บทที่ 106
โม่หลิวเฟิงบาดเจ็บ
มู่หรงเสวี่ยรู้สึกถึงความเป็นห่วงอย่างมากของพ่อแม่แต่เธอก็ยังอยากที่จะเดินหน้า ถ้าไม่แล้วเธอจะปกป้องครอบครัวของเธอได้ไงถ้าเธอบังเอิญไปเจอคนแบบชีวิตที่แล้วอีก แล้วใครจะดูแลตระกูลมู่หรงล่ะ?! เธอจะต้องแข็งแกร่งให้เร็วที่สุด ตอนนี้ที่พื้นฐานของเธอยังไม่มั่นคง เธอจึงไม่อยากที่จะเปิดเผยแผนของตัวเองเร็วเกินไป เพราะกลัวว่าจะยิ่งทำให้พ่อแม่เป็นห่วงมากกว่าเดิม
ถึงแม้เธอจะยังไม่ได้ตัดใจจากชางกวนโม่ทั้งหมดเหมือนกับฟางฉีฮัว แต่เธอก็จะไม่มีวันลืม เธอเพิ่มขดหนามขึ้นมาในหัวใจและบางครั้งก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่บ้าง แต่มันก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับชีวิตเธอ หลังจากที่เธอได้กลับมาเกิด เธอเพียงแค่อยากจะอยู่เพื่อครอบครัว ปกป้องครอบครัวและทำให้ครอบครัวเธอมีชีวิตที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ท่าทางของชางกวนโม่ทำให้คิดไปไกล เธอคิดว่าตัวเองจะได้มีความสุขและพระเจ้าเข้าข้างเธอแล้ว เธอระวังตัว ค่อยๆเปิดหัวใจทีละนิดๆและค่อยๆก้าวไปอย่างกล้าหาญ แต่มันก็กลับเหี่ยวเฉาก่อนที่จะเบ่งบานซะอีก เธอไม่ฝันถึงความสุขระยะไกลอีกแล้ว ในอนาคตเธอแค่อยากที่จะใช้ชีวิตเพื่อครอบครัวและเพื่อนๆ
เช้าวันต่อมา มู่หรงเสวี่ยก็อยู่ที่บ้านจนกระทั่งบ่ายก่อนที่จะไปที่บ้านโม่อ้ายหลี่ เพราะในระหว่างวันเธอไม่มีเรียนและเธอเองก็ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่มานานแล้วด้วย ดังนั้นวันนี้เธอจึงไม่ได้ไปไหน เพียงแค่อยู่บ้านพูดคุยกับพ่อแม่และพ่อของเธอก็ออกไปที่บริษัทเพียงชั่วโมงเดียวและกลับเข้ามา
อย่างไรก็ตาม โม่อ้ายหลี่ยังไม่มีสิทธิพิเศษที่จะไม่เข้าเรียนดังนั้นในระหว่างวันเธอจึงยังต้องไปเรียน แต่โม่อ้ายหลี่ขอลาพักบ่อยมากเพราะต้องไปจัดการเรื่องธุรกิจของอ้ายเสวี่ยจนอาจารย์เริ่มที่จะสนใจขึ้นมาแล้ว อย่างไรก็ตามทุกครั้งโม่อ้ายหลี่ก็จะให้เหตุผลว่าป่วยตลอด และทางโรงเรียนก็ปฏิเสธคำขอลาป่วยไม่ได้ด้วย
เมื่อมู่หรงเสวี่ยไปถึง เธอก็ไปพร้อมด้วยผลไม้ถุงใหญ่ แต่ไม่ได้เอาตัวยาคุณภาพดีไปด้วยเพราะมันคงจะดึงดูดความสนใจมากเกินไปถ้าจะทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเธอมียาคุณภาพดีอยู่ในครอบครองบ่อยๆ
แม่บ้านเดินนำมู่หรงเสวี่ยเข้าไปที่ห้องนั่งเล่นของตระกูลโม่ ซึ่งมีเพียงโม่อ้ายหลี่ที่นั่งรออยู่
“มู่หรงเสวี่ย เธอมาแล้ว” โม่อ้ายหลี่พูดทักทายอย่างมีความสุข
“นี่เพิ่งกลับมาจากโรงเรียนเหรอ ว่าแต่คุณปู่โม่กับพี่ชายเธอไปไหนล่ะ? ไม่อยู่บ้านเหรอ?” มู่หรงเสวี่ยวางผลไม้ลงบนโต๊ะน้ำชาในห้องนั่งเล่นแล้วจึงถาม
“คุณปู่อยู่จัดการธุระอยู่ที่เมืองหลวง พี่ใหญ่ก็ด้วย แต่อีกไม่กี่วันก็คงกลับมาแล้วล่ะ” โม่อ้ายหลี่หยิบผลไม้ของมู่หรงเสวี่ยอย่างตื่นเต้นและเริ่มที่จะปอกเปลือก เธอเคยกินผลไม้ของ มู่หรงเสวี่ยมาแล้วหลายครั้งและมันอร่อยมากจริงๆ ก่อนหน้านี้เธอลืมที่จะขอให้มู่หรงเสวี่ยเอามาให้เธอบ้าง ตอนนี้เมื่อได้เห็น เธอจึงรีบหยิบมากินโดยไม่สนใจเรื่องอาหารเย็นเลย
“ฉันบอกแล้วไงว่าอย่ากินผลไม้ก่อนอาหารค่ำ เดี๋ยวก็กินข้าวไม่ลงหรอก…” มู่หรงเสวี่ยมองที่อาหารอย่างเงียบๆ
“คุณมู่หรงเสวี่ย อาหารน่ะกินเมื่อไรก็ได้แต่ผลไม้ของเธอเนี่ยกินเท่าไรก็ไม่เคยพอ”
มู่หรงเสวี่ย “……”
“ทำไมไม่พูดอะไรเลยล่ะ?! ยอมแพ้หรือไง?” อาหารบางอย่างก็ไม่ถูกแตะต้องเลยจนต้องหันไปมอง
“เธอรู้แล้วว่าต้องกินยังไง โอเค งั้นพรุ่งนี้ฉันจะเอามาให้อีกเป็นกระสอบเลย เธอจะได้กินให้พอไปเลย” น่าเศร้าที่เธอไม่ค่อยชอบผลไม้เท่าไร
โม่อ้ายหลี่รีบพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “พูดแล้วนะ อย่าลืมนะ ถือว่ารับปากแล้วนะ!” เธอพูดจริงๆ…จะเอามาให้เป็นกระสอบจริงๆแต่ท้องน้อยๆนี้จะรับได้หรือเปล่านะ?! มู่หรงเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ท้องน้อยๆของโม่อ้ายหลี่
โม่อ้ายหลี่เองก็เปิดให้ดูพุงน้อยๆของตัวเองด้วย
นี่ไม่ใช่อะไรที่จะเอามาโชว์เลยนะ โอเคไหม มู่หรงเสวี่ยพ่ายแพ้ให้เธอราบคาบ “ว่าแต่นะ เธอสมัครสอบจบการศึกษาแล้วหรือยัง?” คะแนนของโม่อ้ายหลี่ค่อนข้างดีแต่ก็ไม่ได้ดีเยี่ยมเหมือนกับมู่หรงเสวี่ย ซึ่งเดาว่าไม่น่าจะดีพอที่สมัครได้
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันสมัครไปแล้ว เดิมทีฉันจะสมัครด้วยตัวเองแต่ทางโรงเรียนไม่ตกลงด้วย ฉันก็เลยใช้ช่องทางพิเศษนิดหน่อย ฮ่าฮ่าฮ่า แต่ฉันก็ตั้งใจที่จะสอบด้วยตัวเอง ไม่ได้โกงนะ แค่สอบที่โรงเรียนคงไม่ยากอะไรหรอก”
“ดีแล้วล่ะที่เธอสมัครไปแล้ว ไม่งั้นจะไม่มีที่นั่งสอบ ว่าแต่เธอเลือกที่จะสอบเข้าที่ไหนเหรอ?”
“เข้าที่ไหน ไม่ใช่ที่เดียวกับเธอเหรอ?” โม่อ้ายหลี่ถามด้วยใบหน้าสงสัย
อะไรเนี่ย เด็กสาวคนนี้ไม่สนใจเลยว่าตัวเองจะได้ไปเรียนที่ไหน “ฉันจะไปเรียนที่มหาวิทยาลัยแพทย์เมืองหลวง เธอไปเรียนที่นั่นไม่ได้นอกจากว่าเธออยากจะเรียนแพทย์…”
“อ่า! ฉันไม่สนใจเรื่องการแพทย์หรอก นี่เสี่ยวเสวี่ยจะเข้าไปเรียนแพทย์งั้นเหรอเนี่ย? ฉันคิดว่าเธอจะเลือกเรียนวิชาอื่นซะอีก”
มู่หรงเสวี่ยส่ายหน้า “ถึงแม้ตอนนี้ระดับของฉันจะแค่โอเค แต่ฉันไม่มีใบรับรองคุณสมบัติใด ๆ นอกจากนี้ยังมีบุคลากรที่มีความสามารถมากมายในมหาวิทยาลัยการแพทย์ด้วย ฉันเลยอยากที่จะเรียนเพิ่มเติมอีก ฉันเลยต้องไปที่นั่นเพื่อที่จะประเมินเพิ่มเติมอีก ไม่สำคัญหรอกว่าตอนนี้เธอจะตัดสินใจได้หรือยัง ยังไงซะเธอก็ยังมีเวลาให้คิดอีกหลังจากการสอบจบการศึกษาแล้ว”
“น่าเสียดาย ฉันอยากที่จะไปเรียนที่เดียวกับเธอ ฉันไม่อยากต้องไปเรียนที่อื่นคนเดียว แต่ตัวเองก็ไม่มีความสนใจหรือความสามารถเรื่องการแพทย์เลย ฉันน่าจะเลือกวิชาอื่นมากกว่า ฉันสนใจในเรื่องการจัดการทางการเงิน”
“การจัดการทางการเงินก็น่าสนใจนะ งั้นเมื่อเกรดออกมาเธอก็ลองเอาไปสมัคร”
“…”
ในตอนเย็นหลังจากทานอาหารค่ำเสร็จ มู่หรงเสวี่ยก็เริ่มที่จะสอนโม่อ้ายหลี่ถึงเรื่องเนื้อหาที่สูงขึ้น แน่นอนว่าเธอแอบเอาน้ำพุแห่งจิตวิญญาณออกมาให้เธอดื่มด้วย โม่อ้ายหลี่ไม่ได้ถามอะไรมากและดื่มเข้าไปเลย เธอรู้ดีว่าน้ำนี่เป็นของหายาก หลังจากที่ดีน้ำเข้าไป โม่อ้ายหลี่รู้สึกว่าสมองของเธอชัดเจนขึ้น ก่อนหน้านี้เธอรู้สึกง่วงอย่างมากหลังจากที่ได้อ่านข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่อยู่ดีๆก็กลับตื่นตัวขึ้นมา นอกจากนี้การอธิบายของมู่หรงเสวี่ยก็ฟังเข้าใจง่ายกว่าที่อาจารย์สอนอีกด้วย หลังจากเวลาห้าทุ่ม มู่หรงเสวี่ยรู้สึกว่าปริมาณความรู้ที่โม่อ้ายหลี่ได้รับไปวันนี้มันมากพอแล้ว ดังนั้นเธอจึงเสนอให้ไปนอนก่อนแล้วค่อยมาต่อกันใหม่พรุ่งนี้ อันที่จริงมู่หรงเสวี่ยคิดว่าคงจะดีกว่าถ้าให้เธอได้เรียนที่บ้านในเวลากลางวันจะดีกว่า ถึงแม้จะยังเหลือเวลาอีกเดือนหนึ่งก็ตาม มู่หรงเสวี่ยแนะนำเรื่องนี้กับโม่อ้ายหลี่ เธอเห็นด้วยโดยไม่ต้องคิด ถ้ามีเสี่ยวเสวี่ยมาช่วยดู เธอก็ไม่ต้องกังวลว่าคุณปู่จะไม่เห็นด้วย ตราบใดที่คุณปู่ของเธอเห็นด้วย เรื่องนี้ก็ไม่มีปัญหา
