ตอนที่ 1456 การเปลี่ยนแปลงของหวงอิงอิง (3)
“ตอนนั้น โอวหย่าทำให้คนในครอบครัวข้าทั้งหมดเสียชีวิต ข้าต้องทรมานกับความยากลำบากมากมายจากโลกภายนอก ไม่มีใครสักคนแสดงความใส่ใจหรือช่วยเหลือข้า แต่แล้วอวิ๋นลั่วเฟิงก็ปรากฏตัวขึ้น นางไม่ได้ทำเพียงแค่รักษาอาการบาดเจ็บของข้า แต่ยังให้ความอบอุ่นกับข้าอีกด้วย นางเป็นความอบอุ่นเดียวที่มี และตั้งแต่นั้นนางก็เป็นญาติเพียงคนเดียวของข้า…”
ถ้าอวิ๋นลั่วเฟิงแค่ให้ความช่วยเหลือนาง นางก็อาจจะไม่ได้จัดอวิ๋นลั่วเฟิงไว้ในตำแหน่งที่สำคัญขนาดนี้แต่ลองจินตนาการดูแล้วกัน ว่าถ้าหากเจ้าสูญเสียบิดามารดาและไม่มีญาติหลงเหลืออยู่อีกต่อไป ต้องทรมานเพราะโดนดูถูกและทำร้าย ไม่ใช่แค่เพียงลำคอที่บาดเจ็บ แต่ร่างกายก็เต็มไปด้วยบาดแผล ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องเห็นศัตรูมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายโดยที่ทำอะไรไม่ได้ ทั้งยังเกือบถูกศัตรูสังหารอีก…
แล้วจู่ๆ ก็มีคนปรากฏตัวขึ้น นางรักษาอาการบาดเจ็บให้ อีกทั้งช่วยแก้แค้นและให้ความอบอุ่นด้วยการกางปีกปกป้อง ไม่ยอมให้ศัตรูมีโอกาสได้ทำร้าย…
ถ้าหากคนแบบนางมีอยู่จริง แล้วเจ้าจะไม่ดูแลนางเหมือนนางเป็นครอบครัวที่สำคัญที่สุดในชีวิตหรือ
แล้วตอนนี้ชะตากรรมของครอบครัวของเจ้าก็ไม่มีใครรู้ เจ้าจะไม่จมอยู่กับความสิ้นหวังได้อย่างไร เห็นได้ชัดว่าในใจของหวงอิงอิง อวิ๋นลั่วเฟิงเป็นครอบครัวคนสุดท้ายของนาง…
“ท่านนักบุญหญิง!”
ทุกคนชะงักก่อนรีบตามไป ทว่าฝีเท้าของพวกเขาก็ถูกเสียงตะโกนเย็นเยือกของเด็กหญิงหยุดเอาไว้ก่อน
“พวกเจ้าทุกคนยืนอยู่ที่นี่ ข้าสั่งห้ามไม่ให้พวกเจ้าตามมา!” หวงอิงอิงพูดเสียงสั่น นางเงยหน้ามองหัวหน้าเผ่าที่อ่อนแอถึงขีดสุดแล้วพูดลอดไรฟัน “ทำไมเจ้าถึงโกหกข้า”
หัวหน้าเผ่าพูดไม่ออก แต่ในใจเขาก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป ถ้าหวงอิงอิงไม่แข็งแกร่งพอ อย่าว่าแต่การปกป้องตัวเอง นางไม่สามารถช่วยเหลือเผ่าผู้ใช้เวทได้ นี่เป็นเหตุผลที่เขาให้นางเข้าพิธีสืบทอดตั้งแต่แรก…
หวงอิงอิงมองหัวหน้าเผ่าอย่างเย็นชา “เจ้าบอกไว้อย่างชัดเจน ว่าเจ้าจะเปิดดินแดนแห่งจินตนาการให้ได้ตราบใดที่ข้ายอมเข้าพิธีสืบทอด เหตุใดเจ้าต้องโกหกข้าด้วย”
สามปีที่แล้วไม่ใช่ว่าหัวหน้าเผ่าไม่อยากเข้าไปดูสถานการณ์ในดินแดนแห่งจินตนาการ แต่เมื่อพวกเขาตั้งใจจะเปิดดินแดนแห่งจินตนาการอีกครั้งก็ไม่คิดว่าดินแดนแห่งจินตนาการจะไม่ทำงานแล้ว
ดังนั้นเขาจึงตั้งความหวังไว้ว่าไม่แน่ท่านนักบุญหญิงอาจจะเปิดดินแดนแห่งจินตนาการได้…
แต่ใครจะคาดคิดว่าดินแดนแห่งจินตนาการจะหายไปก่อนที่ท่านนักบุญหญิงจะสำเร็จพิธีสืบทอด
“ท่านนักบุญหญิง ท่านจะไปที่ไหนขอรับ” เมื่อเห็นว่าท่านนักบุญกำลังจากไป สีหน้าของหัวหน้าเผ่าก็แข็งค้างแล้วตะโกนอย่างตื่นตระหนก
หวงอิงอิงหยุดแต่ไม่ได้หันกลับมา “ข้าจะไปหาแม่นางหงหลวน” พูดจบนางก็เดินต่อเพื่อไปยังตีนเขา
“ท่านนักบุญหญิง!” หัวหน้าเผ่าหน้าซีด เขาพยายามจะก้าวตามหวงอิงอิงแต่จู่ๆ ร่างเขาก็หมดแรงแล้วล้มลงพื้น
“ท่านหัวหน้าเผ่า!” ผู้อาวุโสหน้าซีดด้วยความหวาดกลัวแล้วรีบเข้าไปพยุงร่างหัวหน้าเผ่า เหงื่อเย็นๆ ไหลด้วยความตระหนก
“เร็วเข้า รีบพาหัวหน้าเผ่ากลับ”
เผ่าผู้ใช้เวทกำลังตกอยู่ในภาวะตื่นตระหนก ไม่นานก็มีกลุ่มคนอุ้มหัวหน้าเผ่ากลับไปที่ห้องนอน
“ไม่มีใครรู้ว่าร่างกายของหัวหน้าเผ่าจะทนได้อีกนานแค่ไหน…” หนึ่งในผู้อาวุโสพูดด้วยความสิ้นหวังดวงตาเขสฉายแวววิตกกังวล
“ท่านนักบุญหญิงทำอะไรไม่คิดจริงๆ หัวหน้าเผ่ากำลังป่วยหนักแต่นางก็ไม่ใส่ใจ” ผู้อาวุโสอีกคนขมวดคิ้วเห็นได้ชัดว่าไม่พอใจการกระทำของหวงอิงอิง
“ที่จริงพวกเราจะโทษท่านนักบุญหญิงก็ไม่ถูก เผ่าผู้ใช้เวทของเราสังหารบิดามารดาของท่าน ถึงแม้ว่าคนผิดจะถูกลงโทษแล้วแต่ถ้าไม่ใช่เพราะความผิดพลาดของเผ่าผู้ใช้เวท บิดามารดาท่านก็คงไม่ต้องตาย ดังนั้นนางจึงไม่ใส่ใจเผ่าผู้ใช้เวทมาตั้งแต่แรก แล้วเรื่องนี้ก็มาเกิดขึ้นอีก…” ผู้อาวุโสถอนหายใจ
ถ้าไม่ใช่เพื่ออวิ๋นลั่วเฟิง ไม่แน่ท่านนักบุญหญิงอาจจะไม่มาที่เผ่าผู้ใช้เวทอีก แต่อวิ๋นลั่วเฟิงกลับต้องมาเผชิญอันตรายที่นี่ แล้วนางจะให้อภัยพวกเขาได้อย่างไร
ทั่วทั้งเผ่าถูกปกคลุมด้วยเมฆครึ้ม การเดินทางออกไปของนักบุญหญิงทำให้ความตื่นเต้นของเผ่าผู้ใช้เวทก่อนหน้านี้กลายเป็นตื่นตระหนกและไร้ชีวิตชีวา…
ตอนที่ 1457 การเปลี่ยนแปลงของหวงอิงอิง (4)
อวิ๋นลั่วเฟิงเรียกฉาฉาออกมาแล้วปีนขึ้นหลังสัตว์อสูรก่อนเดินทางไปมณฑลคูหลง นางไม่คิดว่ามณฑลคูหลงที่เคยร้างจะกลับมามีผู้อยู่อาศัยอีก ทว่าคนที่นางตามหาได้ออกไปจากเมืองแล้ว
“ดูเหมือนว่าข้าจะมาช้าไป พวกเขาออกไปแล้ว” อวิ๋นลั่วเฟิงสำรวจบ้านที่ว่างเปล่า “คงง่ายกว่าถ้าข้าไปตามหาหงหลวน ข้าน่าจะเจอนางถ้าไปเมืองบูรพา เพียงแต่ข้ากลัวว่าการตามหาตัวอวิ๋นเซียวจะไม่ง่ายแบบนั้น”
ที่อยู่ของอวิ๋นเซียวมักไม่แน่นอนเสมอ ดังนั้นการตามหาเขาจึงเป็นเรื่องยากมาก อวิ๋นลั่วเฟิงคิดสักพักก่อนจะตัดสินใจ
“แต่ว่าเมืองหลวงอยู่ระหว่างเมืองบูรพาและเมืองวิญญาณ เช่นนั้นแล้วการไปเมืองบูรพาจะทำให้ข้าเสียเวลา คงดีกว่าถ้าข้ามุ่งหน้าไปตระกูลจวินก่อน ถ้าโชคดีข้าอาจจะเจอนางระหว่างทาง”
จู่ๆ เสี่ยวซู่ก็สร้างความวุ่นวายภายในจิตนางจนทำให้นางขมวดคิ้ว “เสี่ยวซู่ เจ้าอยากออกมาหรือ”
“ท่านแม่ ข้าอยากไปอยู่กับท่าน” เสียงของเสี่ยวซู่นุ่มนิ่ม แล้วความน่ารักของเขาก็ทำให้คนอยากเข้ามากอดแล้วป้อนขนมเขา หลังจากที่อวิ๋นลั่วเฟิงได้ยินเสียงเขา หัวใจของนางก็อ่อนยวบลง สุดท้ายนางก็คิดถึงเสี่ยวซู่แล้วยอมให้เขาออกมายืนข้างๆ นาง
“ท่านแม่…” เสี่ยวซู่กระโจนเข้าไปหาอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วใช้มือบอบบางทั้งสองข้างโอบกอดนางไว้ก่อนเผยรอยยิ้มสดใสเต็มใบหน้าน่ารักสีชมพูเปล่งปลั่ง
“หงิงๆ” ฉาฉาถูหัวของตนกับขาของอวิ๋นลั่วเฟิง มันส่งสายตาน่าสงสารมาให้นางเหมือนว่ามันอิจฉาเสี่ยวซู่
“นี่!” เสี่ยวซู่เอามือเท้าเอวแล้วจ้องฉาฉาอย่างโมโห “เจ้าหมาโง่ อย่าคิดที่จะขโมยท่านแม่ของข้านะ เจ้าตัวโตขนาดนี้ ท่านแแม่ไม่มีทางชอบเจ้าหรอก!”
เมื่อเทียบกับเสี่ยวซู่เมื่อสามปีที่แล้ว เขาพูดชัดและเก่งขึ้นมาก แม้เขาจะอายุได้แค่สี่ปีแต่ก็ดูเหมือนเด็กอายุเจ็ดแปดปีแล้ว แก้มอวบๆ นั่นดูเป็นรูปร่างมากขึ้น ท่าทางของเขาเหมือนอวิ๋นเซียวและสง่างามมาก
ฉาฉาหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะม้วนร่างแล้วเปล่งแสงออกมา พริบตาเดียวมันก็กลายร่างเป็นลูกสุนัขน่ารักตัวเท่าฝ่ามือ ดวงตากลมโตที่มีน้ำตาคลอของมันจ้องมองมาที่อวิ๋นลั่วเฟิง
ตอนแรกเสี่ยวซู่ตั้งใจจะเตะฉาฉากลับเข้าไปในมิติคัมภีร์เซียน แต่เมื่อเขาเห็นสุนัขตัวใหญ่กลายเป็นสุนัขตัวเล็กน่ารัก ดวงตาเขาก็เป็นประกาย
“ท่านแม่ ท่านยกเขาให้ข้าเลี้ยงเถอะ” พูดจบเสี่ยวซู่ก็กระโดดเข้าไปหาฉาฉาแล้วใช้มือหนึ่งอุ้มเขาขึ้น ส่วนอีกมือก็ลูบหัวอย่างเอ็นดู
“จริงสิ ทำไมคนพวกนี้ถึงเอาแต่มองพวกเรา” เสี่ยวซู่ถามอย่างไม่เข้าใจ ใบหน้าน่ารักของเขาบิดเบี้ยวเมื่อรับรู้ถึงสายตาของคนที่เดินผ่านไปมา
“อาจจะเป็นเพราะว่าเจ้าหน้าตาดีก็ได้” อวิ๋นลั่วเฟิงตอบพร้อมรอยยิ้มขณะบีบแก้มนุ่มนิ่มทั้งสองข้างของเสี่ยวซู่
เสี่ยวซู่กะพริบตาปริบๆ ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าคนพวกนี้มองหุ่นเชิดชายที่เดินตามท่านแม่มากกว่าล่ะ
เพราะว่าอวิ๋นลั่วเฟิงพาหุ่นเชิดออกมาพร้อมเสี่ยวซู่
แต่ว่าเสี่ยวซู่ผู้ชาญฉลาดก็ไม่ได้ถามอะไรกลับไป เขายื่นไปจับมือของอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วฉีกยิ้มกว้างเต็มใบหน้าน่ารักของเขา
“ท่านแม่ เมื่อไหร่พวกเราจะออกไปตามหาท่านพ่อ”
“พวกเราจะไปเมืองวิญญาณกันก่อน ข้าตั้งใจจะไปไขข้อข้องใจ พวกเราสามารถคอยถามหาข่าวท่านพ่อของเจ้าได้ระหว่างทาง” อวิ๋นลั่วเฟิงถอนหายใจในใจแล้วหลุบตา