ตอนที่ 1442 สมบัติของเจวี๋ยเชียน (7)
ตอนที่นางเพิ่งก้าวขาเข้ามาในที่แห่งนี้แล้วก็เห็นสมบัติทั้งหมดของเจวี๋ยเชียนที่เอาไว้ใช้สำหรับสร้างหุ่นเชิด
“ฮ่าๆๆ!” แล้วจู่ๆ เสียงหัวเราะบ้าคลั่งก็ดังขึ้น ทันใดนั้นร่างเซี่ยงเฟยที่หนีออกมาก่อนหน้านี้ก็พุ่งเข้ามาเหมือนคนบ้าแล้วหัวเราะเสียงดังอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ ขณะที่สายตาจับจ้องไปที่สมบัติที่อยู่เต็มห้อง
“โชคดีเป็นบ้า! ครั้งนี้ข้าได้โชคก้อนใหญ่แล้ว! ทุกอย่างเป็นของข้า ของข้าทั้งหมด!” ดวงตาเขาแดงก่ำเมื่อหันมามองอวิ๋นลั่วเฟิงและจีจิ่วเทียนโดยไม่ละสายตา “ใครก็ตามที่กล้าสู้เพื่อแย่งสมบัติพวกนี้กับข้า ข้าจะลากพวกมันลงมา!”
อวิ๋นลั่วเฟิงจ้องเซี่ยงเฟยอย่างเย็นชา แล้วใบหน้าของนางก็ฉายแววชั่วร้ายเย็นยะเยือก ความจริงแล้วนางสัมผัสได้ถึงตัวตนของเซี่ยงเฟยที่แอบตามพวกนางมา แต่นางไม่ได้สนใจเขา นางไม่คาดคิดว่าเขาจะเสียสติเพราะสมบัติพวกนี้จนเผยตัวออกมา
ดวงตาของเขาแดงก่ำ ความโลภเขียนอยู่เต็มใบหน้า
เซี่ยงเฟยกอดกระบี่ยาวเล่มหนึ่งไว้แล้วตั้งใจจะเลียกระบี่ทั้งเล่ม แต่ว่าเขาก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากกอดกระบี่ในกองสมบัติไว้แน่นแล้วจ้องหน้าพวกนางด้วยดวงตาแดงก่ำ
“ฮึ่ม! ทุกอย่างที่นี่เป็นของข้า ไสหัวไป! อย่ามาแตะต้องสมบัติของข้า!”
ตราบใดที่เขาได้สมบัติพวกนี้ความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วในแผ่นดินนี้จะมีใครต่อกรกับเขาได้อีก
“ฮ่าๆๆ!” เมื่อเซี่ยงเฟยคิดถึงตรงนี้ เขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ผมเผ้าของเขาสะบัดไปตามเสียงหัวเราะจนยุ่งเหยิงยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของเขาดูเสียสติมากขึ้น
“สวะ! พวกเจ้าทุกคนไสหัวไป!” เมื่อเขาเห็นอวิ๋นลั่วเฟิงและจีจิ่วเทียนไม่ตอบสนอง เขาก็ร้องเสียงดังเพื่อที่จะขับไล่พวกนางออกไปจากเขตของตัวเอง
ใช่แล้ว หลังจากที่เซี่ยงเฟยเห็นสมบัติเหล่านี้เขาก็เสียสติไปแล้ว เขาไม่หลงเหลือความกลัวต่อจีจิ่วเทียนแล้วหลงคิดว่าห้องตรงหน้าเขาเป็นของของตนเอง!
“ตอนแรกใต้เท้าตั้งใจจะจัดการกับเขาหลังจากที่เราออกจากที่นี่ แต่ตอนนี้…” จีจิ่วเทียนยกยิ้มน่าขนลุก “…ใต้เท้าจะสังหารเขาก่อน”
ตูม!
กลิ่นอายทรงพลังระเบิดออกมาทันที แรงกดดันทำให้เซี่ยงเฟยสั่นสะท้านแล้วทรุดลงพื้นอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง
ตอนที่เขากำลังจะล้ม เขาก็ควานหาอะไรบางอย่างเพื่อยึดไว้ แต่บังเอิญล้มไปโดนแจกันดินเผาที่อยู่ด้านข้างจนเผยให้เห็นปุ่มที่ซ่อนอยู่ด้านบน ตอนนั้นเองมือเขาก็เผลอไปกดปุ่มจนระเบิดออกแล้วกระแทกร่างเขาลอยไปไกล
ตูม!