กลางดึกคืนนั้น เมื่อทุกคนหลับกันหมดแล้ว ทันใดนั้นการ์ดที่ประตูก็โทรเข้ามา “เร็วเข้า เร็วเข้า…”
มู่หรงเสวี่ยและโม่อ้ายหลี่สะดุ้งตื่น พวกเธอรีบแต่งตัวและวิ่งลงมาชั้นล่าง
ในตอนนี้ที่ชั้นล่างเปิดไฟทั่วไปหมด พวกการ์ดที่อยู่รอบๆต่างก็เนื้อตัวเปื้อนรอยสีแดงเต็มไปหมด มู่หรงเสวี่ยและโม่อ้ายหลี่ประหลาดใจมากและรีบวิ่งเข้ามา พวกเขาก็เห็นว่าโม่หลิวเฟิงที่กำลังนอนอยู่ที่พื้นพร้อมด้วยเลือดที่ไหลออกมามากมายจากที่หน้าอก การ์ดเอามือกดไว้ในระหว่างที่คนอื่นกำลังโทรเรียกหมอส่วนตัว
น้ำตาของโม่อ้ายหลี่ร่วงลงมาทันที คุกเข่าลงข้างๆโม่หลิวเฟิง ร้องไห้ “พี่ใหญ่ เกิดอะไรขึ้นกับพี่?”
ในตอนนี้โม่หลิวเฟิงไม่ได้สติ ดวงตาปิดแน่น คิ้วขมวดเข้มแต่ก็ยังไม่ฟื้น
มู่หรงเสวี่ยเองก็รู้สึกกลัว ยืนนิ่งอยู่สักพักแล้วก็รีบตอบสนองทันที “เตรียมแอลกอฮอล์, น้ำร้อน, ผ้าขนหนู, ผ้าก๊อซด้วย ฉันจะไปเอาเครื่องมือที่กระเป๋า ห้ามใครเคลื่อนย้ายพี่โม่เด็ดขาด เร็วเข้าสิ” เมื่อพูดจบมู่หรงเสวี่ยก็รีบวิ่งเข้าไปที่ห้อง ล็อกประตูและรีบเข้าไปหยิบน้ำแห่งจิตวิญญาณ, ยารักษาแผล, เข็มทองคำและมีดผ่าตัดออกมาจากมิติลับ
“เร็วเข้า รีบไปเตรียมตามที่เสี่ยวเสวี่ยสั่งสิ” โม่อ้ายหลี่เองก็ตอบสนองด้วยเช่นกัน พร้อมสั่งพวกคนที่อยู่รอบๆ ในตอนนี้มี มู่หรงเสวี่ยอยู่ด้วย ถ้ามีมู่หรงเสวี่ยก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว
หัวใจของเธอสงบขึ้น ตอนนี้เธอเกือบที่จะเป็นลมถึงแม้พี่ชายของเธอจะบาดเจ็บกลับมาบ้างเป็นครั้งคราว แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่บาดเจ็บหนักขนาดนี้แถมยังเป็นการบาดเจ็บที่หน้าอกอีกด้วย ถึงแม้จะไม่ถูกหัวใจแต่ก็ไม่ห่างจากจุดสำคัญเท่าไร โชคดีที่เสี่ยวเสวี่ยอยู่ที่นี่ด้วย ไม่งั้นถ้ามัวแต่รอหมอพี่ชายของเธอก็คงจะเสียเลือดไปมากแน่ๆ
มู่หรงเสวี่ยไม่กล้าที่จะมัวเสียเวลาแม้แต่สักนิด หลังจากที่เอาของทุกอย่างออกมาแล้วก็รีบวิ่งเข้าไปหาโม่หลิวเฟิงทันที “ออกไปให้พ้นทาง วางทุกอย่างไว้ข้างๆแล้วก็เปิดไฟให้หมดด้วย” ทุกคนแหวกทางออกและไม่กล้าที่จะทำอะไรเสียเวลาเลยสักนิด ทุกอย่างพร้อมแล้วและเตรียมของทุกอย่างไว้ข้างๆมู่หรงเสวี่ย
มู่หรงเสวี่ยรีบฆ่าเชื้อเครื่องมือทั้งหมดแต่ก็ยังพูดกับ โม่อ้ายหลี่ “อ้ายหลี่ ตอนนี้ค่อยๆป้อนน้ำขวดนี้ให้เขาทีนะ อย่าแตะตัวของเขา ค่อยๆป้อนนะ”
“ได้” โม่อ้ายหลี่พยักหน้า คนอื่นต่างก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องป้อนน้ำด้วยแต่โม่อ้ายหลี่รู้ดีว่าน้ำนี่จะเป็นเครื่องช่วยชีวิต
โม่อ้ายหลี่ค่อยๆเปิดปากพี่ชายของเธอ ค่อยๆเทน้ำลงไปที่ปากเขาทีละนิด ถึงแม้จะมีน้ำที่ไหลออกมาเยอะพอสมควรแต่ก็ยังมีบางส่วนที่เข้าไปในร่างกายของเขาด้วย “มู่หรงเสวี่ย น้ำหกไปเยอะเลย…”
มู่หรงเสวี่ยทำมือว่าอย่าหยุดและตอบไปว่า “ไม่เป็นไร!”
หลังจากที่ฆ่าเชื้อเสร็จ มู่หรงเสวี่ยก็ค่อยๆตัดเสื้อผ้าออกด้วยกรรไกรและก็มองเห็นแผลถูกยิงของโม่หลิวเฟิงได้อย่างชัดเจน รอยแผลห่างจากหัวใจไปเพียงนิดเดียว หลังจากที่ มู่หรงเสวี่ยถอนหายใจด้วยลมเย็นๆออกมาแล้ว เธอก็เริ่มทำการผ่าตัดอย่างรวดเร็ว สิ่งแรกเลยคือเธอต้องเอากระสุนออกมาก่อน
มู่หรงเสวี่ยผ่าตัดให้พี่โม่เสร็จแล้วจึงทำความสะอาดแผลด้วยน้ำพุจิตวิญญาณและหยุดเลือดด้วยเข็มทองคำเพื่อปิดผนึกเส้นเลือดใหญ่หลายเส้นของบาดแผลเพื่อป้องกันไม่ให้เลือดไหลออกมามากเกินไป แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้โม่หลิวเฟิงก็ยังดูซีดเผือดอย่างมาก ยังไงซะหลังจากที่เขาถูกยิงแล้วพามาที่นี่ก็เสียเลือดออกไปมากมายแล้ว
“บอกให้หมอส่วนตัวเตรียมเลือดสำรองมาด้วยนะ พี่ชายเธอต้องถ่ายเลือดด้วย” หัวของมู่หรงเสวี่ยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาเลยในขณะที่พูด
“โอเค!”
มู่หรงเสวี่ยไม่กล้าที่จะว่อกแว่ก ฝังเข็ม 12 จุดไปตามร่างกาย สนใจแต่เพียงการผ่าตัดของพี่โม่ ที่หน้าผากของเธอเต็มไปด้วยหยดเหงื่อและโม่อ้ายหลี่ก็ค่อยๆเช็ดเหงื่อให้เธอเป็นบางครั้งเพื่อกันไม่ให้เม็ดเหงื่อรบกวนการรักษาของมู่หรงเสวี่ย