Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 48

ตอนที่ 48 ยุคแห่งความโกลาหล

อันธพาลทั้งสามคนเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูบานหนึ่งบนชั้นสองของอาคารพาณิชย์ ชายสวมหมวกขนสัตว์ยกเท้าถีบประตูสองถึงสามครั้งอย่างแรงจนกลอนประตูบิดเบี้ยวแต่มันก็ยังเปิดไม่ออก

“มันดันประตูไว้!” ชายชาวรัสเซียที่ยืนอยู่ด้านซ้ายแค่นเสียงเย็นชา “หลีกไป!”

สิ้นเสียงสั่งชายอีกสองคนก็รีบถอยห่างอย่างรวดเร็ว

ปัง ปัง ปัง!

เสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ตรงกลางบานประตูปรากฏรอยพรุนจากกระสุนถึงแปดรู!

ตึง ตึง!

ชายชาวรัสเซียอีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังออกแรงถีบประตูพลางทุบอีกหลายครั้งจนประตูไม้เกิดรูโหว่

ฉินอวี่ยืนอยู่ในห้องโดยมีเพียงตู้เสื้อผ้าเก่าผุพังคั่นกลางระหว่างเขาและประตูห้องที่พวกอันธพาลพยายามพังเข้ามา เวลานี้เขาไม่มีแม้แต่หนทางจะหลบหนี

ปลายปืนสามกระบอกสอดผ่านรูโหว่เข้ามาอย่างรวดเร็ว

“แม่งเอ๊ย!”

ดวงตาฉินอวี่แดงก่ำขณะสบถด่า เขาตัดสินใจออกแรงยกตู้เสื้อผ้าขึ้นอย่างทุลักทุเล

เขาขยับตู้เสื้อผ้าไปทางแนวทแยงเพื่อปิดรูโหว่ที่พวกอันธพาลทุบทำลายทันที

เสียงปืนยิงรัวดังก้องทางเดิน กระสุนปืนหลายนัดพุ่งทะลุตู้เสื้อผ้าจนกลิ่นดินปืนคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ

ฉินอวี่เอาขายันพื้นที่นองไปด้วยเลือดและใช้หลังดันตู้ขึ้นไปจนมันตั้งตรงปิดกั้นบานประตูจนมิด

“แม่งเอ๊ย!” ชายสวมหมวกสบถพลางหันไปถามเพื่อนอีกสองคน “พวกนายพกระเบิดมาไหม?!”

“ไม่!” ทั้งสองส่ายหัว

“งั้นก็เร็วสิ! พังเข้าไปให้ได้!”

ตู้ไม้ที่ตั้งบังประตูทำให้ชายทั้งสามมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ภายในห้องอีกต่อไป ตู้นี้มีความหนาประมาณครึ่งเมตร…แม้ตรงกลางจะกลวงแต่มีแผ่นไม้อย่างหนาปิดอยู่ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

ดังนั้นกระสุนทุกนัดที่พวกเขายิงเข้าไปต้องอาศัยดวงอย่างเดียวว่าจะยิงไปถูกคนที่ยืนอยู่อีกฝั่งหรือไม่ บางนัดเจาะทะลุได้ แต่บางนัดเสียบคาอยู่บนแผ่นไม้เท่านั้น

ฉินอวี่ใช้เวลาหลายปีดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อให้ตนได้เข้ามาอยู่ในเขตพัฒนา…กว่าจะพบสถานที่ที่สงบและมั่นคงเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นเขาจะมาตายแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด! ชายหนุ่มรวบรวมพละกำลังพร้อมอาศัยความสูงและความยืดหยุ่นของร่างกายดันตู้ให้เข้าที่ ด้วยความหวังว่ามันจะปกป้องชีวิตของตนไว้ได้

สถานการณ์ดำเนินต่อไปประมาณสามนาทีก่อนทุกอย่างจะสงบลง ฉินอวี่เริ่มหมดแรงเนื่องจากเสียเลือดมากเกินไป ทั้งยังรู้สึกวิงเวียนเหมือนโลกหมุน แต่เขายังคงยืนหยัดใช้แรงที่หลงเหลืออยู่ดันตู้พลางสะบัดศีรษะโดยแรงเพื่อเรียกสติ

ชายที่สวมหมวกขนสัตว์วิ่งลงไปชั้นหนึ่งเพื่อขโมยขวานทุบตู้ดับเพลิงที่ติดตั้งไว้บริเวณทางเข้าตึกแถว ขณะนั้นเองหางตาของเขาก็เหลือบเห็นรถสองคันแล่นมาด้วยความเร็วสูง

เอี๊ยด!

รถทั้งสองคันเบรกอย่างกะทันหันจนเสียงยางรถบดกับถนนดังกึกก้อง!

“แม่งเอ๊ย!” ชายสวมหมวกสบถก่อนเงยหน้าขึ้นพร้อมตะโกนเรียกเพื่อนอีกสองคนที่รออยู่บนชั้นสอง “ไอ้เวรนั่นเรียกคนมา! รีบหนีเร็ว!”

ชายชาวรัสเซียสองคนรีบลงมาจากชั้นบนก่อนวิ่งหลบหนีออกจากตึกแถวทันที พลางหันกระบอกปืนยิงรัวใส่รถทั้งสองคัน

เสียงโทรศัพท์ของฉินอวี่ดังขึ้นหลังจากเสียงปืนเงียบลง…

“ว่าไง?!”

“เราเจอพวกมันที่ชั้นล่าง…” จู้เหว่ยกล่าว “ตั้งสติไว้ครับ! พวกเรากำลังขึ้นไป!”

ฉินอวี่พลันผ่อนคลายความตึงเครียดลงเมื่อได้ยินเช่นนั้น

รถตำรวจหลายสิบคันจอดอยู่ริมถนนบริเวณสี่แยกระหว่างถนนเถ้าธุลีและถนนโชคลาภ นายตำรวจสวมเสื้อกันกระสุนและติดอาวุธจำนวนสามร้อยนายพร้อมด้วยโล่ปราบจลาจลเคลื่อนพลไปด้านหน้า

“ทุกหน่วยฟังคำสั่ง! กระจายตัวไปจับกุมผู้ก่อเหตุ!” รองผู้กำกับการออกคำสั่งผ่านวิทยุสื่อสาร “ผมขอให้พวกคุณระมัดระวังเรื่องการใช้กำลัง อย่ายกระดับความขัดแย้งให้บานปลายไปกว่านี้! ย้ำ! เป้าหมายของเราคือจับกุมตัวผู้ก่อเหตุเท่านั้น!”

ตำรวจหลายร้อยนายเคลื่อนพลไปยังถนนเถ้าธุลีพร้อมตั้งโล่ปราบจลาจลขึ้น หลังผู้บัญชาการออกคำสั่ง

เสียงฝีเท้ากระทบพื้นเป็นจังหวะดังกึกก้องทั่วพื้นถนนที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ หลังเคลื่อนพลไปประมาณห้าสิบเมตรพวกเขาก็ต้องตะลึงเมื่อเห็นภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า!

เสียงปืนดังสนั่นไปทั่วบริเวณ…ระเบิดขวดถูกโยนไปทุกทิศทางครั้งแล้วครั้งเล่า ในถนนแคบๆ แห่งนี้มีผู้คนมากกว่าหนึ่งพันชีวิตกำลังเบียดเสียดและปะทะกันอย่างอลหม่าน!

กระจกหน้าต่างของร้านที่ตั้งอยู่ข้างทางทั้งสองฝั่งถูกทุบจนแตกเป็นเสี่ยงๆ บ้านเรือนหลายหลังไฟไหม้ มีดสั้น ไม้เบสบอล รวมถึงอาวุธหลากชนิดถูกทิ้งเกลื่อนกลาดถนน

ผู้ก่อเหตุบางคนวิ่งหนีอย่างกระเสือกกระสนเพื่อเอาชีวิตรอด บางคนนอนกองอยู่กับพื้นพลางร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด และอีกหลายคนยังบ้าดีเดือดปาอาวุธใส่ฝ่ายตรงข้าม…เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าช่างโกลาหลราวนรกแตก!

“หน่วยสอง…เคลื่อนพล!”

“หน่วยสาม…ขึ้นไปด้านหน้า!”

“กองรักษาความปลอดภัย…บุกเข้าไป!”

ผู้บังคับหมวดแต่ละนายเลื่อนหาความถี่ของหน่วยใต้บังคับบัญชาก่อนกรอกเสียงสั่งการผ่านวิทยุสื่อสาร ขณะที่ตำรวจแต่ละนายค่อยๆ เคลื่อนพลไปด้านหน้า

“วางอาวุธ! หมอบลง!”

“ยกมือขึ้น!”

“อย่าขยับ…ไม่อย่างนั้นเรายิง!”

เหล่าตำรวจตะโกนสั่งผู้ก่อเหตุพร้อมพุ่งเข้าประชิดตัว แต่ฝูงชนทั้งสองฝ่ายต่างสู้กันยิบตาโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง สถานการณ์ทั้งหมดที่ผ่านมาเป็นชนวนจุดประกายอารมณ์ของฝูงชนที่ถูกกดข่มไว้เป็นเวลานานให้ระเบิดออกในคราวเดียว ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้ายุติเหตุจลาจลได้โดยง่าย

ขณะเดียวกัน ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในสลัมต่างโยนระเบิดขวดที่ผลิตขึ้นเองไปยังฝั่งคนของตระกูลหยวน

ตูม!

“ฟะ…ไฟไหม้!”

“ยกโล่ขึ้น! มีคนโยนบางอย่างลงมา!”

ในสำนักงานตำรวจนครบาลมีกำลังตำรวจทั้งหมดเพียงสามร้อยนาย ทั้งยังได้รับคำสั่งไม่ให้ใช้ความรุนแรงเด็ดขาดด้วยกลัวว่าความขัดแย้งจะทวีความรุนแรงขึ้น! ทำให้พวกเขาไร้ทางเลือกในการรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้า เพราะไม่สามารถชักปืนออกมาวิสามัญผู้ก่อเหตุได้!

หลังเคลื่อนพลไปยังถนนเถ้าธุลีได้ไม่นาน เหล่าตำรวจกลับแตกกระเจิงไปคนละทิศทางเพราะมีคนโยนระเบิดมือและวิ่งกรูมาทางพวกเขา!

ตำรวจห้านายในสังกัดหน่วยสามพุ่งตัวไปด้านหน้าเพื่อจับกุมชายร่างท้วมที่กำลังใช้มีดฟาดฟันฝ่ายตรงข้าม ทันใดนั้นกลุ่มคนที่ผูกผ้าสีขาวไว้รอบแขนก็ยกปืนขึ้นเล็งไปที่กลุ่มของตำรวจและลั่นไกปลิดชีพตำรวจหนึ่งนายทันที!

ในตรอกลึกที่แยกย่อยจากถนนเถ้าธุลี…

ชายผู้จัดหายาให้กับบริษัทหยวนหัว พาชายฉกรรจ์จำนวนแปดคนรุมซ้อมชายวัยสี่สิบปีจนตายในตรอกสกปรกแห่งนี้!

หลังจากเชือดคอชายผู้เคราะห์ร้ายแล้ว ชายวัยกลางคนก็ตะโกนขึ้นว่า “ไปบอกเฒ่าหม่าว่าให้ถอนกำลังคนออกจากถนนเถ้าธุลีภายในสามวัน! ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าล้างโคตรให้หมด!”

ณ ทางเข้าโกดังเก็บของภายในถนนเถ้าธุลี เฒ่าหม่าถอดชุดทหารออกพร้อมคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ดวงตาคู่นั้นแดงก่ำ “พวกมันจะเอาแบบนี้ใช่ไหมวะ? ได้! ถ้าอย่างนั้นก็ลงนรกไปด้วยกันนี่แหละ! ทุกคนฟังให้ดี…ถ้าพวกนายไม่อยากค้ายาตลอดชีวิตก็หยิบอาวุธซะแล้วตามฉันไปที่คฤหาสน์เริงรมย์! ถ้าครั้งนี้แพ้ พวกเราจะไม่มีที่ยืนในซ่งเจียงอีกต่อไป!”

“ฆ่าพวกมัน!”

“ไป! ไปคฤหาสน์เริงรมย์!”

คนของตระกูลหม่ากว่าร้อยคนส่งเสียงคำรามอย่างเห็นด้วย

ณ ปากทางสู่ถนนโชคลาภ…

เหล่าตำรวจสามร้อยนายถูกสั่งให้ถอนกำลังหลังเคลื่อนพลเข้าสู่ถนนเถ้าธุลีไม่ถึงสิบนาที มีตำรวจบาดเจ็บหลายสิบนายและเสียชีวิตสามนาย

รองผู้กำกับการยืนอยู่ข้างรถยนต์พลางกดเบอร์โทรหาเฒ่าหลี่ด้วยสีหน้าไม่สู้ดี

“เป็นไงบ้าง?”

“เลวร้ายกว่าที่คิด…พวกเขาไม่มีความเป็นมนุษย์เหลือแล้วครับ ผมส่งกองกำลังเข้าปราบปราม ทว่าถูกบีบให้ถอนกำลัง…” รองผู้กำกับการกล่าวตอบพลางถอนหายใจ “เราควรส่งรายงานถึงสำนักงานใหญ่เพื่อให้พวกเขาส่งกำลังเสริม เพราะถ้ายังดึงดันปราบปรามการจลาจลแบบนี้ ไม่นานคงพังยับแน่”

ณ ชั้นสองของคฤหาสน์ที่ตั้งอยู่บนถนนศักราชใหม่…

หยวนหัวกำลังนั่งเล่นไพ่นกกระจอกกับชายสามคนที่ดำรงตำแหน่งผู้บริหารในเครือบริษัทของเขา

“ถ้าเรื่องนี้บานปลายจนกระทบความสัมพันธ์ทางการค้า พวกเราจะรับมือไหวไหม?” ชายหัวโล้นขมวดคิ้วขณะโพล่งถาม “สายลับของผมที่แฝงอยู่ในกองบัญชาการตำรวจรายงานว่าฝั่งนั้นกำลังหัวเสีย!”

“ถ้าเราไม่ทำแบบนี้เฒ่าหม่าก็จะไม่รู้ตัวสักทีว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร!” หยวนหัวตอบอย่างใจเย็น “บอกคนของเราว่าถ้าพวกเขาถูกฆ่าตาย…ฉันจะจ่ายเงินชดเชยให้ครอบครัวพวกเขาอย่างงาม! และถ้าถูกจับกุมฉันก็จะใช้เส้นสายทั้งหมดที่มีประกันตัวออกมาให้ได้! เห็นรึยังว่าเงินตรากับเส้นสายมีประโยชน์มากแค่ไหนในยามคับขัน?! เฒ่าหม่าจะได้รู้ตัวสักทีว่ามันก็เป็นแค่มดตัวเล็กๆ เท่านั้น!”

“แล้วเส้นสายของเราที่กองบัญชาการตำรวจล่ะ? พี่หัวจะติดต่อกับเขาไหม?” ชายหัวโล้นถาม

“ไม่ต้องห่วง!” หยวนหัวตอบด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ถ้าอยากได้ผลประโยชน์จากการขายยาก็เก็บกวาดหลักฐานให้ดีสิ! ทำไมฉันต้องจ่ายเงินให้พวกมันทั้งๆ ที่ทำงานไม่ได้เรื่อง?! ปล่อยให้มันรอไป…ฉันจะติดต่อกลับเมื่อเสร็จเรื่องนี้!”

ภายในสำนักงานตำรวจ… ผู้กำกับการหลี่โทรศัพท์หาเฒ่าหม่าเป็นการส่วนตัวแต่อีกฝ่ายไม่รับสาย ทำให้เขาอารมณ์เสียมากจนทุบโต๊ะเสียงดังและแค่นเสียงอย่างเกรี้ยวกราด “ประสานกำลังทหารเดี๋ยวนี้! ฉันไม่เชื่อว่าไอ้พวกค้ายานั่นจะเปลี่ยนชะตาชีวิตได้!”

“ตามขั้นตอนแล้วเราควรแจ้งและขอคำสั่งจากสำนักงานใหญ่ก่อนเป็นอย่างแรก…” สมาชิกวุฒิสภาผู้เป็นตัวแทนของสำนักงานตำรวจแนะนำด้วยความปรารถนาดี

ผู้การหลี่โบกมือเชิงปฏิเสธก่อนตอบกลับ “หยวนหัวมีเส้นสายแฝงตัวอยู่ในสำนักงานใหญ่ ถ้าเราทำตามขั้นตอนระบบราชการที่ยืดเยื้อพวกเราต้องรอนานแน่! ถึงตอนนั้นจะมีคนตายบนถนนเถ้าธุลีเพิ่มอีกกี่คน? แล้วสุดท้ายคุณคิดว่าใครต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ล่ะ?! ก็ผมนี่ไง!”

สมาชิกวุฒิสภาคิดตามแล้วจึงชะงักนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนพยักหน้า “จริงของคุณ…”

“โทรหามาเตโอ…บอกเขาว่าเฒ่าหลี่ต้องการให้เขาส่งกองกำลังเสริมเพื่อเข้ายุติเหตุจลาจล” ผู้การหลี่กล่าวด้วยความวิตกกังวล “เราต้องจัดการเรื่องนี้โดยเร็ว! จะยอมเสี่ยงไปกว่านี้ไม่ได้!”

“เข้าใจแล้ว…ผมจะไปเดี๋ยวนี้!” สมาชิกวุฒิสภาพยักหน้าก่อนเดินออกไป

อีกด้านหนึ่ง… ฉินอวี่ที่เสียเลือดมากจนแทบหมดสติได้รับการช่วยเหลือจากจู้เหว่ยและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในเครือของสำนักงานตำรวจทันที!

……………………………………………………….

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

บทนำ โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย… ‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม! ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้… ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset