บัลลังก์พญาหงส์ – ตอนที่ 522 เปลี่ยนแปลง

ถาวจวินหลันแสดงออกอย่างชัดเจน องค์หญิงเก้าย่อมต้องรู้สึกอย่างแน่นอน จึงเหลือบมองถาวจวินหลันทีหนึ่ง และมองไปยังบ่าวรับใช้คนนั้น แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ก้มหน้าลงไปดื่มน้ำในมือของถาวจวินหลัน  

 

 

 

 

 

พอหมอมาถึงและตรวจชีพจรแล้ว พูดเพียงแค่ว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก เพียงแค่โดนลมเย็นและตกใจมาก ถึงทำให้ตัวร้อน ไม่ได้น่ากังวลมากนัก เพียงแค่กินยาสองสามวันก็จะดีขึ้นเอง  

 

 

 

 

 

ถาวจวินหลันจึงวางใจ และให้คนไปส่งหมอหลวงพร้อมกับนำยากลับมา  

 

 

 

 

 

แน่นอนว่าตลอดระยะเวลานั้นถาวจวินหลันก็ไม่สนใจบ่าวรับใช้ขององค์หญิงเก้าคนนั้นแม้แต่น้อย ปล่อยให้บ่าวหญิงยืนหน้าแดงก่ำด้วยความอับอายอยู่ข้างๆ  

 

 

 

 

 

“เอาเถิด เจ้านอนเสียหน่อย อีกครู่หนึ่งพวกเขากลับมาแล้วข้าจะบอกให้จิ้งผิงมาที่นี่” ถาวจวินหลันพูดเสียงอ่อนโยน จากนั้นก็ช่วยกระชับผ้าห่มให้องค์หญิงเก้า  

 

 

 

 

 

องค์หญิงรู้สึกไม่สบายจริงๆ ก็ไม่ดึงดันอีกต่อไป หลับตาลงอย่างเชื่อฟัง  

 

 

 

 

 

องค์หญิงเก้าเพิ่งหลับตาลอง ทางด้านถาวจวินหลันก็หันไปมองบ่าวหญิงคนนั้นด้วยหน้าเคร่งขรึม  

 

 

 

 

 

บ่าวหญิงคนนั้นย่อมต้องไม่พอใจ ถูกถาวจวินหลันมองเช่นนี้ ไฟโกรธสุมอกราวกับถูกน้ำเย็นสาดจนไฟมอดดับ แล้วมีความหนาวเย็นเข้ามาแทน คล้ายจะสติหลุดไป  

 

 

 

 

 

บ่าวหญิงคนนั้นมองไปทางองค์หญิงเก้า เปิดปากอยากจะเรียกชื่อ  

 

 

 

 

 

แต่ยังไม่ทันเปล่งเสียงออกไปก็ถูกสายตาเฉียบคมของถาวจวินหลันมองปราดมาจนคำพูดติดอยู่ในลำคอ รีบหุบปากอย่างขมขื่น เกรงว่าอนาคตของนางคงจบลงตรงนี้แล้ว  

 

 

 

 

 

ถาวจวินหลันพูดเนิบๆ “เจ้าตามข้ามา ข้ามีเรื่องจะกำชับเจ้า”  

 

 

 

 

 

พอออกมาข้างนอก ถาวจวินหลันก็ไม่ได้ทำอะไร เพียงแค่นั่งลงและถามเรียบๆ ว่า “เจ้าชื่ออะไร?”  

 

 

 

 

 

“บ่าวชื่อซุ่ยอวี้เจ้าค่ะ” บ่าวคนนั้นค่อยๆ คุกเข่าลงช้าๆ ก้มลงไปหมอบพูดอยู่กับพื้น คำพูดนั้นแฝงไว้ด้วยความหวาดระแวง  

 

 

 

 

 

ถาวจวินหลันเห็นซุ่ยอวี้มีท่าทีเช่นนี้ ก็พยักหน้ากล่าว “ในเมื่อเจ้าคุกเข่าลงแล้ว คงต้องรู้ว่าทำไมวันนี้ข้าถึงทำเช่นนี้”  

 

 

 

 

 

ซุ่ยอวี้สะอึกไป แม้ว่าไม่อยากจะยอมรับ แต่ในใจก็รู้ดีว่าทำไม่ได้ จึงพูดแค่ว่า “บ่าวดูแลองค์หญิงไม่รอบคอบ บ่าวสมควรตายเจ้าค่ะ”  

 

 

 

 

 

“เจ้าสมควรตาย” ถาวจวินหลันหรี่ตาลงเล็กน้อย พร้อมหัวเราะเสียงเย็น “หากเจ้าเป็นบ่าวของข้า วันนี้ข้าจะโบยเจ้าจนตายก็ถือว่ามีเหตุผลเต็มที่! ซุ่ยอวี้ ช่างเป็นซุ่ยอวี้ที่บังอาจดีนัก! ข้าจำเจ้าได้ เจ้าตามองค์หญิงเก้าออกมาจากวังหลวงไปยังบ้านตระกูลถาว องค์หญิงเก้าให้ความสำคัญกับเจ้า มีเมตตาต่อเจ้า นั่นก็เพราะว่านางใจดีเห็นแก่ความสัมพันธ์ครั้งเก่า! แต่ข้าคิดว่า ความใจดีและความสัมพันธ์แต่ก่อนขององค์หญิงเก้านี้กลายเป็นยื่นอาหารให้สุนัขเสียอย่างนั้น!”  

 

 

 

 

 

เหงื่อเย็นของซุ่ยอวี้ไหลลงมาในทันใด หมอบอยู่กับพื้นครุ่นคิดว่าสุดท้ายแล้วก็กลืนคำพูดว่าตนเองนั้นเป็นคนที่ฮองเฮาประทานมาให้ลงไป กลัวว่าถ้าคำพูดนี้ดังออกไป จากที่ตอนแรกชายารองตวนอ๋องยังไม่ได้คิดจะทำอะไรตนเอง คงเปลี่ยนเป็นไม่ปล่อยตนไปง่ายๆ แน่นอน  

 

 

 

 

 

“วันนี้เจ้าคุกเข่าอยู่ที่ระเบียงไป คิดให้ดีว่าแท้จริงแล้วเจ้าผิดตรงไหน แล้วคิดให้ดีว่าต่อจากนี้ไปเจ้าควรทำเช่นไร” ถาวจวินหลันพูดเนิบช้า จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป สำหรับคนที่ปรนนิบัติตนเองนั้น จะต้องใช้ความอบอุ่นและบุญคุณ ที่สำคัญคืออำนาจที่กดได้ ใช้กฎเกณฑ์บังคับ บ่าวรับใช้ในเรือนเฉินเซียงล้วนใช้ได้ทั้งนั้น ไม่มีโอกาสได้ใช้วิธีเช่นนี้ แต่วันนี้นางคิดว่าจะต้องใช้วิธีนี้ให้ดีแล้ว  

 

 

 

 

 

ทำเช่นนี้อาจเป็นการทำร้ายหน้าขององค์หญิงเก้า อย่างไรก็นับว่าข้ามหน้าข้ามตา แต่นางคิดว่าเรื่องนี้จำเป็น องค์หญิงเก้าออกหน้ามาสั่งสอนไม่ได้ นางก็จะช่วยเป็นคนเลวแทนองค์หญิงเก้าก็ไม่เป็นอะไร นางเป็นทั้งพี่สะใภ้ เป็นทั้งพี่สามี ก็ยังถือว่าพอพูดผ่านไปได้ ที่สำคัญที่สุดก็คือวันนี้องค์หญิงเก้าเกิดเรื่องขึ้นในจวนตวนชินอ๋อง นางทำเช่นนี้ก็ถือว่าสมเหตุสมผล  

 

 

 

 

 

แน่นอนว่าขอเพียงแค่องค์หญิงเก้าไม่ติดใจ ต่อให้นางจะไม่มีเหตุผลอะไรเลยแม้แต่น้อย นั่นก็ไม่สำคัญ ถาวจวินหลันคิดว่าองค์หญิงเก้าไม่น่าจะติดใจ  

 

 

 

 

 

พอหลี่เย่และถาวจิ้งผิงกลับมา ถาวจวินหลันก็รีบให้ถาวจิ้งผิงไปดูอาการองค์หญิงเก้า พูดตามจริงใจของนางเองรู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย วันนี้เป็นนางที่ทำให้องค์หญิงเก้าเหนื่อยไปด้วย แล้วยังดูแลไม่รอบคอบจนองค์หญิงเก้าต้องล้มป่วยลง  

 

 

 

 

 

ถาวจิ้งผิงได้ยินว่าองค์หญิงเก้าป่วยก็ร้อนใจ รีบไปดูในทันใด   

 

 

 

 

 

แต่หลี่เย่ไม่สะดวกเข้าไป จึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น ถาวจวินหลันบอกตามความจริง พลางถอนหายใจออกมา “สุดท้ายแล้วก็เพราะว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยพบมาก่อน อายุก็ยังน้อย ต้องตกใจขนาดนี้ ข้าเองก็คิดไม่ถึง มิเช่นนั้นจะเชิญหมอมาดูให้เร็วกว่านี้”  

 

 

 

 

 

“เจ้าเก้าดีขึ้นเล็กน้อยแล้ว แต่ก่อนหน้านี้หวาดกลัวเป็นอย่างมาก” หลี่เย่พยักหน้า “พูดไปแล้วตอนนี้ก็เพียงแค่ฝืนทำให้ตนเองดูแข็งแกร่งเท่านั้น แต่ก็ไม่เป็นอะไร อย่างไรก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว ผ่านไปสองสามวันเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง”  

 

 

 

 

 

เทียบกับองค์หญิงเก้า หลี่เย่ย่อมห่วงถาวจวินหลันมากกว่า “เจ้าเองก็ควรเชิญหมอมาดูบ้าง”  

 

 

 

 

 

“ไม่เป็นอะไรเพคะ ข้าดื่มชาสงบใจแล้วก็ดีขึ้น” ถาวจวินหลันพยักหน้า และพูดขึ้นมา “เดี๋ยวอีกครู่หนึ่งหลังจากตั้งสำรับแล้ว ก็ให้คนแบ่งไปให้พวกเขาสองสามีภรรยาไปทานด้วยกันโดยลำพัง หรือว่าจะยังทานด้วยกันเพคะ?”  

 

 

 

 

 

หลี่เย่ครุ่นคิด “ทานด้วยกันเถิด ไม่ว่าอย่างไรก็ป่วยอยู่ไม่อาจทานอย่างอื่นได้ แล้วจะได้ให้เจ้าเก้าพักผ่อนด้วย” ถาวจวินหลันยังคงคิดถึงน้องชายมาก นานๆ ครั้งจะได้มีโอกาสสักทีหนึ่ง หากทะเงสองพี่น้องไม่ได้แม้แต่ทานข้าวด้วยกัน ก็น่าเสียดายมากจริงๆ  

 

 

 

 

 

ผ่านไปอีกสองวันถาวจวินหลันกำลังฟังหญิงชรารายงาน ฉับพลันนั้นคนดูแลจวนด้านนอกก็เข้ามารายงาน “กลองแจ้งข่าวถูกตีแล้วขอรับ!”  

 

 

 

 

 

ใจของถาวจวินหลันนั้นตื่นตะลึง จากนั้นสีหน้าก็เริ่มเปลี่ยนไป เมื่อวานนี้หลี่เย่ยังพูดกับนางว่าฎีกาขององค์รัชทายาทยังมาไม่ถึง และรู้สึกร้อนใจอยู่เลย วันนี้กลองแจ้งข่าวถูกตีดัง ปฏิกิริยาแรกของนางก็คือ นี่ไม่ใช่แผนการของหลี่เย่  

 

 

 

 

 

“เร็วเข้า รีบไปสืบมาว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นใครไปตีกลองแจ้งข่าว” ถาวจวินหลันลุกพรวด ตะคอกอย่างร้อนรน แล้วก็หยุดไปครู่หนึ่งด้วยกลัวว่าจะมีคนจับความผิดปกติได้ แล้วจึงอธิบายว่า “กลองแจ้งข่าวนี้สำคัญมากเพียงใด? เป็นใครกล้ามากถึงเพียงนั้น? ไม่รู้ว่าได้รับความอยุติธรรมอย่างไรกัน?” ที่จริงแล้วต่อให้นางไม่อธิบายก็ไม่มีใครสงสัย เพราะว่าต่อให้ใครได้ยินข่าวนี้ ต่างก็ต้องรู้สึกสงสัยมากเช่นกัน  

 

 

 

 

 

ทุกคนต่างก็รู้ผลจากการตีกลองแจ้งข่าว ที่สำคัญที่สุดก็คือตั้งแต่ก่อตั้งราชสำนัก กลองแจ้งข่าวเพิ่งเคยถูกตีเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น! และผลที่ตามมาจากการตีกลองครั้งนั้นก็คือชินอ๋องคนหนึ่งถูกประหารตัดศีรษะกลางเมือง ในขณะเดียวกันข้าราชการที่อยู่ภายใต้อำนาจก็ปลดออกทั้งหมด  

 

 

 

 

 

คราวนี้ไม่รู้ว่าจะมีผลอย่างไรตามมา? นาทีนี้เกรงว่าคนทั่วทั้งเมืองหลวงต่างเฝ้ารอดูอย่างใจจดใจจ่อ การที่จวนตวนชินอ๋องให้คนไปสืบข่าวมา ก็ถือเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรืออย่างไร?  

 

 

 

 

 

แต่ทว่าข่าวยังไม่ทันสืบได้มา ทางด้านองค์หญิงเก้าก็มาหาอย่างเร่งรีบ องค์หญิงเก้ายังป่วยอยู่ แต่กลับไม่สนใจอีกแล้ว เสื้อผ้าก็ไม่ทันจะได้เปลี่ยน ผมก็รวบขึ้นไปเป็นมวยง่ายๆ เท่านั้นเอง  

 

 

 

 

 

สีหน้าขององค์หญิงเก้าไม่ค่อยดีเท่าไรนัก “ไม่ใช่คนที่เข้ามาขวางรถม้าของข้าเจ้าค่ะ คนคนนั้นถูกเกลี้ยกล่อมจนยอมไปแล้ว”  

 

 

 

 

 

ถาวจวินหลันได้ยินเช่นนั้น ก็ปรากฏรอยยิ้มขมขื่นขึ้นมาในทันใด “ข้าเดาได้แล้ว”  

 

 

 

 

 

“ถ้าเช่นนั้นตอนนี้จะทำเช่นไรเจ้าคะ?” สีหน้าขององค์หญิงเก้าซีดเผือด ใบหน้าเคร่งขรึมมองแล้วยิ่งดูซีดเซียวมากกว่าเดิม “เมื่อเป็นเช่นนี้แผนการก็ถูกทำลายหมดแล้ว”  

 

 

 

 

 

“ก็ไม่ถึงขั้นนั้น” ถาวจวินหลันใจเย็น ส่ายหน้าน้อยๆ “เรื่องนี้เพียงแค่พูดไปล่วงหน้าเท่านั้น ทำให้คนอื่นล่วงรู้ แต่สถานการณ์ในเหอเป่ยตอนนี้เป็นเรื่องจริง แม้ว่าพวกเราไม่อาจทำให้องค์รัชทายาทเสียเปรียบได้ แต่ก็ยังสั่งสมชื่อเสียงดีๆ ได้อยู่”  

 

 

 

 

 

ฮองเฮารู้เรื่องนี้แล้ว ไม่ว่าฎีกาที่องค์รัชทายาทส่งกลับมาในเมืองหลวงจะเขียนว่าอะไร ฮองเฮาก็ไม่มีทางให้ฮ่องเต้เห็นเป็นคนแรก หากถึงมือของฮ่องเต้แล้ว ฎีกาขององค์รัชทายาทจะต้องพูดถึงสภาพตามความจริงทั้งหมดเป็นแน่  

 

 

 

 

 

ถาวจวินหลันใช้นิ้วเคาะพื้นโต๊ะเบาๆ ส่วนในหัวกำลังคิดว่าตนเองควรทำเช่นไรต่อไป  

 

 

 

 

 

องค์หญิงเก้ามองถาวจวินหลันอย่างร้อนรน แม้ว่านางไม่อยากยอมรับ แต่ตอนนี้นางไม่มีแผนการแม้แต่น้อย ทำได้แค่คาดหวังจากถาวจวินหลัน อีกทั้งก็มีเพียงการตัดสินใจของถาวจวินหลันเท่านั้นที่นางเชื่อได้  

 

 

 

 

 

โยนเรื่องอื่นออกไปไม่พูดถึง เรื่องจำพวกนี้ถาวจวินหลันไม่เคยทำอะไรผิดมาก่อน แม้กระทั่งเรื่องที่ทำทุกครั้งล้วนมีประโยชน์ต่อหลี่เย่ ส่งผลดีต่อสถานการณ์โดยรวม  

 

 

 

 

 

เรื่องนี้แม้แต่ไทเฮาเองก็ต้องยอมรับ ดังนั้นไทเฮาถึงได้หยุดเรื่องการคัดเลือกชายาเอกตวนชินอ๋องเอาไว้ชั่วคราว แล้วปล่อยให้ถาวจวินหลันเป็นใหญ่อยู่คนเดียว ไม่มีคนอื่น ก็เพราะว่าตอนนี้หลี่เย่ต้องการภรรยาที่ดี มีไหวพริบ ตัดสินใจได้ดี  

 

 

 

 

 

และถาวจวินหลันก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย   

 

 

 

 

 

“ให้คนไปเตรียมรถ ข้าจะไปจวนเพ่ยหยางโหวสักหน่อย” ถาวจวินหลันหรี่ตาลงเล็กน้อย ส่งเสียงสั่งออกมาเสียงดัง ก่อนเอ่ยปากพูดนั้น ในใจของนางก็ได้ตัดสินใจไปแล้ว  

 

 

 

 

 

องค์หญิงเก้ามองไปยังถาวจวินหลันอย่างคาดหวัง “มีวิธีแล้วหรือเจ้าคะ?”  