พื้นทั้งหมดเริ่มแตกร้าวแล้วห้องก็เริ่มสั่นสะเทือนราวกับว่าสามารถพังได้ทุกเมื่อ
“เกิด…เกิดอะไรขึ้น” อวิ๋นลั่วเฟิงขมวดคิ้วดวงตาเป็นประกายเคร่งเครียด
“ไม่นะ!”
ทันใดนั้นก็เสียงหวาดกลัวก็ดังขึ้นจากด้านหน้าพวกเขา เมื่ออวิ๋นลั่วเฟิงหันไปมองนางก็เห็นร่างของเซี่ยงเฟยค่อยๆ เลือนหายไปราวกับว่าถ้าเขาโดนสัมผัสร่างของเขาก็จะแตกสลาย ดวงตาเขาฉายแววตระหนกเมื่อเห็นร่างของตัวเองค่อยๆ หายไป ไม่นานสายตาของเขาก็เริ่มฝ้าฟางแล้วร่างของเขาก็หายไปจากห้อง
“เขาหายไปแล้วงั้นหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงขมวดคิ้วเป็นโบแล้วดวงตานางเป็นประกายขึ้นมาแวบหนึ่ง “เขาตายแล้วหรือว่า…”
ก่อนที่นางจะเอ่ยปากถามเสร็จเสียงหยิ่งยโสที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมา
“ผู้สืบทอดของข้า ดูเหมือนว่าเจ้าจะได้รับคัมภีร์ของข้าแล้วจึงมาตามหากระดูกผู้ใช้เวทสินะ”
ร่างสง่างามแต่โปร่งแสงค่อยๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกนาง
ตอนที่ 1443 สมบัติของเจวี๋ยเชียน (8)
บุรุษที่อยู่ด้านพวกเขาเองก็สวมเสื้อสีแดงเหมือนกัน แต่เมื่อเทียบกับรูปร่างท่าทางราวจิ้งจอกของจีจิ่วเทียนแล้ว ชายคนนี้กลับดูสง่างามและหยิ่งยโสกว่า! สายตาของเขาเหมือนกำลังดูถูกโลกใบนี้ราวกับว่าเขาเป็นประมุขที่กำลังเหลือบตามองสิ่งมีชีวิตไร้ค่าเบื้องล่างเขาอย่างหยิ่งทระนง
ถูกแล้ว หยิ่งทระนง!
มีแค่ประมุขสูงสุดที่ตัวจริงเท่านั้นที่สามารถดูถูกโลกได้แบบนี้ราวกับว่าแค่สายตาเพียงอย่างเดียวก็สามารถสังหารทุกคนได้เพียงชั่วพริบตา!
“เจวี๋ยเชียน” สีหน้าของจีจิ่วเทียนแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างมาก “ตอนนั้น ข้าก็สงสัยอยู่แล้วว่าทำไมวิญญาณของเจ้าถึงอ่อนแอขนาดนั้น ไม่ว่าจะบาดเจ็บสักแค่ไหนก็ไม่ควรจะอ่อนแอขนาดนั้น! แต่ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะแบ่งวิญญาณออกเป็นหลายส่วน เจ้ารู้หรือไม่ว่าการกระทำของเจ้าจะส่งผลต่อพรสวรรค์ของเจ้าเมื่อเจ้าเกิดใหม่”
เจวี๋นเชียนเชิดคางขึ้นอย่างยโส รูปร่างของเขาทั้งสูงและทรงพลัง คล้ายกับหุบเขาขนาดใหญ่ที่คอยกดทับผู้คนจนหายใจไม่ออก
นี่คือเจวี๋ยเชียน!
เทพแห่งการแพทย์เจวี๋ยเชียนที่ทำให้ทุกคนหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อเขา!
“หลังจากที่เข้ามาในมิติลวงตาแห่งนี้ก็มีเพียงทางเดียวเท่านั้นที่จะออกไปได้ นั่นคือสืบทอดความสามารถทั้งหมดของข้า ถ้าเจ้าผ่านบททดสอบ เจ้าก็สามารถออกไปได้!”
