หวูซินเลิกคิ้วสูง ความฉงนสงสัยยังคงขีดเขียนอยู่เต็มผืนหน้า “นี่เจ้ากำลังจะบอกว่าข่าวลือพวกนั้นล้วนเชื่อถือไม่ได้กระนั้นหรือ ?”
ชิงหลงโต้ตอบทันท่วงที “ข้าเป็นพยานรู้เห็นการรักษาของโอวหยางฮ่าวเซวียน วิธีการรักษาของนางแปลกยิ่งนัก เจ้าก็รู้ว่าโอวหยางฮ่าวเซวียนต้องอยู่ในสภาพผู้พิการมานานกว่าขวบปีด้วยเพราะอาการเส้นชีพจรลมปราณขาดสะบ้้น สภาพของเขาในยามนั้นไม่ต่างใดกับผู้ที่กำลังเตรียมใจนอนรอคืนวันเพื่อข้ามสู่ประตูปรโลก
ทว่าเหลือเชื่อยิ่งนักที่กระบวนการรักษาอันพิศดารของนางกลับสามารถช่วยชีวิตเขาไว้ได้ ทั้งยังสามารถทำให้เขาเดินเหินได้ดังเช่นคนปกติ ไม่เว้นกระทั่งพลังฝีมือยังสามารถฟื้นคืนสู่ระดับพลังปราณดั้งเดิมที่เคยสั่งสมไว้ เหตุการณ์ในครานี้สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งเมืองเหยียนจิง และแม้กระทั่งถึงทุกวันนี้ ผู้คนมากมายยังคงไล่ติดตามค้นหาตัวนาง หากนายท่านไม่ยื่นมือเข้าขวางพวกมันไว้ อาจบางที ท่านหมอซียอดอัจฉริยะคงต้องต่อกรกับพวกทรงอำนาจอิทธิพลอย่างล้นเหลือไปนานแล้ว”
หลายคนในที่นั้นย่อมเคยได้ยินคำเลื่องลือกระฉ่อนที่ชิงหลงกล่าวถึง ใบหน้าของพวกเขาล้วนฉายประกายแห่งความหวังระคนยอมรับนับถือ ช่างเป็นสตรีที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง อาจบางที นางคือผู้ที่จะสามารถให้การเยียวยารักษาอาการเจ็บป่วยของนายท่าน
****
ส่วนเกอซี ผู้ที่กำลังตกเป็นเป้าแห่งการสนทนาในยามนี้ยังคงอยู่ในห้องของหนานกงยวี่ และเริ่มดำเนินกระบวนการรักษามาถึงช่วงที่นับว่าสุ่มเสี่ยงเป็นที่ยิ่ง
ความมุ่งมั่นทั้งหมดของเกอซีจดจ่ออยู่กับการฝังแท่งเข็มเงินลงไปยังจุดสำคัญต่าง ๆ ทั่วร่างของชายหนุ่ม การเคลื่อนมือของนางรวดเร็วยิ่งนักจนปรากฏแค่เพียงสายเงาที่พาดผ่าน กับแสงสะท้อนที่วูบวาบจากแท่งเข็มเงินบนเรียวนิ้วนั้นเท่านั้น
แท่งเข็มแต่ละแท่งที่แทรกปักลงไป ล้วนอัดแน่นไปด้วยพลังปราณที่เกอซีถ่ายทอดเพื่อข่วยเสริมสร้างคุณสมบัติในการส่งผ่านตัวยาลงสู่จุดสำคัญได้อย่างแม่นยำในทุกจุดทั่วทั้งร่าง
เมื่อแท่งเข็มเงินทั้งหมดถูกย้ายลงสู่ร่างของอีกฝ่ายอย่างระมัดระวังในทุกขั้นตอน ร่างของหญิงสาวกลับชุ่มโชกไปด้วยหยาดเหงื่อ บนใบหน้าริ่มปรากฏสีชมพูเจือจาง
นางถ่ายถอนลมหายใจพลางยกมือขึ้นปาดหยาดเหงื่อที่ผุดพรายก่อนจะเคลื่อนกายลงทรุดนั่งอยู่ด้านข้าง
ยามนี้น้ำโอสถในอ่างหยุดเดือดพล่านแล้ว คงเหลือแค่เพียงระลอกน้ำที่ยังคงกระเพื่อมไหวอยู่รอบกายของชายหนุ่ม ร่างที่เคยปลดปล่อยอายเย็นยะเยือกปานประดุจแท่งน้ำแข็ง ยามนี้เริ่มมีอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไม่หยุดยั้ง
เมื่อสายตาของเกอซีมองเคลื่อนจากใบหน้าที่แดงก่ำของหนานกงยวี่เรื่อยลงไปถึงแผงอก ดวงหน้าของนางพลันแดงระเรื่อ
ตอนนี้เองที่หญิงสาวเพิ่งรู้ตัวว่าเมื่อครู่นางได้ลงมือสำรวจตรวจตราหนานกงยวี่ในสภาพที่เปลือยเปล่าไปอย่างละเอียดละออ ไม่เพียงแค่นั้น นางยังสัมผัสจับต้องเนื้อกายส่วนบนของเขาไปทุกอณูนิ้ว
ยามนี้ หนานกงยวี่ยังคงหลับใหลไม่ได้สติ เขายังคงนั่งพิงขอบอ่างอย่างเงียบงันดังเดิม
เมื่อได้เห็นหนานกงยวี่ยังคงอยู่ในอาการเช่นนี้ หญิงสาวเริ่มไหลไปกับห้วงแห่งความนึกคิด เป็นเช่นนั้นแท้จริง เขาช่างเป็นจอมมารร้ายที่สามารถกระชากใจผู้คนให้เต้นระส่ำได้อย่างแท้จริง
เส้นผมยาวสลวยที่ทิ้งตัวลงสู่ผืนไหล่ราวม่านน้ำตกนั้นเรียบลื่นดำขลับ ผิวพรรณที่ซีดเซียวเริ่มได้รับอายอุ่นจนเริ่มมีสีเข้มราวสีน้ำผึ้งจาง ๆ ยามที่เขาสวมใส่อาภรณ์นั้นพอจะรู้ได้แค่เพียงเขาคือบุรุษผู้มีรูปร่างที่สมส่วน ทว่าเมื่อเขาอยู่ในสภาพที่เปลือยเปล่าเช่นนี้ นางย่อมสามารถเห็นได้ชัดว่าตลอดทั่วทั้งเรือนกายของชายหนุ่มอัดแน่นไปด้วยมัดกล้ามเนื้อที่โดดเด่นสวยงาม ยิ่งโดยเฉพาะแผงกล้ามเนื้อทั้ง 6 มัดบนหน้าท้องนั่น หากมันไปปรากฏอยู่ตรงหน้าบรรดาสาว ๆ ในชาติก่อนที่นางจากมา บรรดาสาว ๆ ยุคใหม่คงต้องน้ำลายหกไปตาม ๆ กันอย่างมิต้องสงสัย
แน่นอนว่า สิ่งที่โดดเด่นเหนือกว่าผู้ใดของหนานกงยวี่นั้นคือใบหน้าที่หล่อเหลาปานประหนึ่งเทพบุตร ด้วยใบหน้าท่าทางที่งามสง่าอย่างไร้ข้อกังขา ก่อกำเนิดเป็นร่างน่าหลงใหลพาใจให้สิโรราบปานประดุจเขาคือผู้ทรงอำนาจที่กำลังมองดูแดนดินทั้งปวงซึ่งอยู่ในอานัติแห่งตนภายใต้ผืนฟ้า ความเกรียงไกรอหังการ์ของคนผู้นี้ทำให้ผู้คนทั้งหลายทั้งยอมสยบสิโรราบทั้งลุ่มหลงมัวเมาโดยไม่รู้ตัว
ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาเหนือคำพรรณนาของบุรุษผู้นี้ แม้หากนางอยู่ในชาติภพก่อน นางยังมิอาจแน่ใจด้วยซ้ำว่าตนจะสามารถปรนเปรอเขาได้หรือไม่
เอ่อ…แม้ในอดีตภพนางจะยังไม่เคยมีคนรัก ทว่าหากนางได้พบกับบุรุษที่หล่อเหลาเกินปกติวิสัยทั่วไปเยี่ยงนี้นางจะไม่ยอมปล่อยให้เขาหลุดมือไปอย่างแน่นอน ด้วยความสามารถ และสถานภาพทางการเงินในชาติก่อนของนาง การจะเลี้ยงบุรุษไว้สักแปดหรือสิบนายย่อมมิใช่ปัญหาเลยแม้แต่น้อย หากแต่มิใช่กับบุรุษผู้เหนือคำบรรยายเช่นนี้
ขณะที่สายตาของนางยังคงจับจ้องอยู่กับมัดกล้ามเนื้อแขนที่เรียงตัวเบียดกันแน่น หญิงสาวอดมิได้ที่จะเหยียดยื่นฝ่ามือของตนออกลองไล้สัมผัสพวกมันอย่างแผ่วเบา
จุ๊ จุ๊ เป็นความรู้สึกที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียว สัมผัสนั้นแข็งแน่นทว่ากลับเรียบลื่น ! ความคิดหญิงสาวเริ่มไถลไกลออกไปทีละน้อย นางเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าหากได้ลองสัมผัสกล้ามเนื้อหน้าท้องทั้งหกมัดของเขา มันจะให้ความรู้สึกเช่นไร
ช่วงเวลาที่อยู่ในกระบวนการรักษานั้น จิตใจของนางจดจ่ออยู่แต่เพียงการเยียวยารักษาเท่านั้น เพิ่งจะยามนี้เองที่นางเริ่มตระหนักแล้วว่า นางหลงลืมลองรับรู้ในสัมผัสของมันไปเสียแล้ว
ฉับพลันน้ำเสียงห้าวต่ำกลับแทรกผ่านกระทบช่องหู “เจ้าต้องถูกใจอย่างแน่นอน”
เกอซีโพล่งกลับไปอย่างไม่ทันคิด “จริง เยี่ยมไปเลย”
น้ำเสียงหัวเราะที่ทุ้มต่ำดังสะท้อนก้องอยู่ในหูคล้ายขนนกที่ไล้เขี่ยเย้าหัวใจให้จั๊กจี้
“ซีเอ๋อชอบก็ดีแล้ว อยากจะลองจับตรงไหนดูอีกไหม ?”
ว่าไงนะ—– ? ! !
***จบตอน เจ้าอยากลองจับตรงไหนอีกไหม ?***