ตอนที่ 1480 เก็บเกี่ยวอย่างเต็มที่ (5)
ข้อเสียเพียงอย่างเดียวก็คือ…ผลไม้แห่งชีวิตจะออกผลทุกสิบปี ซึ่งหมายความว่าหนึ่งร้อยปีจะมีผลไม้แห่งชีวิตแค่สิบผล ก็คือมีเพียงสิบคนเท่านั้นที่สามารถยืดอายุตัวเองได้!
“แม่นางอวิ๋น” เหยียนเข่อเดินมาหาอวิ๋นลั่วเฟิง “สองสามวันก่อนข้าได้ยินว่าสัญญาณของสมบัติเทพเซียนปรากฏเป็นแสงสีเขียวเข้มที่ปกคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้าเหนือภูเขาอ้าย ดังนั้นยอดฝีมือมากมายจึงเดินทางมาที่นี่เพื่อตามหาสมบัติของเทพเซียน ถ้าข้าเดาไม่ผิด ต้นไม้ต้นนี้น่าจะเป็นสาเหตุของข่าวลือเรื่องสมบัติเทพเซียน”
อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้พูดอะไร แต่นางจ้องไปที่ต้นไม้แห่งชีวิตอยู่ตลอดเวลา
นางกำลังโดนล่อลวง!
ช่วงชีวิตของมนุษย์ต่างจากสัตว์อสูรวิญญาณแล้วก็มีข้อจำกัด ถ้าพวกเขาไม่ได้เลื่อนระดับในช่วงที่รุ่งเรือง ช่วงชีวิตของพวกเขาก็จะหมดไป
ตัวอย่างเช่นแม่ทัพอวิ๋นที่เป็นเพียงผู้ฝึกฌานขั้นพิภพตอนอายุขนาดนั้นแล้วยังห่างไกลกว่าจะไปถึงขั้นนภา ถ้ายึดตามธรรมชาติของช่วงชีวิตมนุษย์เขาก็ควรมีชีวิตถึงแปดสิบปี แล้วตอนนั้นเขาเองก็อายุเจ็ดสิบปีแล้วถ้าเขาไม่ได้เจอกับเหตุการณ์เลวร้าย เขาก็มีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกสิบปี แต่ว่าต้นไม้แห่งชีวิตนี้ต่างออกไป
ต้นไม้ต้นนี้ทำให้ช่วงชีวิตของคนเพิ่มขึ้นร้อยปี แล้วหลังจากนั้นเขาก็จะมีชีวิตเป็นอมตะถ้าแม่ทัพอวิ๋นกินผลไม้ต่อไปเรื่อยๆ
“ร่องรอยของเทพเซียนอยู่ที่ไหน ไม่ใช่เขาบอกกันว่าร่องรอยของเทพเซียนอยู่แถวนี้หรอกหรือ ทำไมที่มีแค่ผลไม้หนึ่งผลและต้นไม้เ**่ยวๆ ต้นหนึ่ง”
คนจากพรรคอื่นก็มาถึงแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขาเห็นแค่ผลไม้วิญญาณและต้นไม้เ**่ยวแห้งต้นหนึ่ง
ถึงแม้ว่าผลไม้วิญญาณจะมีค่า แต่ก็ต่างจากที่พวกเขาคาดหวังไว้มาก ดังนั้นพวกเขาจะไม่รู้สึกผิดหวังจนขมขื่นได้อย่างไร
“เป็นไปไม่ได้ ข้าเห็นแสงสีเขียวพุ่งขึ้นจากขอบฟ้าแต่ทำไมถึงไม่มีอะไรเลย” ชายหนุ่มคนหนึ่งรู้สึกผิดหวังแล้วแสดงสีหน้าขมขื่น “การเดินทางมาที่ภูเขาอ้ายทำให้ข้าเสียผู้ติดตามไปจำนวนมาก อย่าบอกนะว่าข้าจะต้องกลับไปมือเปล่า”
ต้นไม้ที่ตายแล้วต้นหนึ่งจะทำอะไรได้ ถึงแม้ว่าจะยกให้พวกเขา พวกเขาก็คงรังเกียจ
“ต้องเป็นเจ้าแน่!” ดวงตาของซูจวิ้นแดงก่ำทันที “เจ้ามาถึงที่นี่ก่อนพวกเรา ดังนั้นเจ้าต้องซ่อนสมบัติเอาไว้! เอามันออกมาเดี๋ยวนี้ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”
หลังจากที่ซูจวิ้นพูดจบ ทุกคนก็หันมาหาอวิ๋นลั่วเฟิง ตอนนี้ความแข็งแกร่งของอวิ๋นอี้ก็ไม่สำคัญในสายตาพวกเขาอีกต่อไป! พวกเขาเป็นแค่กลุ่มคนโลภมากที่ต้องการสมบัติ!
“เอาสมบัติออกมา!”
“ใช่แล้ว พวกเรามาที่ภูเขาอ้ายด้วยกัน เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาเอาทุกอย่างไป ลืมเรื่องสมุนไพรไปเถอะ แต่เจ้าต้องเอาสมบัติของเทพเซียนออกมา ไม่อย่างนั้นพวกเราจะไม่ปล่อยเจ้าไป!”
“เจ้าคนเดียวจะสู้กับพวกเราได้อย่างไร ถ้าเจ้าไม่เอาสมบัติของเทพเซียนออกมา แม้แต่ครอบครัวของเจ้าก็จะไม่ได้รับการละเว้น!”
หลังจากที่นางสัมผัสถึงความมุ่งร้ายจากต้นไม้แห่งชีวิตไม่ได้ นางก็เดินไปเด็ดผลไม้วิญญาณอย่างง่ายดาย
ปกติแล้วจะต้องมีสัตว์อสูรพิทักษ์ทรงพลังคอยปกป้องผลไม้วิญญาณ แต่ว่าด้วยเหตุผลบางอย่างสัตว์อสูรพิทักษ์ที่ควรจะเกิดมาพร้อมกับผลไม้วิญญาณกลับหายไป
อวิ๋นลั่วเฟิงทำเป็นหูหนวกเหมือนไม่ได้ยินคำดุด่าของพวกเขา เมื่อเก็บผลไม้วิญญาณมาแล้ว นางก็เดินไปหาหลินรั่วไป๋แล้วยื่นให้นาง
“นี่คือผลไม้วิญญาณผลสุดท้าย หลังจากที่เจ้ากินเข้าไปแล้วเจ้าก็หายดี ปล่อยเรื่องหลังจากนี้ให้ข้าจัดการแล้วหลับพักผ่อนให้สบาย”
หลินรั่วไป๋เข้าใจว่าอวิ๋นลั่วเฟิงไม่อยากให้นางเห็นฉากนองเลือดตรงหน้า
ตอนที่ 1481 เก็บเกี่ยวอย่างเต็มที่ (6)
ดังนั้นนางจึงกินผลไม้วิญญาณอย่างเชื่อฟัง
พรวด!
หลังจากกินผลไม้วิญญาณเข้าไป หลินรั่วไป๋ก็กระอักเลือดออกมา ร่างของนางโซเซก่อนจะล้มลงในอ้อมกอดของเสี่ยวโม่
ซูจวิ้นเห็นหลินรั่วไป๋ในอ้อมกอดของเสี่ยวโม่ก็โกรธจนควันออกหู แต่จู่ๆ ก็เหมือนว่าเขาจะนึกอะไรออกแล้วเขาก็หัวเราะเยาะ “ตามที่ข้ารู้มา คนที่กินผลไม้วิญญาณจะตกอยู่ในภาวะนอนหลับไปหลายวัน จำนวนวันที่นางนอนก็ขึ้นอยู่กับว่านางแข็งแกร่งแค่ไหน ดูเหมือนว่ากว่านางจะฟื้นขึ้นมาก็ต้องใช้เวลาถึงครึ่งปี”
ดวงตาของซูจวิ้นเป็นประกายแวบหนึ่ง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าทำเรื่องผิดมากแค่ไหน”
“ข้าไม่รู้ว่าข้าทำอะไรผิด” อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้วก่อนหันไปมองซูจวิ้นแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ข้ารู้แค่ว่าเจ้าได้ทำเรื่องผิดผลาดที่ให้อภัยไม่ได้! อวิ๋นอี้สังหารทุกคนที่อยู่ที่นี่วันนี้โดยไม่มีข้อยกเว้น”
เหยียนเข่อและพรรคพวกตกใจอาจจะเพราะไม่คิดว่าอวิ๋นลั่วเฟิงตั้งใจจะกำจัดทุกคน แต่ว่าเมื่อคิดดีๆ พวกเขาก็เข้าใจ นางมีนิสัยที่จะตอบแทนทุกอย่างที่นางได้รับ แล้วจะแปลกอะไรถ้านางจะสังหารคนที่จะสังหารนาง
คนอ่อนแอมักจะถูกรังแกแล้วการทำตัวโหดร้ายก็เป็นทางเดียวที่จะทำให้คนอื่นกลัวเจ้า!
พริบตาเดียวอวิ๋นอี้ก็พุ่งไปข้างหน้าแล้วลงมือสังหาร เงาร่างของเขาเหมือนกับเทพสังหารที่ทำให้พวกเขากลายเป็นศพได้เพียงแค่ยกมือ
ซูจวิ้นส่งสายตาให้ซูลั่วเฉินแล้วหลังจากที่เข้าใจวัตถุประสงค์ เขาก็พุ่งเข้าไปโจมตีอวิ๋นลั่วเฟิงที่อยู่หลังอวิ๋นอี้
“หญิงชั่วช้า วันนี้ข้าจะหักแขนขาเจ้า แล้วมาดูกันว่าเจ้ายังจะกล้าทำตัววางอำนาจอยู่ไหม!”
เมื่อซูลั่วเฉินพุ่งเข้ามาหาอวิ๋นลั่วเฟิง เหยียนเข่อและคนอื่นๆ ก็ตะโกนอย่างรีบร้อน “แม่นางอวิ๋นระวัง!”
ถึงแม้อวิ๋นอี้จะแข็งแกร่ง แต่พวกเขาไม่เคยรับรู้ความแข็งแกร่งของอวิ๋นลั่วเฟิง ดังนั้นหลังจากที่เห็นซูลั่วเฉินลงมือ พวกเขาก็รีบตะโกนเตือน
หญิงสาวยืนอยู่กลางสายลมแล้วไม่ขยับไปไหนแม้แต่น้อย อาภรณ์สีขาวที่สะบัดไปตามลมทำให้เกิดกลิ่นอายเ**้ยมโหด เมื่อการโจมตีของซูลั่วเฉินมาถึงตัวนาง นางก็เลิกคิ้วแล้วมองชายที่คิดร้ายกับนางอย่างเฉยชา
นางยกมือขึ้น…
เพียะ!
…แล้วตบหน้าซูลั่วเฉิน นางตบเบามากๆ จนดูเหมือนไม่ได้ออกแรงสักนิดเดียว
พรรคทั้งหลายที่เห็นเหตุการณ์ก็ส่ายหน้าแล้วหัวเราะเยาะ มีแค่เหยียนเข่อและคนอื่นๆ เท่านั้นที่ยิ้มอย่างขมขื่น พวกเขาอยู่ไกลจากอวิ๋นลั่วเฟิงและไม่สามารถช่วยนางได้ มีแค่ตอนนี้เท่านั้นที่พวกเขามีเวลาหยุดซูลั่วเฉินได้แต่ว่าสิ่งที่ตามมาทำให้ทุกคนตกใจจนโง่งม
ศีรษะของซูลั่วเฉินหมุนไม่หยุดเหมือนลูกข่างจากการตบเบาๆ และอ่อนโยนของอวิ๋นลั่วเฟิง
เขาอยากจะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือแต่ไม่สามารถส่งเสียงอะไรได้ จนสุดท้ายศีรษะเขาก็ส่งเสียงดังกร๊อบแล้วระเบิดออก ร่างเขากระตุกอยู่ที่พื้นแล้วเลือดก็สาดกระจายไปทั่ว ปลดปล่อยเขาออกจากความมึนงง
บนยอดเขา ทุกอย่างเงียบสนิทมีเพียงเสียงลมพัดเท่านั้นที่ได้ยิน
ซูจวิ้นตกใจจนพูดไม่ออก แล้วสิ่งที่ตามมาจากความกลัวในใจก็คือความดีใจ เขากลัวความแข็งแกร่งของอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วก็รู้สึกดีใจที่เขาไม่ได้เป็นคนโจมตีนางก่อนหน้านี้…
ไม่อย่างนั้นด้วยการตบนี้คงเป็นเรื่องยากที่เขาจะรอดชีวิต ที่น่าหัวเราะเยาะก็คือที่จริงเขาเชื่อว่าอวิ๋นลั่วเฟิงเป็นผู้ฝึกฌานขั้นนภา!
ทันใดนั้นซูจวิ้นก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างออก “เจ้าตั้งใจทำแบบนี้! เจ้าต้องตั้งใจเก็บหญ้าอสรพิษเพื่อทำให้พวกเราลดการระวังตัวลงแล้วตกอยู่ในกับดักของเจ้า! สตรีแบบเจ้าทำไมชั่วร้ายเช่นนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าก็คงไม่มีคนตายขนาดนี้!”