อวิ๋นลั่วเฟิงหรี่ตาเล็กน้อย “โม่เชียนเฉิงบอกข้าว่ากลไกที่นี่จะทำให้ข้าออกไปได้ เขาโกหกข้าหรือว่า…”
“เปล่า เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
ความจริงแล้วเป็นเจวี๋ยเชียนที่สร้างมิติลวงตาแห่งนี้ขึ้น โม่เชียนเฉิงรู้แค่ว่าเขาเข้ามายุ่งกับที่นี่ไม่ได้ดังนั้นเขาจึงคิดไปเองว่ากลไกที่จะทำให้ออกไปได้อยู่ที่นี่ เขาไม่รู้หรอกว่ามีเพียงหนทางเดียวเท่านั้นที่จะออกไปจากที่ได้
“เข้าใจแล้ว” อวิ๋นลั่วเฟิงสูดหายใจเข้าเบาๆ “บอกข้าเลยว่าข้าจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร”
ถึงแม้ว่าร่างของเจวี๋ยเชียนจะโปร่งแสง แต่ก็ไม่อาจซุกซ่อนกลิ่นอายทรงอำนาจของเขาเอาไว้ได้ กลิ่นอายเขาแข็งแกร่งมากจนทำให้คนที่ยืนอยู่เบื้องหน้ารู้สึกกดดัน
“เริ่มจากเจ้าต้องผ่านด่านเลื่อนขั้นให้ได้สามระดับ!”
ผ่านด่านเลื่อนขั้นสามระดับ หรือก็คือนางต้องเลื่อนระดับจากผู้ฝึกฌานขั้นราชันปราชญ์ระดับกลางไปเป็นขั้นจักรพรรดิปราชญ์ระดับกลาง
“คนรักของข้ารอข้าอยู่ข้างนอก ท่านยอมให้ข้าได้บอกลาเขาก่อนเริ่มบทดสอบได้หรือไม่”
เสียงของเจวี๋ยเชียนยังคงสง่างาม “เจ้าออกไปจากที่นี่ไม่ได้จนกว่าจะผ่านบททดสอบทั้งหมด”
เมื่ออวิ๋นลั่วเฟิงได้ยินคำตอบของเขา คิ้วนางก็กระตุกอีกครั้ง นางพลันนึกถึงบุรุษที่อยู่ในกระจกแห่งความว่างเปล่า เขาก็ดื้อรั้นและวางอำนาจเหมือนกับเจวี๋ยเชียนเลย!
หลังจากที่อวิ๋นเซียวให้กระจกแห่งความว่างเปล่านาง นางก็บังเอิญหลุดเข้าไปในกระจกแห่งความว่างเปล่าระหว่างที่เดินทางไปหาเขา ตอนแรกนางก็ขอร้องให้บุรุษในกระจกแห่งความว่างเปล่ายอมให้นางออกไปช่วยชีวิตอวิ๋นเซียวก่อนจะเริ่มบททดสอบ แต่คนคนนั้นก็ดื้อรั้นเหลือเกิน ถ้านางไม่ผ่านภารกิจทั้งหมดก็อย่าหวังว่านางจะได้ออกมา!
โชคดีที่เวลาในกระจกแห่งความว่างเปล่าไม่ตรงกับเวลาข้างนอก ดังนั้นนางจึงไปช่วยอวิ๋นเซียวแล้วเผชิญหน้ากับศัตรูแข็งแกร่งได้ทัน…
“ท่านบอกแค่บททดสอบแรก แล้วบททดสอบที่สองคืออะไร” อวิ๋นลั่วเฟิงถาม
“บททดสอบที่สองก็คือเจ้าต้องสร้างหุ่นเชิดให้ได้ ถ้าเจ้าสร้างหุ่นเชิดไม่ได้ เจ้าก็จากมิติลวงตาแห่งนี้ไปไม่ได้”
บททดสอบแรกต้องใช้เวลานาน แต่บททดสอบที่สองกลับต้องใช้ความทุ่มเท ใครจะรู้ว่านางจะสร้างหุ่นเชิดเสร็จเมื่อไหร่
อวิ๋นลั่วเฟิงครุ่นคิดอยู่สักพัก “ข้าสามารถอยู่ทำบททดสอบที่นี่ได้ แต่ข้ามีเรื่องจะขอร้อง ข้าหวังว่าสัตว์อสูรวิญญาณของข้าจะสามารถมาที่นี่ได้”
เมื่อมีของล้ำค่าอย่างน้ำพุฌานโลหิต นางก็ต้องหารแบ่งให้กับสัตว์อสูรวิญญาณของตัวเอง ไม่แน่ว่าในระหว่างนี้ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรวิญญาณอาจจะเพิ่มขึ้นสักสองสามระดับ…
เจวี๋ยเชียนส่งสายตาทรงอำนาจไปให้อวิ๋นลั่วเฟิง “สัตว์อสูรวิญญาณสามารถมาที่นี่ได้ตั้งแต่แรก ข้าแค่ไม่อนุญาตให้สัตว์อสูรวิญญาณที่อาศัยอยู่ในมิติลวงตาเข้ามาเท่านั้น ส่วนสัตว์อสูรวิญญาณที่เจ้าพามาก็มีสิทธิ์มาที่นี่อยู่แล้ว โม่เชียนเฉิงเข้าใจผิดไปเอง”