หลินอิ่งได้ยินมาก่อนแล้วว่าหลินเซวียนมีอำนาจอิทธิพลอย่างมากที่จี้โจว มีเครือข่ายที่กว้างขวางไปทั่วสำนักต่างๆ
ตอนนี้มาถึงจี้โจวก็พบว่าเป็นแบบนี้จริงๆ
แม้แต่บุคคลวงการธุรกิจแบบหลู่ฉังชิง หลังจากที่ได้รับการชี้นำจากหลินเซวียน ก็กล้ามาก้าวก่ายทำให้ตนเองยากลำบากแบบนี้?
“เกี่ยวอะไรกับคุณใช่ไหม? พวกเราคิดว่าเป็นคนไร้ค่าที่ไร้ความสามารถคนหนึ่ง ไม่อยากร่วมงานกับบริษัทของพวกคุณแล้ว แล้วทำไม?”หลู่ฉังชิงปากคาบซิการ์พูดขึ้นอย่างดูถูกดูแคลน
“แล้วที่ผมบอกว่าคุณเป็นคนไร้ค่ามันก็ไม่มีตรงไหนผิดแม้แต่นิดเดียวด้วย ถ้าไม่ยอมแล้วคุณจะทำอะไรผมได้? ผมว่าคุณกำรงอยู่ในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการของหลินซื่อกรุ๊ปแห่งเจียงเป่ยตำแหน่งนี้ไม่ไหวหรอก ต้องมาเล่นตลกอะไรแน่นอน ดูซิว่าในจี้โจวจะมีใครสนับสนุนคุณบ้าง?”หลู่ฉังชิงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน
หลู่ฉังชิงไม่ได้เห็นหลินอิ่งอยู่ในสายตาเลยแม้แต่นิดเดียว
ในสายตาเขาแล้ว หลินอิ่งก็เป็นแค่คนไร้ค่าที่จะทำให้จี้โจวพังพินาศก็เท่านั้น
แม้ว่าหลินอิ่งจะเป็นคุณชายตระกูลหลินที่มาจากชางโจวอะไรนั่น แล้วมันมีประโยชน์อะไรล่ะ?
คุณชายใหญ่หลินเซวียนลั่นวาจาเอาไว้ในแวดวงแล้ว ว่าใครก็ห้ามร่วมมือกับหลินอิ่งไม่ว่าจะในด้านไหนก็ตาม
มีหลินเซวียนพวกคนใหญ่คนโตคอยกีดกันโค่นล้มอยู่ หลินอิ่งคนนี้จะทำอะไรในจี้โจวได้? ไม่คิดว่ายังกล้ามาด่าเขาว่าเป็นพวกคนต่ำต้อยอีก?
“ทำอะไรคุณได้?”หลินอิ่งยิ้มอย่างรู้สึกสนใจ มองหลู่ฉังชิง”คุณรู้สึกว่าตัวเองมีความสามารถมากอย่างนั้นเหรอ? เชื่อไหมว่าผมจะทำให้คุณล้มละลายในจี้โจวได้ เพียงแค่โทรออกไปหนึ่งสายเท่านั้น?”
“ฮ่าๆๆๆ!”หลู่ฉังชิงหัวเราะออกมาเสียงดัง”ผมรู้สึกกลัวเหลือเกิน คนที่อพยพมาจากข้างนอกแบบคุณคนเดียว จะทำให้ผมล้มละลายเพียงแค่โทรออกไปหนึ่งสายอย่างนั้นเหรอ? ช่างสุดยอดจริงๆ”
“หลินอิ่งเอ๋ย คุณนึกว่าตัวเองเป็นคุณชายตระกูลหลินอันสูงส่งจริงๆอย่างนั้นเหรอ? คุณรู้ไหม ว่าคุณชายใหญ่หลินเซวียนลั่นวาจาไว้แล้ว ว่าใครกล้าช่วยคุณในจี้โจว ก็เท่ากับว่าเป็นปฏิปักษ์กับคุณชายใหญ่ คุณนึกว่าสถานภาพคุณชายตระกูลหลินของคุณจะมีประโยชน์อย่างนั้นเหรอ?”
หลู่ฉังชิงพูดอย่างเย้ยหยัน
“คุณทำความเข้าใจกับสถานการณ์ให้ชัดเจนหน่อยนะ อำนาจของตระกูลหลินอยู่ในมือของคุณชายใหญ่ การที่คุณคิดจะใช้อำนาจตระกูลหลินมาเบ่งอำนาจแบบนี้ก็ยังมีคุณสมบัติไม่พอหรอกนะ!”
หลู่ฉังชิงมองหลินอิ่งด้วยสีหน้าขี้เล่น
หลู่ฉังชิงรู้แค่ว่าตระกูลหลินเป็นแค่กลุ่มบริษัทใหญ่กลุ่มหนึ่งทางภาคตะวันออกเท่านั้น ไม่รู้รายละเอียดอย่างชัดเจน ถ้าเป็นปกติทั่วไปก็ไม่มีทางไปก้าวก่ายยุแหย่คุณชายที่มาจากกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่แบบหลินอิ่งง่ายๆแน่นอน แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน คุณชายใหญ่หลินเซวียนถึงกับลั่นวาจาออกมาเอง
หลินเซวียนเป็นถึงเจ้าพ่อที่สูงส่งที่สุดของจี้โจวเชียวนะ แม้แต่คุณชายเผยอันดับหนึ่งของจี้โจวที่ทรงพลังก็ยังต้องเชื่อฟังเขา เป็นผู้ติดตามตัวน้อยๆให้กับหลินเซวียน!
เบื้องบนมีเจ้าพ่อแบบหลินเซวียนคอยกดค้ำไว้อยู่ หลินอิ่งยังจะก้าวผ่านอุปสรรคความยากลำบากนี้ไปได้ยังไงอีก?
“คุณยังกล้าว่าพวกเราเป็นคนต่ำต้อยอีกอย่างนั้นเหรอ? พูดไม่ไพเราะเลยนะ ตอนนี้ผมรู้สึกไม่สบอารมณ์ จะเรียกเจ้านายหวางของสโมสรจื่อจินมาไล่คุณออกไปเดี๋ยวนี้แหละ ให้คุณออกไปตัวเปล่า เสียหน้าเสียตาไปจนเกลี้ยง”หลู่ฉังชิงพูดขึ้นอย่างสบายๆ
“เห้อ ประธานหลู่ ถึงยังไงคุณชายหลินคนนี้ก็เป็นแขกที่คุณหนูใหญ่หลินเชิญมาเชียวนะ พวกเราไม่สนใจใยดีเขาก็ได้ แต่ก็ควรไว้หน้าให้กับคุณหนูใหญ่หลินหน่อย ใช่ไหมล่ะ?”มีผู้หญิงวัยกลางคนอีกหนึ่งคนพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงคลุมเครือ
“ใช่ ที่ประธานซุนพูดก็ถูก!”หลู่ฉังชิงตบหน้าตักอย่างเข้าใจ แสร้งทำเป็นพูดขึ้น”ขอโทษทีนะครับ คุณหนูใหญ่หลิน”
“ผมว่านะ คุณหนูใหญ่หลิน คุณพาเจ้าน้องชายคนนี้ของคุณกลับไปดูแลดีๆที่บ้านดีกว่านะ เด็กขนาดนี้แบบเขา ก็ควรจะไปเที่ยวผู้หญิงที่ผับบาร์นู้น ขับรถหรูๆ ไปเป็นพวกคุณชายเพลย์บอยเที่ยวเล่นไปวันๆจะดีกว่า คุณยังจะพาเขามาสถานที่เจรจาเรื่องธุรกิจแบบนี้ทำไม นี่มันน่าอับอายขายขี้หน้ามากเลยไม่ใช่หรือไง?” หลู่ฉังชิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่งสอน
หลินหวูซินสีหน้าเปลี่ยนเป็นดูไม่ดี หันมองหลินอิ่งหนึ่งที
เธอเกรงใจที่จะไปตัดสินใจแทนหลินอิ่ง ในใจนึกอยากรู้อยากเห็นว่าหลินอิ่งจะจัดการกับสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ยังไง
หลินเซวียนเป็นคนใหญ่คนโตที่มีอำนาจอิทธิพลค้ำฟ้าในจี้โจว เขาลั่นวาจาออกมาแล้วว่าจะทำให้หลินอิ่งเจอกับความยากลำบาก เกรงว่าหลินอิ่งก็คงจะก้าวผ่านอุปสรรคนี้ไปได้ยากเหมือนกัน
ในขณะเดียวกัน หลินหวูซินก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจหลินอิ่งขึ้นมาทันที
หลินอิ่งกับอาซูชิงออกจากตระกูลหลินไปตั้งหลายปีแล้ว ได้ยินมาว่ายังถูกตระกูลฉีของตี้จิงไล่ออกจากตระกูลอีกด้วย
แล้วตอนนี้พอกลับมาถึงตระกูลหลินก็เผชิญกับการท้าทายที่โหดร้ายรุนแรงแบบนี้ มาถึงจี้โจวก็มีความรู้สึกเหมือนกับว่าเสือที่ออกจากป่ามาถูกหมาบ้านรังแกอีก
“นี่พวกคุณ……”หลินหวูซินเปิดปากพูดขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางเข้มงวดจริงจัง กำลังจะออกหน้ามาพูดแทนหลินอิ่ง
หลินอิ่งกลับชิงพูดขึ้นมาก่อน
“ในเมื่อคุณคิดว่าตัวเองมีอำนาจเงินทองก็กล้ามาทำตัวกำเริบเสิบสานต่อหน้าผม ถ้าอย่างนั้นผมก็ยึดเอาความภาคภูมิใจอันน้อยนิดนั้นของพวกคุณไปก็แล้วกัน”หลินอิ่งพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ
พูดจบ หลินอิ่งก็หยิบมือถือออกมา โทรศัพท์ออกไป
“ให้เวลานายสิบนาที มาหาฉันที่สโมสรจื่อจิน”
หลังจากโทรออกไปแล้ว หลินอิ่งก็แค่พูดลอยๆออกมาหนึ่งประโยค จากนั้นก็วางสายลง
โทรศัพท์สายนี้โทรไปหาหัวหน้าสมาคมของสมาคมธุรกิจแห่งจี้โจว
ถ้าสละสถานภาพของตระกูลหลินทิ้งไป หลินอิ่งเป็นถึงคุณชายอิ่งแห่งตี้จริง หัวหน้าสมาคมของสมาคมธุรกิจแห่งตี้จิงที่ทรงพลัง
อิทธิพลของสมาคมธุรกิจแห่งตี้จิงปกคลุมไปทั่วสิบสองเมืองแห่งเจียงเป่ย มีความสามารถและทรงพลังอย่างมากในวงการธุรกิจ
หัวหน้าสมาคมของสมาคมธุรกิจแห่งจี้โจว ก็เป็นแค่หนึ่งในสมาชิกของสมาคมธุรกิจแห่งตี้จิงเท่านั้น
“โอ้โห? ยังโทรศัพท์เรียกคนอีก?”หลู่ฉังชิงยิ้มอย่างดูถูกดูแคลน พูดขึ้นอย่างคลุมเครือ
“อย่าว่าแต่สิบนาทีเลย ผมให้เวลาคุณหนึ่งชั่วโมงเลย เรียกพวกเครือข่ายเส้นสายในจี้โจวของคุณออกมาให้หมด!ผมล่ะอยากเห็นว่าใครกันที่กล้าโผล่หน้ามาจัดการเรื่องแทนคุณ!”
“กำลังเยาะเย้ยผมอยู่สินะ? ไม่รู้จริงๆว่าคุณนี่มีความมั่นใจขนาดไหนกัน”
หลู่ฉังชิงพูดขึ้นอย่างมั่นใจสุดขีด สูบซิการ์ด้วยท่าทางวางอำนาจน่าเกรงขาม
ส่วนเหล่าบรรดาไฮโซในวงการธุรกิจที่นั่งอยู่คนอื่นๆก็มองหลินอิ่งด้วยสีหน้าขี้เล่น
พวกเขานั้นต่างก็รู้ ว่าหลินเซวียนออกคำสั่งเด็ดขาดแล้วในจี้โจว ว่าใครที่กล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับหลินอิ่นนั่นก็เท่ากับว่าเป็นปฏิปักษ์กับเขา!
ใครจะกล้าไปเป็นปฏิปักษ์กับหลินเซวียนผู้ที่มีอำนาจอิทธิพลมากมายในจี้โจว เพียงเพื่อคนที่ไร้ซึ่งรากฐานใดๆในจี้โจวแบบหลินอิ่งแค่คนเดียวกัน
ดังนั้น ต่อให้รู้ว่าหลินอิ่งเป็นคุณชายกลุ่มบริษัทของตระกูลหลิน มีเบื้องลึกเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่ แม้แต่พวกนักเลงในพื้นที่ของจี้โจวก็ยังไม่เห็นหลินอิ่งอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ
“คุณหนูใหญ่หลินคุณเห็นแล้วยัง นี่ไม่ใช่เพราะว่าผมไม่ไว้หน้าคุณ แต่เป็นเพราะไอ้น้องชายคนนี้ของคุณมองข้ามความหวังดีของคนอื่น เป็นไอ้คุณชายเพลย์บอยที่ไร้ค่า ยังจะมาพิสูจน์ว่าตัวเองมีความสามารถขนาดไหนอีกเหรอ?” หลู่ฉังชิงมองไปยังหลินหวูซินพร้อมกับพูดขึ้น”อีกเดี๋ยวเอาไม่อยู่ขึ้นมา คุณให้เขารินเหล้าให้พวกเราเพื่อเป็นการขอโทษก็พอแล้ว ส่วนเรื่องการซื้อขายทำธุรกิจกับหลินซื่อพวกเราก็เจรจากับคุณหนูใหญ่หลินก็แล้วกัน ถึงยังไง พวกเราก็ไม่มีทางปรึกษาเจรจากับไอ้คนไร้ค่านี่แน่นอน”
หลินหวูซินขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่มีท่าทีใดๆ มองหลินอิ่งที่สีหน้านิ่งเฉย
ในใจของเธอก็อยากรู้เหมือนกัน ภายใต้สถานการณ์ที่หลินเซวียนพูดออกคำสั่งมาแบบนี้ หลินอิ่งจะยังใช้ความสามารถของตัวเองได้มากขนาดไหนอีก……
หลังจากผ่านไปห้านาที
รถไมบัคป้ายทะเบียน จี้A88888คันหนึ่งขับมาจอดตรงหน้าประตูสโมสรจื่อจิน คนแก่อายุห้าสิบกว่าๆ รูปร่างผอมซูบคนหนึ่งลงมาจากรถ วิ่งตรงเข้ามาอย่างลนลาน ไม่สนรูปลักษณ์ท่าที แล้วก็ไม่สนบอดี้การ์ดที่ตามมาข้างหลังด้วย
“ท่าน ท่านหัวหน้า!ท่านมาถึงจี้โจวแล้ว ทำไมถึงไม่บอกไม่กล่าวซักคำเลยล่ะครับ”
คนแก่สวมชุดสูทดูแพงวิ่งเข้ามาถึงคฤหาสน์ ยืนอยู่ข้างๆหลินอิ่ง สีหน้าประจบประแจง พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตึงเครียดกดดัน
“หัว หัวหน้าสมาคมซุน!ท่านมาได้ยังไง?”
“หัวหน้าสมาคมซุน นี่มันคือ?”
หลังจากที่คนแก่เข้ามา บรรดาไฮโซวงการธุรกิจของหลู่ฉังชิงพวกนี้ก็ลุกขึ้นยืนอย่างทันที มองภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้ด้วยสีหน้าตกใจ
พวกเขามองหัวหน้าสมาคมซุนทำท่าโก้งโค้งคำนับตรงหน้าของหลินอิ่ง ในหัวก็สับสนมึนงงไปหมด
คนแก่ที่ซูบผอมคนนี้ เป็นถึงซุนโช่ฉัยผู้มั่งคั่งร่ำรวยที่เป็นที่รู้จักกันดีของผู้คนในจี้โจว หัวหน้าสมาคมของสมาคมธุรกิจแห่งจี้โจว!บุคคลที่น่าเคารพของวงการธุรกิจเชียวนะ!
ภายใต้สถานการณ์ที่หลินอิ่งถูกหลินเซวียนแบนอยู่นั้น แค่สายเดียวก็สามารถเรียกเจ้าพ่อคนนี้มาได้เชียวเหรอ?