 

 

 

 

 

“เจ้าออกไปที่จวนองค์หญิงแปดแทนข้า แล้วขอให้องค์หญิงแปดคิดหาวิธี จะต้องขัดขวางฮองเฮาหรือคนที่ตระกูลหวังส่งมาให้ได้” ถาวจวินหลันมององค์หญิงเก้า ท่าทีเคร่งเครียดพูดเสียงเบา “เรื่องนี้สำคัญมาก จะต้องขอให้องค์หญิงแปดช่วย แล้วบอกนางว่าหากเรื่องนี้สำเร็จข้าจะต้องขอบคุณอย่างงามเป็นแน่!”  

 

 

 

 

 

องค์หญิงเก้าลังเลเล็กน้อย พูดตามจริงแล้วนางไม่คิดว่าองค์หญิงแปดจะช่วยได้ ที่สำคัญไม่ใช่เพราะองค์หญิงแปดไม่ยินยอม แต่เป็นเพราะองค์หญิงแปดไม่มีความสามารถนั้น จะต้องหันไปขอความช่วยเหลือจากญาติขององค์หญิงแปดอีก ดังนั้นต่อให้องค์หญิงแปดต้องลำบากใจก็คงไม่ไปเปิดปากพูดเรื่องนี้อยู่ดี  

 

 

 

 

 

ถาวจวินหลันส่ายหัว “หากองค์หญิงแปดลังเลก็ให้บอกนางว่า ถ้าเรื่องนี้สำเร็จ อิงผินเป็นพระสนม ต่อไปไม่จำเป็นจะต้องฝังร่วมกัน สามีองค์หญิงแปดก็จะได้เลื่อนตำแหน่ง”  

 

 

 

 

 

องค์หญิงเก้าตาเบิกโต มีท่าทีไม่อยากจะเชื่อ ถาวจวินหลันเอาความมั่นใจและความเชื่อมั่นมาจากที่ใดกัน ทำไมถึงได้กล้าลั่นคำสัญญาเช่นนี้?  

 

 

 

 

 

แต่มองดูท่าทีเรียบนิ่งสงบนิ่งและท่าทีจริงใจของถาวจวินหลัน สุดท้ายแล้วองค์หญิงเก้าก็ยังหันและเดินออกไปข้างนอกตามสัญชาตญาณ เตรียมไปหาองค์หญิงแปด  

 

 

 

 

 

ส่วนถาวจวินหลันกลับรีบไปที่จวนเพ่ยหยางโหว ระหว่างทางนางก็เร่งคนบังคับรถม้าอยู่ตลอดว่าให้เร็วมากกว่านี้ เรื่องนี้ไม่สามารถรอได้ หากโอกาสหลุดลอยไป นั่นก็จะไม่มีโอกาสเหลือแล้ว  

 

 

 

 

 

แน่นอนว่านางไม่รู้ว่าหลี่เย่จะทำอะไร แต่ตอนนี้ก็ไปถามไม่ทันแล้ว นางจะต้องทำในสิ่งที่นางทำได้ในทันที นางไม่ยอมมานั่งเสียใจภายหลังแน่นอน  

บัลลังก์พญาหงส์

บัลลังก์พญาหงส์

ตัวนางเป็นลูกขุนนางนักโทษ ขายตัวเองและน้องสาวเข้ามาเป็นนางกำนัลต่ำต้อยในวัง เถาจวินหลันต้องยอมรับชะตากรรมเช่นนี้จริงๆ หรือ? จะต้องใช้ชีวิตอย่างน่าอัปยศอดสู แล้วตายไปอย่างเงียบๆ เช่นนั้นหรือ? นางจะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นเด็ดขาด! นางมีทั้งความสามารถและหน้าตาอันงดงาม อำนาจ ครอบครัว ความรัก…นางต้องการมันทั้งหมด! ส่วนพวกปรปักษ์มันจะต้องโดนทำลายจนย่อยยับ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset