้ไอ้โล้นโทรหาฉัน บอกว่าเฒ่าหยวนบาดเจ็บสาหัส อาการยังคงที่และกําลังนําตัวส่งโรงพยาบาลเปิงเฟยในทันที ทั้งยังกําชับไม่ให้พวกเรากังวล” จางเทียนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น “ทุกอย่างเหมือนจะดีขึ้น แต่ทําไมถึงได้ลงเอยแบบนี้”

หยวนเค่อใช้เวลาพักหนึ่งข่มความโศกเศร้าก่อนโคลงศีรษะ “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนที่ได้รับโทรศัพท์ผมตกใจมาก ความคิดเดียวในตอนนั้นคือรีบไปที่โรงพยาบาลให้เร็วที่สุด ไม่ทันคิดเรื่องอื่นเลย”

จางเทียนคิดภาพตาม “ตอนนั้นเฒ่าหยวนยังหายใจอยู่ไหม?”

“ตอนที่ผมไปถึงอาการของเขาก็ย่ำแย่มากแล้ว คืนนั้นขณะที่เขาถูกนําตัวไปที่โรงพยาบาลเฟิงเป่ย พี่ชายผมก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหว…” เมื่อเล่ามาถึงจุดนี้หยวนเค่อจึงก้มหน้าลงร้องไห้สะอึกสะอื้นอีกครั้ง

จางเทียนมองหยวนเค่อและตบไหล่เบาๆ เพื่อปลอบโยน “เอาล่ะ ฉันจะช่วยนายจัดการเรื่องต่างๆ เอง ตอนนี้เราควรจัดการงานศพของเฒ่าหยวนเสียก่อน พิธีทุกอย่างจะต้องสมเกียรติ”

หยวนเค่อพยักหน้าทั้งๆ ที่ยังสะอื้นให้ “พี่โล้นจัดการทุกอย่างแทนแล้ว เขากําลังเดินทางไปหาพี่สะใภ้”

จางเทียนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ อย่างน้อยเขาก็ควรแจ้งบริษัทเกี่ยวกับการเสียชีวิตของเฒ่าหยวนและจัดประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ? แล้วนายก็เหมาะสมที่จะเป็นประธานด้วย!”

“โธ่พี่ ตอนนี้ผมยังคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น” หยวนเค่อส่ายหน้าอย่างเศร้าสร้อย “ถ้าพี่โล้นรับปากว่าจะจัดการก็ยกภาระเรื่องนี้ให้เขาทําเถอะ ผม…ผมยังต้องการเวลาทําใจ”

“งั้นก็ตามนั้น”

จางเทียนเหลือบมองหน้าหยวนเค่อแวบหนึ่งก่อนหยิบบุหรี่อีกม้วนออกมาจากกล่องโดยไม่ใส่ใจจะโน้มน้าวอีก

ผู้การหลี่รับสายแมวเฒ่าและถามว่า “หยงตงเป็นหัวหน้าการขนยาปลอมงั้นเหรอ? ดี! ถ้าอย่างนั้นรีบส่งรายละเอียดคดีไปให้ผู้บังคับหมวดสามจัดการต่อ!”

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

บทนำ โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย… ‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม! ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้… ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset